บทที่ 1196 ควบคุมน้ำในฝ่ามือ
บทที่ 1196 ควบคุมน้ำในฝ่ามือ
การเดิมพันมักจะเกิดขึ้นก่อนการประลองในลานบำเพ็ญเต๋าเพื่อเพิ่มอรรถรสให้กับการประลอง
อย่างไรก็ตาม ค่อนข้างหายากสำหรับการวางเดิมพันด้วยแต้มดาราถึงหนึ่งหมื่นแต้มในครั้งเดียว เพราะท้ายที่สุดแล้ว ทุกคนก็คงไม่ต้องการให้เกิดความแค้นในระหว่างประลอง แต่การกระทำของเซวียนเจิ้นนั่นเหมือนกับการกลั่นแกล้งอย่างเห็นได้ชัด
เพราะศิษย์ใหม่จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมจำนวนมาก เมื่อเลือกที่พำนักของตน และนอกจากเหล่าผู้อาวุโส จะมีใครที่สามารถผลิตแต้มดาราหนึ่งหมื่นแต้มดาราได้อีก?
อย่างไรก็ตาม เซวียนเจิ้นทราบอย่างชัดเจนว่า เฉินซีครอบครองแต้มดาราไม่ใช่แค่จำนวนหลักหมื่น เขาได้ยินมาว่าเฉินซีกวาดภารกิจในเต๋าแห่งยันต์อักขระมาถึงหกสิบภารกิจในวันเดียว และได้รับแต้มดารามามากกว่าแสนแต้ม!
ทั้งที่เฉินซีเป็นศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในสำนักศึกษา แต่แต้มดาราที่คนผู้นี้ครอบครองกลับมากกว่าแต้มดาราของตนซึ่งเป็นศิษย์อาวุโสหาได้รับในครึ่งปีเสียอีก ดังนั้นเซวียนเจิ้นจะไม่รู้สึกโลภได้อย่างไร?
ขณะนี้ เซวียนเจิ้นจึงตัดสินใจจะรีดไถแต้มดาราบางส่วนจากเฉินซี
เมื่อได้ยินเซวียนเจิ้นเดิมพันหนึ่งหมื่นแต้มดารา แม้แต่หลิวอี่หมิงและคนอื่น ๆ ก็ตะลึงเช่นกัน จากนั้นพวกเขาก็เข้าใจและยินดีกับความโชคร้ายของเฉินซี
“เซวียนเจิ้นคนนี้กล้าหาญจริง ๆ!”
พวกเขาอยากรู้ว่าเฉินซีจะกล้ารับคำท้าหรือไม่
“หนึ่งหมื่นแต้มดารา?” เฉินซีขมวดคิ้ว
“อะไร? ไม่กล้าหรือ?” เซวียนเจิ้นรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย เพราะหากเฉินซีไม่รับคำท้า เขาจะพลาดโอกาสที่ดีในการได้รับแต้มดาราไป
“ไม่ ข้ารู้สึกว่าการเดิมพันนี้มันน้อยเกินไป” เฉินซีส่ายศีรษะ “เอาอย่างนี้ดีหรือไม่? ข้าจะวางเดิมพันหนึ่งแสนแต้มดารา เจ้ากล้าเดิมพันกับข้าหรือไม่?”
“หนึ่งแสนแต้มดารา!”
นัยน์ตาของทุกคนหดเล็กลง พวกเขาทั้งรู้สึกประหลาดใจและงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง “เจ้าเด็กนี้ไปเอาความมั่นใจมาจากที่ใดกัน?”
แม้แต่เซวียนเจิ้นก็ยังลังเลเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งนี้
จำนวนเดิมพันนี้มากเกินไป หากแพ้สิ่งที่เขาทุ่มเทมาตลอดหลายปีก็จะสูญเปล่า ถ้าเป็นเพียงหนึ่งหมื่นแต้มดารา แม้จะรู้สึกเจ็บปวด แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจกับมันมากนัก
“ฮึ่ม! พี่เซวียนไม่ต้องกังวล ศิษย์น้องเฉินซีตั้งใจจะเล่นกับพวกเราจนถึงที่สุด! อย่าได้ถูกคำลวงของเขาหลอก” หลิวอี่หมิงแค่นเสียงเย็น
ความหมายคือ ‘อย่ากังวล แม้เจ้าจะแพ้ คนอื่น ๆ ก็สามารถแย่งมันกลับมาให้เจ้าได้ เฉินซีไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า!”
เซวียนเจิ้นรู้สึกผ่อนคลายทันที เขากัดฟันและกล่าวว่า “ตกลง! ข้าจะเดิมพันกับเจ้า!”
เฉินซีหัวเราะอย่างเหี้ยมเกรียมเมื่อได้ยินสิ่งนี้
…
“เดิมพันคือหนึ่งแสนแต้มดารา” เสียงสูงวัยดังขึ้น ชายชราผมขาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กล่าวขึ้น เขาเป็นอาจารย์ผู้ดูแลลานบำเพ็ญเต๋าแห่งนี้ “ในเมื่อเจ้าทั้งคู่ตกลงแล้ว ก็เข้าสู่ลานบำเพ็ญเต๋าได้”
ขณะที่กล่าว ชายชรามองเฉินซีและถอนหายใจแผ่วเบา ราวกับรู้สึกว่าการกระทำของศิษย์ใหม่คนนี้ผลีผลามเกินไป
โอม~
ชายชราผมขาวก้าวไปข้างหน้า และดึงจานค่ายกลออกมา ก่อนจะโบกมือเบา ๆ ทำให้สภาพแวดล้อมของลานบำเพ็ญเต๋าพลุ่งพล่านไปด้วยกระแสของข้อจำกัดที่ไร้รูปร่างและผันผวน
“ข้าคิดว่าพวกเจ้าคงรู้กฎทั้งหมดในลานแห่งนี้ดีอยู่แล้ว นอกจากวัตถุต้องห้ามแล้ว อย่างอื่นก็สามารถใช้ได้ทั้งหมด เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมรับความพ่ายแพ้ ข้อจำกัดนั้นจะส่งผู้แพ้ออกจากลานทันที” ชายชราผมขาวแนะนำกฎ ก่อนจะถอยออกไปด้านข้าง
ชู่ว!
สิ้นคำ เซวียนเจิ้นกระโดดขึ้นไปบนลานประลอง เขาดึงกระบี่ยาวกว่าสี่ฉื่อออกมาพลันเกิดเสียงดังเคร้ง คมกระบี่สีขาวหยก เหมือนมวลของน้ำแข็งเสียดแทงกระดูก
จิตต่อสู้ของเขาพวยพุ่ง เสื้อผ้าพลิ้วไหวตามแรงลม ประกอบกับการแสดงออกอันเย่อหยิ่ง ทำให้ท่าทางสง่างามเป็นอย่างยิ่ง
“สมบัติอมตะระดับจักรวาลขั้นสูง กระบี่เต๋าสกัดหิมะ!”
“ข้าไม่คิดว่าศิษย์พี่เซวียนเจิ้นจะใช้สมบัตินี้ เห็นได้ชัดว่าเขาตั้งใจที่จะเอาชนะเฉินซีในการโจมตีเดียว”
“ที่เขาทำเช่นนี้ก็เพื่อป้องกันสิ่งที่ไม่คาดฝันอย่างไรเล่า วางเดิมพันถึงหนึ่งแสนแต้มดารา ดังนั้นการกระทำของศิษย์พี่เซวียนเจิ้นจึงเด็ดเดี่ยวและชาญฉลาดอย่างยิ่ง”
ท่ามกลางการสนทนาที่มีชีวิตชีวาจากผู้คนรอบข้าง เฉินซีก็ก้าวเท้าเข้าไปในลานประลองเช่นกัน
กู่เยวหมิงและเหลียงเริ่นอดไม่ได้ที่จะกังวลเมื่อเห็นสิ่งนี้ เพราะไม่ว่าพวกเขาจะมั่นใจต่อพลังฝีมือของสหายสักเท่าใด แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล เมื่อสหายของตนต้องเผชิญหน้ากับศิษย์อาวุโสที่ฝึกฝนอยู่ในสำนึกศึกษามาเนิ่นนาน
บนลานบำเพ็ญเต๋า เฉินซีและเซวียนเจิ้นยืนเผชิญหน้ากัน
“เปิด!” ชายชราผมขาวตะโกนเสียงดัง
ครืน!
ทันใดนั้น ข้อจำกัดต่าง ๆ ก็ปรากฏขึ้นราวกับระลอกคลื่น พวกมันก่อตัวเป็นข้อจำกัดขนาดมหึมา ปกคลุมท้องฟ้าไปครึ่งหนึ่ง มันปิดผนึกพื้นที่ภายในอย่างสมบูรณ์ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการต่อสู้ภายในไม่ให้ลุกลามออกไป
“เฉินซี แม้ว่าพรสวรรค์ของเจ้าจะไม่เลว แต่สุดท้ายเจ้าก็เป็นแค่ศิษย์ใหม่ ในฐานะผู้อาวุโส ข้าต้องทำให้เจ้าเข้าใจว่าทุกอย่างจะเริ่มต้นใหม่ เมื่อเจ้าเข้าสู่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า และเจ้าต้องรู้สึกที่ต่ำที่สูง!” เซวียนเจิ้นถือกระบี่ไว้ในมือข้างหนึ่ง ขณะเผยกลิ่นอายอันสง่างามดุดัน เขามีท่าทางหยิ่งผยองและยโสโอหังพลางกล่าววาจา “จำไว้ว่าข้าเป็นศิษย์ของสำนึกศึกษาฝ่ายนอก… ”
เฉินซีขมวดคิ้วและขัดจังหวะ “เจ้ามีคุณสมบัติที่จะทำให้ข้าจำชื่อเจ้าได้ หลังจากที่เจ้าเอาชนะข้าได้เท่านั้น”
“คนผู้นี้ช่างหยิ่งผยองอย่างแท้จริง!”
หลิวอี่หมิงและคนอื่น ๆ หัวเราะเยาะ
ใบหน้าของเซวียนเจิ้นดำคล้ำอย่างยิ่ง
ปัง!
เขาไม่เสียเวลาอีกต่อไป กระบี่เต๋าสกัดหิมะในมือสั่นไหว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นปราณกระบี่ปกคลุมผืนฟ้า ราวกับหิมะโปรยปรายลงมา ความหนาวเย็นเสียดแทงกระดูก ปกคลุมไปทั้งฟ้าดิน!
เมื่อเข้าสู่สนามรบ ท่าทางของเซวียนเจิ้นเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ทั้งโหดเหี้ยม รุนแรง อหังการ และหยิ่งยโส ในบรรดาสหาย เขาถือได้ว่าเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับแนวหน้า
ข้อเท็จจริงเป็นเช่นนั้น ศิษย์คนใดที่สามารถผ่านการทดสอบทั้งสามรอบและเข้าสู่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าจะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร? ในฐานะศิษย์อาวุโสของสำนักศึกษาฝ่ายนอก เซวียนเจิ้นได้อยู่ที่ขอบเขตเซียนลึกลับขั้นสูงมาเกือบสองร้อยปีแล้ว หากเป็นในโลกภายนอก เขาจะสามารถครองตำแหน่งสูงสุดในหมู่ผู้บ่มเพาะที่อยู่ร่วมทวีปได้อย่างแน่นอน
“ช่างเป็นกระบวนท่าอันยอดเยี่ยม ทำให้ทั้งโลกเต็มไปด้วยหิมะ!”
“วิเศษ! การบ่มเพาะของศิษย์พี่เซวียนเจิ้นดีขึ้นมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้! เขาอาจสามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเซียนทองคำได้”
คลื่นเสียงของการสรรเสริญดังก้อง
เฉินซียังคงไม่แยแส สีหน้าทั้งสงบนิ่งและเฉยเมย และไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิดตั้งแต่ต้นจนจบ
เมื่อปราณกระบี่ที่ปกคลุมท้องฟ้า กำลังคำรามและถาโถมเข้ามา เฉินซีก็ยังไม่คิดขยับเขยื้อน
“หรือคนผู้นี้จะกลัวจนตัวแข็ง?”
ทุกคนตกตะลึง สังเกตเห็นอาการผิดปกติของเฉินซีอย่างฉับพลัน
รอยยิ้มโหดเหี้ยมและเย็นชาปรากฏขึ้นที่มุมปากของเซวียนเจิ้น จากนั้นความรู้สึกดูถูกก็เกิดขึ้นในใจ “ข้าคิดว่าอันดับหนึ่งจะต้องไม่ธรรมดา แต่กลับกลายเป็นว่าเขาไม่มีค่าอะไรเลย…”
“หืม?”
ทันใดนั้น ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง เมื่อสังเกตเห็นว่า ปราณกระบี่หิมะจำนวนมหาศาลที่ตนฟันออกไปหยุดนิ่งหลังจากอยู่ห่างอีกฝ่ายเพียง 12 ชุ่น ราวกับชนกำแพงที่ไร้รูปร่าง
แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นหลัก ประเด็นหลักคือ ปราณกระบี่ของตนกำลังค่อย ๆ ละลาย มันเปลี่ยนจากหิมะเป็นละอองน้ำ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นสายน้ำไหลเชี่ยวกราก แล้วกลายเป็นแม่น้ำสายใหญ่!
ปราณกระบี่ที่เป็นเหมือนกระแสน้ำเริ่มไหลเวียนและเปลี่ยนแปลงรอบตัวของเฉินซี มันหลุดออกจากการควบคุมของเซวียนเจิ้นโดยสิ้นเชิง แล้วสยบอยู่เบื้องหน้าฝ่ายตรงข้าม!
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ แม้จะดูเป็นกระบวนการที่เชื่องช้า แต่กลับเสร็จสิ้นในพริบตา!
เมื่อเซวียนเจิ้นหายจากอาการตกใจ มันก็สายเกินไปแล้วที่จะพลิกสถานการณ์!
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?” เซวียนเจิ้นรู้สึกหวาดกลัว
ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แต่นัยน์ตาของผู้ชมทั้งหมดก็หดลง และเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ เพราะนั่นคือเคล็ดวิชาโลกเหมันต์ที่มีพลังทำลายล้างสูง และมีกฎแห่งวารี แต่ทำไมจู่ ๆ มันถึงละลาย และถูกควบคุมโดยอีกฝ่าย?
ฟึ่บ!
ในที่สุด เฉินซีก็เคลื่อนไหว ชายหนุ่มชี้นิ้วเบา ๆ ทำให้หยดน้ำที่อยู่ตรงหน้าเหยียดยาว และกลายเป็นสายฝนโปรยปรายไปทั่วท้องฟ้า
รอยแยกในอากาศถูกเปิดออกอย่างง่ายดายราวกับว่าเศษผ้า ส่วนท้ายของรอยแยกเคลื่อนตรงไปยังเซวียนเจิ้นที่อยู่ไกลออกไป!
ครืน!
ไม่ใช่แค่นั้น กระแสน้ำที่สยบอยู่ตรงหน้าเฉินซีก็ตามไปติด ๆ เป็นดั่งสายฝนโปรยปรายและถาโถมเข้าใส่ ราวกับกระแสน้ำจากภูเขาทรงพลังที่ไม่อาจต้านทานได้
“ฮึ่ม!”
ไม่จำเป็นต้องกล่าว ปฏิกิริยาของเซวียนเจิ้นนั้นรวดเร็วยิ่ง เขาฟื้นคืนความสงบในทันที และตะโกนอย่างดุร้าย ก่อนจะพุ่งไปข้างหน้า พร้อมกับฟันกระบี่ในมือออกไปนับครั้งไม่ถ้วน
เงาภาพติดตาของกระบี่ทุก ๆ อัน เป็นเหมือนธารน้ำแข็งที่ถาโถมลงมา
เมื่อมองจากระยะไกล ดูเหมือนว่าธารน้ำแข็งจำนวนมหาศาลกำลังถาโถมลงมาจากท้องฟ้า ทั้งเย็นยะเยือกเสียดแทงกระดูก อำมหิตและไร้ความปรานี ทำให้มันสามารถเรียกเสียงโห่ร้องจากผู้คนมากมายที่อยู่รอบข้าง
แต่น่าเสียดายที่เขายังคงประเมินความน่ากลัวของอีกฝ่ายต่ำไป
ในช่วงเวลาถัดมา สายฝนที่โปรยปรายลงมาตามกระแสน้ำจำนวนมหาศาล ทำลายธารน้ำแข็งอย่างรุนแรง มันพุ่งเข้าใส่เซวียนเจิ้นอย่างดุร้ายราวกับมังกรขนาดมหึมากำลังคำรามอยู่เหนือที่ราบน้ำแข็ง!
ปัง!
เซวียนเจิ้นไม่คาดคิดว่าการโจมตีของตนจะไร้ผลโดยสิ้นเชิง เขาจึงไม่อาจหลบพ้น ก่อนจะถูกโจมตีด้วยพลังมหาศาลไร้รูปร่าง
กร๊อบ! กร๊อบ!
กระดูกหน้าอกหักและยุบตัวลง แก้ม จมูก และริมฝีปากก็ยุบลงไป ริมฝีปากบนเหมือนกุนเชียงที่ถูกผ่ากลาง เลือดสด ๆ ไหลบ่าออกมาจากภายใน ฟันซี่เล็กหลุดร่วงกระจายอยู่บนพื้น
ภายใต้เสียงอุทานด้วยความตกใจมากมายจากผู้คนรอบข้าง เขาไม่สามารถทนต่อแรงมหาศาลนี้ได้ และถูกระเบิดจนกระเด็นปลิวว่อน ร่างไถลไปไกลกว่า 120 จั้ง ก่อนจะหมดสติไปทันที
เฉินซีควบคุมกลิ่นอายของตน และไม่ขยับแม้แต่ก้าวเดียว “เจ้าไม่สามารถต้านรับพลังของข้าได้แม้แต่ส่วนเดียว สิ่งนี้สามารถพิสูจน์ได้ว่า เจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะทำให้ข้าจำชื่อของเจ้าได้”
บริเวณโดยรอบพลันตกอยู่ในความเงียบงัน
ไม่มีใครคาดคิดว่าการต่อสู้จะจบลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้ อีกทั้งตั้งแต่ต้นจนจบ เฉินซีเพียงแค่ชี้นิ้วเบา ๆ แล้วเซวียนเจิ้นก็พ่ายแพ้ การต่อสู้จบลงอย่างไม่ทันรู้ตัว!
ยามนี้ สีหน้าของหลิวอี่หมิงและศิษย์อาวุโสคนอื่น ๆ ของสำนึกศึกษาฝ่ายนอกพลันเปลี่ยนแปลงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อตระหนักได้ว่า ความแข็งแกร่งของผู้ที่ได้อันดับหนึ่งในหมู่ศิษย์ใหม่นั่นน่ากลัวยิ่งกว่าข่าวลือเสียอีก
ในทางกลับกัน เหลียงเริ่นและกู่เยวหมิงต่างเหลือบมองกันและกัน ก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นพวกเขาก็สบถในใจโดยพร้อมเพรียงกัน “เฉินซีคนนี้ช่างเป็นตัวประหลาดจริง ๆ!”
ไม่ไกลนัก ชายชราผมขาวผู้ดูแลลานประลองก็สะเทือนใจเช่นกัน ในฐานะผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปราชญ์ สายตาของเขานั้นเฉียบแหลมยิ่ง ดังนั้นเขาจึงมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า แม้การโจมตีของเฉินซีจะดูเหมือนปล่อยออกไปอย่างไม่ตั้งใจ แต่แท้จริงแล้วมันกลับบรรลุความสมบูรณ์ในกฎแห่งวารี!
“ศิษย์ใหม่คนนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ!” ชายชราผมขาวถอนหายใจระบายความทึ่งในอก
“ผู้อาวุโส การต่อสู้จบลงแล้ว กรุณาประกาศผลด้วย” เสียงของเฉินซีดังก้อง ทำให้ชายชราผมขาวตื่นจากภวังค์ เขาก้าวไปข้างหน้า และเปิดข้อจำกัดก่อนจะกล่าว “เฉินซีคือผู้ชนะ!”
—————————————————-