บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1187 เส้นทางสู่การเป็นเซียนกระบี่

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1187 เส้นทางสู่การเป็นเซียนกระบี่

บทที่ 1187 เส้นทางสู่การเป็นเซียนกระบี่

หวีด!

เสียงหวีดหวิวคมชัดราวกับเสียงคำรามของสัตว์ร้ายที่พยายามจะฉีกแก้วหูของผู้ฟังออกเป็นชิ้น ๆ เสียงนั้นฉีกผ่านสวรรค์และปฐพี ปราณกระบี่อันสง่างามนี้น่ากลัวเกินไป มันเต็มไปด้วยรัศมีอันแข็งแกร่งที่สามารถทำลายทักษะด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว

นี่คือพลังการทำลายทักษะในดาบเดียว เป็นความสามารถที่มีเพียงปรมาจารย์ชั้นยอดผู้บรรลุในเต๋ากระบี่เท่านั้น จึงสามารถเข้าใจได้!

ปราณกระบี่ประเภทนี้เฉินซีคุ้นเคยดี เพราะเต๋ากระบี่ที่เขาฝึกฝนมาจนถึงตอนนี้ ได้บรรลุมาถึงระดับนี้เช่นกัน ดังนั้นจึงตระหนักดีว่าอำนาจปราณกระบี่นี้น่ากลัวเพียงใด

แทบไม่ต้องลังเลและครุ่นคิดเลยแม้แต่น้อย

ในทำนองเดียวกัน ปราณกระบี่ก็พุ่งออกมาจากปลายนิ้วของเฉินซี และควบแน่นเป็นปราณกระบี่ที่มองไม่เห็น ความว่างเปล่าโดยรอบราวกับระลอกคลื่นที่แตกสลาย พวกมันถูกบดขยี้ภายใต้ปราณกระบี่นี้ แผ่กระจายเป็นวงกว้างในความว่างเปล่า

ระหว่างตนกับหัวเจี้ยนคงมีระยะห่างอยู่หมื่นจั้ง หากมีผู้ชม ณ ที่แห่งนี้ พวกเขาจะสามารถสัมผัสถึงปราณกระบี่ของหัวเจี้ยนคงที่เย็นเฉียบเปี่ยมจิตสังหาร ซึ่งพัดผ่านไปราวกับพายุหิมะที่รุนแรงนี้ได้อย่างแน่นอน

ขณะเดียวกัน ปราณกระบี่ของเฉินซี ประกอบด้วยอักขระยันต์ลึกลับหนาแน่น กระชับ สะอาด เปล่งรัศมีที่มีเอกลักษณ์ และดุร้ายจนทำให้ใจสั่นระรัว

ทั้งสองต่างอยู่ในระดับที่สามารถทำลายฝ่ายตรงข้ามได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!

เต๋ากระบี่ที่พวกเขาเชี่ยวชาญนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นเส้นทางที่แตกต่างกัน คุณภาพไม่มีความต่าง เพียงแตกต่างในระดับชั้นเท่านั้น

ปัง!

ปราณกระบี่ปะทะกัน กลายเป็นกระแสปั่นป่วนที่แฝงพลังทำลายล้างพัดกวาดไปทั่วบริเวณใกล้เคียง

“ปรมาจารย์ชั้นยอดแห่งเต๋ากระบี่ ดูเหมือนว่าทั้งลายเหมันต์และเหมันต์โลหิต จะไม่เหมาะกับเจ้าทั้งคู่”

เมื่อเห็นสิ่งนี้ หัวเจี้ยนคงก็เงียบไปครู่หนึ่ง เขาดูประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกโล่งใจในเวลาเดียวกัน ในที่สุด อีกฝ่ายก็ปรับสีหน้ากลับมาสู่ความสงบ เย็นชา และดูโดดเดี่ยวเช่นเดิม

ตอนนี้เฉินซีเข้าใจว่า การโจมตีสองครั้งก่อนหน้านี้ หัวเจี้ยนคงใช้ทดสอบเพื่อค้นหาว่ากระบี่เล่มใดเหมาะกับเฉินซี

สิ่งนี้ทำให้เฉินซีขมวดคิ้ว “เหตุใดท่านจึงยืนกรานที่จะทำเช่นนี้?”

หัวเจี้ยนคงกล่าว “ขัดขวางการโจมตีของข้าอีกครั้ง แล้วข้าจะให้คำตอบแก่เจ้า”

โอม!

การแสดงออกของหัวเจี้ยนคงกลายเป็นจริงจัง ท่าทางเย่อหยิ่งและภาคภูมิปรากฏขึ้นระหว่างคิ้ว ราวกับกระบี่เซียนที่ไม่มีใครเทียบได้หลุดออกจากฝักและปลดปล่อยความสามารถสูงสุดที่มีอยู่!

ปลายนิ้วฟันทะลุผ่านอากาศ สวรรค์และปฐพีกลายเป็นมืดมิด ทันใดนั้น ประกายแสงสุกใสพร่างพราวระยับผ่าน

ราวกับดวงดาวพราวแสงในราตรี

ยามนี้ สวรรค์และปฐพีเริ่มสลัว เหลือเพียงจุดเล็ก ๆ ที่น่าหลงใหลเท่านั้น!

มันคือปราณกระบี่ประเภทใดกัน?

โชคลาภจากสวรรค์และปฐพีเปลี่ยนแปลงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทันทีที่มันปรากฏขึ้น สวรรค์ ปฐพีและทุกสิ่งดุจกลายเป็นส่วนหนึ่งของปราณกระบี่นั้น พวกมันก่อตัวขึ้นเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์โดยไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ

ราวกับสร้างศัตรูกับโลกทั้งใบ หากตั้งใจที่จะทำลายปราณกระบี่นี้ เช่นนั้นก็ต้องทำลายทั้งสวรรค์และปฐพี!

ขณะนี้ เวลาดูเหมือนจะช้าลง ดวงตาของเฉินซีหดอย่างกะทันหัน ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงปราณกระบี่อันทรงพลังที่ไม่อาจต้านทานได้ ประหนึ่งเฉือนความคิดของเขาไป เฉือนแม้แต่ภูมิปัญญา ความทรงจำ และทุกสิ่งที่มี!

หัวใจกระบี่คือข้า สวรรค์และปฐพีเองก็เป็นข้า!

สวรรค์และปฐพีคือหัวใจของข้า และหัวใจของข้าก็คือกระบี่!

นั่นคือระดับเซียนกระบี่!

เมื่อเห็นแสงที่ดูเหมือนจะทำให้โลกสว่างชัดเจน เขาก็สัมผัสได้ถึงรัศมีอันน่ากลัวและอันตรายในนั้น เฉินก็ซีเลือกหลับตาลง

ความคิดนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในทันที

เต๋ากระบี่มุ่งไปข้างหน้าด้วยความตั้งใจไม่ย่อท้อ

ความตั้งใจที่แน่วแน่ ทุกสิ่งในสวรรค์และปฐพีคือกระบี่ในใจของข้า

ไม่ว่า มหาเต๋า เต๋ารอง หรือความลึกลับต่าง ๆ … ทุกอย่างล้วนสามารถหลอมรวมเข้ากับเต๋ากระบี่ได้ มหาเต๋าอยู่ในใจของข้า มหาเต๋าคือกระบี่ของข้า!

เต๋ากระบี่เป็นดั่งหัวใจของข้า!

เฉินซีลืมตาขึ้น ในดวงตาและแทบทุกส่วนของร่างกายล้วนเต็มไปด้วยปราณกระบี่! ราวกับว่าร่างกายได้กลายเป็นกระบี่คมที่ไม่มีใครเทียบ!

ท่าทางยามนี้ คล้ายกับหัวเจี้ยนคงเล็กน้อย แต่ไม่ได้เข้มงวด สมบูรณ์ และไร้ที่ติเท่า

“หืม?”

หัวเจี้ยนคงตกตะลึงเล็กน้อย สัมผัสได้ถึงบางสิ่ง แสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งออกมาจากดวงตา แม้จะไม่ได้เคลื่อนไหว ทว่าการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในโลกก็กลับสู่ความสงบอีกครั้ง

แม้แต่ปราณกระบี่ที่ปลดปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

เขาจ้องมองเฉินซีที่อยู่ห่างออกไป ร่องรอยของความรู้สึกที่ซับซ้อนพลันเกิดขึ้นในใจ

“ในเวลาเช่นนี้ เขายังสามารถตระหนักรู้แจ้งได้ ดูเหมือนพรสวรรค์แต่กำเนิดของสหายผู้นี้ก็ไม่ใช่น้อยเช่นกัน…”

ท้ายที่สุด เขาก็ส่ายหัวและไม่สามารถหาคำใดมาอธิบายคนผู้นี้ได้

ยามนี้ ความเข้าใจที่ไม่สามารถอธิบายได้มากมายกำลังหลั่งไหลเข้ามาในหัวใจของเฉินซี ประสบการณ์ของการดำดิ่งสู่เต๋ากระบี่ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาสะท้อนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว บรรจบกัน ควบแน่น และพัฒนาขึ้นภายในห้วงจิต

เต๋ากระบี่เป็นทักษะมหาเต๋า จากบรรดาทักษะทั้งหมดมันเป็นอันดับหนึ่งในแง่ของการสังหารอย่างเด็ดขาด

จากรากฐานเบื้องต้น ขั้นสูง ควบรวม ทั้งหมดนี้เป็นประเภทของการเสริมสร้างและการขัดเกลาของเต๋ากระบี่ เมื่อหัวใจกระบี่กระจ่างขึ้น ก็ถือได้ว่ามาถึงระดับปรมาจารย์แล้ว

เหนือระดับปรมาจารย์ คือความสามารถในการทำลายทักษะทั้งหมดด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว มันถูกเรียกว่าระดับปรมาจารย์ชั้นยอด

แต่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่จุดสิ้นสุด เพราะเหนือระดับของปรมาจารย์ชั้นยอด คือระดับของเซียนกระบี่และเซียนปราชญ์กระบี่!

กล่าวอีกนัยหนึ่ง หลังจากที่บรรลุถึงพลังในการทำลายทักษะในกระบี่เดียวของเซียนกระบี่ ผู้มีหัวใจเป็นกระบี่ เป็นหนึ่งกับสวรรค์และปฐพี เมื่อมาถึงระดับนี้ได้แล้ว ทุกสิ่งในโลกล้วนคือมีกระบี่ในจิตใจ!

ตัวอย่างเช่น หัวเจี้ยนคงอยู่ในระดับเซียนกระบี่

เป็นเพราะการโจมตีสังหารครั้งที่สามของหัวเจี้ยนคง ความรู้มากมายที่เฉินซีสะสมไว้จึงได้ปะทุขึ้น จนสัมผัสได้ถึงร่องรอยของแก่นแท้ระดับเซียนกระบี่ ดังนั้น เขาจึงได้สัมผัสกับการรู้แจ้งในเต๋ากระบี่อย่างกะทันหัน!

เวลาผ่านไป เมื่อเฉินซีสัมผัสกับการรู้แจ้งอย่างฉับพลัน ก็สามารถทะลวงผ่านอุปสรรคและบรรลุถึงระดับของเซียนกระบี่ในการก้าวกระโดดเพียงครั้งเดียว

หลังจากนั้นครู่ใหญ่ ชายหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “ขอบคุณสำหรับความเมตตาของท่าน ในตอนนี้ข้าไม่อาจต้านทานการโจมตีครั้งที่สามได้จริง ๆ ”

หัวเจี้ยนคงส่ายศีรษะ “บางคนนั้นไม่สามารถต้านทานมันได้ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรืออนาคต เพราะการแสวงหาหนทางในเต๋าแห่งกระบี่ของพวกเขาหยุดอยู่แค่ระดับปรมาจารย์ชั้นยอดเท่านั้น”

“แต่เจ้านั้นแตกต่าง จากนี้ไป เจ้าถือเป็นผู้มีศักยภาพพอที่จะพุ่งเข้าสู่ระดับเซียนกระบี่แล้ว อีกไม่นานการโจมตีนี้ย่อมไม่สามารถสร้างอันตรายใด ๆ ให้เจ้าได้อีก”

เฉินซีรู้ว่า สิ่งที่หัวเจี้ยนคงกำลังพูดถึงคือการฝึกฝนในเต๋ากระบี่ มันไม่ได้รวมการฝึกฝนหรือพลังแห่งกฎ แต่การได้รับการยอมรับจากตัวตนที่อยู่ในระดับเซียนกระบี่ ก็ทำให้เขารู้สึกยินดียิ่งนัก

เคร้ง!

หัวเจี้ยนคงยื่นมือออกไป และเรียกกระบี่ตะขอดารามาไว้ในมือ ก่อนมองตรงไปที่เฉินซี “นี่คือกระบี่เซียนระดับจักรวาลขั้นสูงสุด อาจารย์มอบเป็นรางวัลแก่ข้า เมื่อครั้งข้าบรรลุถึงระดับเซียนกระบี่ ตอนนี้มันไม่มีประโยชน์สำหรับข้าแล้ว ดังนั้น รับมันไปซะ”

ขณะพูด เขาก็สะบัดแขนเสื้อ ทำให้กระบี่ตะขอดารากลายเป็นลำแสงลอยไปทางเฉินซีอย่างนุ่มนวล

“ช้าก่อน ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งกระบี่เซียนใดไว้นะ!” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว

“เจ้าต้องการที่จะเปิดเผยตัวตนของเจ้าในสำนึกศึกษาหรือ?” หัวเจี้ยนคงตอบกลับด้วยคำถาม

เพียงประโยคเดียว แต่ทำให้หัวใจของเฉินซีตกตะลึง สายตาตวัดมองไปทางหัวเจี้ยนคงราวกับสายฟ้าฟาด

“สิ่งที่ท่านเจ้าสำนักต้องการ… คือ ยันต์ศัสตรา?” ในที่สุดเฉินซีก็ถามอย่างอดไม่ได้

หัวเจี้ยนคงพยักหน้า เขาไม่แปลกใจเมื่อได้ยินคำว่ายันต์ศัสตรา

เมื่อมาถึงจุดนี้ ในที่สุดเฉินซีก็เข้าใจ เจ้าสำนักของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋ารู้ตัวตนของเขานานแล้ว! นอกจากนี้ ตามที่หัวเจี้ยนคงกล่าว เจ้าสำนักคงคิดเก็บยันต์ศัสตราไปเพื่อซ่อนตัวตนของเขาไม่ให้ผู้อื่นสังเกตเห็น

เพราะเหตุใด?

เพื่อปกป้องความลับมรดกของเขาเทพพยากรณ์ หรือเมื่อตัวตนของเขาถูกเปิดเผยจะทำให้เกิดภัยพิบัติหรือปัญหาบางอย่าง?

เฉินซีไม่สามารถเข้าใจได้เลย

“เพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล”

เมื่อเห็นเฉินซียังคงเงียบ หัวเจี้ยนคงจึงกล่าวเสริม “แม้ว่าข้าจะไม่สามารถคาดเดาถึงเจตนาของท่านอาจารย์ได้ แต่มันก็ไม่ใช่เจตนาร้ายต่อเจ้าอย่างแน่นอน ”

เฉินซีเลิกคิ้วขึ้น “ข้าขอพบท่านเจ้าสำนักได้หรือไม่?”

หัวเจี้ยนคงตอบโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย “ได้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ท่านอาจารย์จะมาพบเจ้าเองเมื่อถึงเวลา”

เฉินซีเงียบไปอีกครั้ง

ทว่าในท้ายที่สุด ชายหนุ่มก็ส่งมอบยันต์ศัสตราให้หัวเจี้ยนคง “ได้โปรด… ดูแลมันให้ดี”

หัวเจี้ยนคงพยักหน้า

“ขอบคุณศิษย์พี่” เฉินซีประสานมือก่อนจะหันหลังจากไป

“หากเจ้าต้องการที่จะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเซียนทองคำ เจ้าสามารถขอให้หม้อสมบัติเก้าลึกล้ำ กลั่นหลอมบงกชครามบรรพกาลเป็นโอสถให้เถิด” หัวเจี้ยนคงพูดอย่างกะทันหัน

เฉินซีหยุดชะงักก่อนจะถามว่า “ท่านเจ้าสำนักคงไม่ได้มีนามว่าเหมิงซิงเหอใช่หรือไม่?”

หัวเจี้ยนคงยังนิ่งเงียบ ไม่เอ่ยคำใด

จนกระทั่งเฉินซีจากไป ในที่สุดหัวเจี้ยนคงก็เคลื่อนสายตาไปยังยันต์ศัสตราในมือ ปลายนิ้วค่อย ๆ ลูบไปตามคมกระบี่ที่เรียบง่ายและเย็นเฉียบแผ่วเบา ความประหลาดใจที่ไม่อาจอธิบายได้ปรากฏขึ้นระหว่างคิ้ว

“เมื่อหลายปีก่อน ทุกคนบอกว่าข้าคลั่งกระบี่ แต่ไม่มีผู้ใดรู้ว่าในบรรดากระบี่ทั้งหมดในสามภพ มีเพียงไม่กี่เล่มเท่านั้นที่ทำให้ข้าพึงพอใจได้”

“ยันต์ศัสตราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น”

“น่าเสียดาย สุดท้ายมันก็ไม่ใช่ของข้า…”

ห้องโถงภายในฝ่ายสงวนโอสถ

หลังจากเฉินซีและหัวเจี้ยนคงจากไป ผู้อาวุโสทุกคนต่างตื่นตกใจและสับสนเล็กน้อย

ทำไมหัวเจี้ยนคงถึงมาที่นี่เพื่อตามหาเฉินซี?

ไม่มีใครสามารถคาดเดาคำตอบได้

เพราะไม่รู้คำตอบ พวกเขาจึงหยุดใส่ใจ ขณะที่ความสนใจของเซวียนหยวนพัวจวินหันไปทางจั่วชิวเซิง รอยยิ้มเยาะเย้ยเยือกเย็นปรากฏขึ้นที่มุมปาก

เขาก้าวเข้าไปใกล้พลางกล่าวว่า “เจ้าอ้วน เจ้าคือคนที่มอบหมายงานให้ฟื้นฟูหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำใช่หรือไม่? ตอนนี้ภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว เหตุใดเจ้ายังยืนเฉยอยู่อีก? รีบยืนยันการเสร็จสิ้นภารกิจและมอบรางวัลให้เฉินซีได้แล้ว”

เสียงของเขาดังมากจนทุกคนที่นี่ได้ยินอย่างชัดเจน

ความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่าในแผนของตนทำให้จั่วชิวเซิงหดหู่ และเสียใจมากจนแทบกระอักเลือด เมื่อเห็นเซวียนหยวนพัวจวินเดินเข้ามาหา ใบหน้าอวบอูมก็แดงก่ำทันที เขาพูดด้วยสีหน้าขุ่นเคืองอย่างไม่พอใจ “ข้าบอกหรือว่า ข้าจะไม่ให้รางวัลภารกิจแก่เด็กนั่น? นี่เป็นเรื่องของเฉินซี เหตุใดคุณชายเซวียนหยวนพัวจวินถึงได้ร้อนรนแทนถึงเพียงนี้”

เซวียนหยวนพัวจวินเผยสีหน้าดูถูกเหยียดหยามมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาพูดอย่างไม่ไว้หน้าว่า “ข้าแค่เกรงว่าเจ้าจะกลับคำ และรังแกศิษย์ใหม่อย่างไร้ยางอาย เพราะนั่นเป็นธรรมเนียมอันดีงามของตระกูลจั่วชิวของเจ้านี่ ดังนั้น ข้าจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากป้องกันเอาไว้ก่อน”

จั่วชิวเซิงรู้สึกโกรธอย่างยิ่ง เขาพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เจ้ากล้าทำให้ตระกูลจั่วชิวของข้าอับอายหรือ?”

เซวียนหยวนพัวจวินไม่สนใจคำพูดของอีกฝ่าย โบกมือพลางพูดต่ออย่างเหลืออด “หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว ถ้าเจ้ายังไม่ทำ ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะทุบตีเจ้า ตัดสินใจเลือกได้เลย!”

ถ้าคนอื่นพูดคำเหล่านี้ บางทีผู้คนที่อยู่ตรงนั้นอาจจะยังระคายหูอยู่บ้างไม่มากก็น้อย แต่เมื่อเซวียนหยวนพัวจวินเป็นผู้กล่าว กลับไม่มีผู้ใดกล้าสงสัยในคำกล่าวนี้แม้แต่คนเดียว!

เพราะคนผู้นี้คือบุคคลที่น่ากลัวราวกับคนวิปลาส นิสัยเฉียบคมราวกับใบมีด ยามบ้าคลั่ง แม้แต่อาจารย์ใหญ่สายในฉือฉางเซิง ก็ยังไม่อาจหยุดคนผู้นี้ได้

พริบตาต่อมา ทุกคนก็เผยสีหน้าสิ้นหวังออกมาเล็กน้อย พวกเขาต้องการเกลี้ยกล่อมอีกฝ่ายแต่ไม่กล้าพอ เพราะรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะโน้มน้าวเซวียนหยวนพัวจวิน และยิ่งถูกโน้มน้าวมากเท่าใด คนผู้นี้ก็จะยิ่งบ้าคลั่งมากขึ้นเท่านั้น

ใบหน้าของจั่วชิวเซิงเปลี่ยนไปอีกครั้ง แก้มอวบอูมกระตุกซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่มีที่สิ้นสุด

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท