บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1196 ควบคุมน้ำในฝ่ามือ

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1196 ควบคุมน้ำในฝ่ามือ

บทที่ 1196 ควบคุมน้ำในฝ่ามือ

การเดิมพันมักจะเกิดขึ้นก่อนการประลองในลานบำเพ็ญเต๋าเพื่อเพิ่มอรรถรสให้กับการประลอง

อย่างไรก็ตาม ค่อนข้างหายากสำหรับการวางเดิมพันด้วยแต้มดาราถึงหนึ่งหมื่นแต้มในครั้งเดียว เพราะท้ายที่สุดแล้ว ทุกคนก็คงไม่ต้องการให้เกิดความแค้นในระหว่างประลอง แต่การกระทำของเซวียนเจิ้นนั่นเหมือนกับการกลั่นแกล้งอย่างเห็นได้ชัด

เพราะศิษย์ใหม่จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมจำนวนมาก เมื่อเลือกที่พำนักของตน และนอกจากเหล่าผู้อาวุโส จะมีใครที่สามารถผลิตแต้มดาราหนึ่งหมื่นแต้มดาราได้อีก?

อย่างไรก็ตาม เซวียนเจิ้นทราบอย่างชัดเจนว่า เฉินซีครอบครองแต้มดาราไม่ใช่แค่จำนวนหลักหมื่น เขาได้ยินมาว่าเฉินซีกวาดภารกิจในเต๋าแห่งยันต์อักขระมาถึงหกสิบภารกิจในวันเดียว และได้รับแต้มดารามามากกว่าแสนแต้ม!

ทั้งที่เฉินซีเป็นศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในสำนักศึกษา แต่แต้มดาราที่คนผู้นี้ครอบครองกลับมากกว่าแต้มดาราของตนซึ่งเป็นศิษย์อาวุโสหาได้รับในครึ่งปีเสียอีก ดังนั้นเซวียนเจิ้นจะไม่รู้สึกโลภได้อย่างไร?

ขณะนี้ เซวียนเจิ้นจึงตัดสินใจจะรีดไถแต้มดาราบางส่วนจากเฉินซี

เมื่อได้ยินเซวียนเจิ้นเดิมพันหนึ่งหมื่นแต้มดารา แม้แต่หลิวอี่หมิงและคนอื่น ๆ ก็ตะลึงเช่นกัน จากนั้นพวกเขาก็เข้าใจและยินดีกับความโชคร้ายของเฉินซี

“เซวียนเจิ้นคนนี้กล้าหาญจริง ๆ!”

พวกเขาอยากรู้ว่าเฉินซีจะกล้ารับคำท้าหรือไม่

“หนึ่งหมื่นแต้มดารา?” เฉินซีขมวดคิ้ว

“อะไร? ไม่กล้าหรือ?” เซวียนเจิ้นรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย เพราะหากเฉินซีไม่รับคำท้า เขาจะพลาดโอกาสที่ดีในการได้รับแต้มดาราไป

“ไม่ ข้ารู้สึกว่าการเดิมพันนี้มันน้อยเกินไป” เฉินซีส่ายศีรษะ “เอาอย่างนี้ดีหรือไม่? ข้าจะวางเดิมพันหนึ่งแสนแต้มดารา เจ้ากล้าเดิมพันกับข้าหรือไม่?”

“หนึ่งแสนแต้มดารา!”

นัยน์ตาของทุกคนหดเล็กลง พวกเขาทั้งรู้สึกประหลาดใจและงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง “เจ้าเด็กนี้ไปเอาความมั่นใจมาจากที่ใดกัน?”

แม้แต่เซวียนเจิ้นก็ยังลังเลเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งนี้

จำนวนเดิมพันนี้มากเกินไป หากแพ้สิ่งที่เขาทุ่มเทมาตลอดหลายปีก็จะสูญเปล่า ถ้าเป็นเพียงหนึ่งหมื่นแต้มดารา แม้จะรู้สึกเจ็บปวด แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจกับมันมากนัก

“ฮึ่ม! พี่เซวียนไม่ต้องกังวล ศิษย์น้องเฉินซีตั้งใจจะเล่นกับพวกเราจนถึงที่สุด! อย่าได้ถูกคำลวงของเขาหลอก” หลิวอี่หมิงแค่นเสียงเย็น

ความหมายคือ ‘อย่ากังวล แม้เจ้าจะแพ้ คนอื่น ๆ ก็สามารถแย่งมันกลับมาให้เจ้าได้ เฉินซีไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า!”

เซวียนเจิ้นรู้สึกผ่อนคลายทันที เขากัดฟันและกล่าวว่า “ตกลง! ข้าจะเดิมพันกับเจ้า!”

เฉินซีหัวเราะอย่างเหี้ยมเกรียมเมื่อได้ยินสิ่งนี้

“เดิมพันคือหนึ่งแสนแต้มดารา” เสียงสูงวัยดังขึ้น ชายชราผมขาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กล่าวขึ้น เขาเป็นอาจารย์ผู้ดูแลลานบำเพ็ญเต๋าแห่งนี้ “ในเมื่อเจ้าทั้งคู่ตกลงแล้ว ก็เข้าสู่ลานบำเพ็ญเต๋าได้”

ขณะที่กล่าว ชายชรามองเฉินซีและถอนหายใจแผ่วเบา ราวกับรู้สึกว่าการกระทำของศิษย์ใหม่คนนี้ผลีผลามเกินไป

โอม~

ชายชราผมขาวก้าวไปข้างหน้า และดึงจานค่ายกลออกมา ก่อนจะโบกมือเบา ๆ ทำให้สภาพแวดล้อมของลานบำเพ็ญเต๋าพลุ่งพล่านไปด้วยกระแสของข้อจำกัดที่ไร้รูปร่างและผันผวน

“ข้าคิดว่าพวกเจ้าคงรู้กฎทั้งหมดในลานแห่งนี้ดีอยู่แล้ว นอกจากวัตถุต้องห้ามแล้ว อย่างอื่นก็สามารถใช้ได้ทั้งหมด เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมรับความพ่ายแพ้ ข้อจำกัดนั้นจะส่งผู้แพ้ออกจากลานทันที” ชายชราผมขาวแนะนำกฎ ก่อนจะถอยออกไปด้านข้าง

ชู่ว!

สิ้นคำ เซวียนเจิ้นกระโดดขึ้นไปบนลานประลอง เขาดึงกระบี่ยาวกว่าสี่ฉื่อออกมาพลันเกิดเสียงดังเคร้ง คมกระบี่สีขาวหยก เหมือนมวลของน้ำแข็งเสียดแทงกระดูก

จิตต่อสู้ของเขาพวยพุ่ง เสื้อผ้าพลิ้วไหวตามแรงลม ประกอบกับการแสดงออกอันเย่อหยิ่ง ทำให้ท่าทางสง่างามเป็นอย่างยิ่ง

“สมบัติอมตะระดับจักรวาลขั้นสูง กระบี่เต๋าสกัดหิมะ!”

“ข้าไม่คิดว่าศิษย์พี่เซวียนเจิ้นจะใช้สมบัตินี้ เห็นได้ชัดว่าเขาตั้งใจที่จะเอาชนะเฉินซีในการโจมตีเดียว”

“ที่เขาทำเช่นนี้ก็เพื่อป้องกันสิ่งที่ไม่คาดฝันอย่างไรเล่า วางเดิมพันถึงหนึ่งแสนแต้มดารา ดังนั้นการกระทำของศิษย์พี่เซวียนเจิ้นจึงเด็ดเดี่ยวและชาญฉลาดอย่างยิ่ง”

ท่ามกลางการสนทนาที่มีชีวิตชีวาจากผู้คนรอบข้าง เฉินซีก็ก้าวเท้าเข้าไปในลานประลองเช่นกัน

กู่เยวหมิงและเหลียงเริ่นอดไม่ได้ที่จะกังวลเมื่อเห็นสิ่งนี้ เพราะไม่ว่าพวกเขาจะมั่นใจต่อพลังฝีมือของสหายสักเท่าใด แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล เมื่อสหายของตนต้องเผชิญหน้ากับศิษย์อาวุโสที่ฝึกฝนอยู่ในสำนึกศึกษามาเนิ่นนาน

บนลานบำเพ็ญเต๋า เฉินซีและเซวียนเจิ้นยืนเผชิญหน้ากัน

“เปิด!” ชายชราผมขาวตะโกนเสียงดัง

ครืน!

ทันใดนั้น ข้อจำกัดต่าง ๆ ก็ปรากฏขึ้นราวกับระลอกคลื่น พวกมันก่อตัวเป็นข้อจำกัดขนาดมหึมา ปกคลุมท้องฟ้าไปครึ่งหนึ่ง มันปิดผนึกพื้นที่ภายในอย่างสมบูรณ์ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการต่อสู้ภายในไม่ให้ลุกลามออกไป

“เฉินซี แม้ว่าพรสวรรค์ของเจ้าจะไม่เลว แต่สุดท้ายเจ้าก็เป็นแค่ศิษย์ใหม่ ในฐานะผู้อาวุโส ข้าต้องทำให้เจ้าเข้าใจว่าทุกอย่างจะเริ่มต้นใหม่ เมื่อเจ้าเข้าสู่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า และเจ้าต้องรู้สึกที่ต่ำที่สูง!” เซวียนเจิ้นถือกระบี่ไว้ในมือข้างหนึ่ง ขณะเผยกลิ่นอายอันสง่างามดุดัน เขามีท่าทางหยิ่งผยองและยโสโอหังพลางกล่าววาจา “จำไว้ว่าข้าเป็นศิษย์ของสำนึกศึกษาฝ่ายนอก… ”

เฉินซีขมวดคิ้วและขัดจังหวะ “เจ้ามีคุณสมบัติที่จะทำให้ข้าจำชื่อเจ้าได้ หลังจากที่เจ้าเอาชนะข้าได้เท่านั้น”

“คนผู้นี้ช่างหยิ่งผยองอย่างแท้จริง!”

หลิวอี่หมิงและคนอื่น ๆ หัวเราะเยาะ

ใบหน้าของเซวียนเจิ้นดำคล้ำอย่างยิ่ง

ปัง!

เขาไม่เสียเวลาอีกต่อไป กระบี่เต๋าสกัดหิมะในมือสั่นไหว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นปราณกระบี่ปกคลุมผืนฟ้า ราวกับหิมะโปรยปรายลงมา ความหนาวเย็นเสียดแทงกระดูก ปกคลุมไปทั้งฟ้าดิน!

เมื่อเข้าสู่สนามรบ ท่าทางของเซวียนเจิ้นเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ทั้งโหดเหี้ยม รุนแรง อหังการ และหยิ่งยโส ในบรรดาสหาย เขาถือได้ว่าเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับแนวหน้า

ข้อเท็จจริงเป็นเช่นนั้น ศิษย์คนใดที่สามารถผ่านการทดสอบทั้งสามรอบและเข้าสู่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าจะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร? ในฐานะศิษย์อาวุโสของสำนักศึกษาฝ่ายนอก เซวียนเจิ้นได้อยู่ที่ขอบเขตเซียนลึกลับขั้นสูงมาเกือบสองร้อยปีแล้ว หากเป็นในโลกภายนอก เขาจะสามารถครองตำแหน่งสูงสุดในหมู่ผู้บ่มเพาะที่อยู่ร่วมทวีปได้อย่างแน่นอน

“ช่างเป็นกระบวนท่าอันยอดเยี่ยม ทำให้ทั้งโลกเต็มไปด้วยหิมะ!”

“วิเศษ! การบ่มเพาะของศิษย์พี่เซวียนเจิ้นดีขึ้นมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้! เขาอาจสามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเซียนทองคำได้”

คลื่นเสียงของการสรรเสริญดังก้อง

เฉินซียังคงไม่แยแส สีหน้าทั้งสงบนิ่งและเฉยเมย และไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิดตั้งแต่ต้นจนจบ

เมื่อปราณกระบี่ที่ปกคลุมท้องฟ้า กำลังคำรามและถาโถมเข้ามา เฉินซีก็ยังไม่คิดขยับเขยื้อน

“หรือคนผู้นี้จะกลัวจนตัวแข็ง?”

ทุกคนตกตะลึง สังเกตเห็นอาการผิดปกติของเฉินซีอย่างฉับพลัน

รอยยิ้มโหดเหี้ยมและเย็นชาปรากฏขึ้นที่มุมปากของเซวียนเจิ้น จากนั้นความรู้สึกดูถูกก็เกิดขึ้นในใจ “ข้าคิดว่าอันดับหนึ่งจะต้องไม่ธรรมดา แต่กลับกลายเป็นว่าเขาไม่มีค่าอะไรเลย…”

“หืม?”

ทันใดนั้น ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง เมื่อสังเกตเห็นว่า ปราณกระบี่หิมะจำนวนมหาศาลที่ตนฟันออกไปหยุดนิ่งหลังจากอยู่ห่างอีกฝ่ายเพียง 12 ชุ่น ราวกับชนกำแพงที่ไร้รูปร่าง

แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นหลัก ประเด็นหลักคือ ปราณกระบี่ของตนกำลังค่อย ๆ ละลาย มันเปลี่ยนจากหิมะเป็นละอองน้ำ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นสายน้ำไหลเชี่ยวกราก แล้วกลายเป็นแม่น้ำสายใหญ่!

ปราณกระบี่ที่เป็นเหมือนกระแสน้ำเริ่มไหลเวียนและเปลี่ยนแปลงรอบตัวของเฉินซี มันหลุดออกจากการควบคุมของเซวียนเจิ้นโดยสิ้นเชิง แล้วสยบอยู่เบื้องหน้าฝ่ายตรงข้าม!

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ แม้จะดูเป็นกระบวนการที่เชื่องช้า แต่กลับเสร็จสิ้นในพริบตา!

เมื่อเซวียนเจิ้นหายจากอาการตกใจ มันก็สายเกินไปแล้วที่จะพลิกสถานการณ์!

“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?” เซวียนเจิ้นรู้สึกหวาดกลัว

ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แต่นัยน์ตาของผู้ชมทั้งหมดก็หดลง และเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ เพราะนั่นคือเคล็ดวิชาโลกเหมันต์ที่มีพลังทำลายล้างสูง และมีกฎแห่งวารี แต่ทำไมจู่ ๆ มันถึงละลาย และถูกควบคุมโดยอีกฝ่าย?

ฟึ่บ!

ในที่สุด เฉินซีก็เคลื่อนไหว ชายหนุ่มชี้นิ้วเบา ๆ ทำให้หยดน้ำที่อยู่ตรงหน้าเหยียดยาว และกลายเป็นสายฝนโปรยปรายไปทั่วท้องฟ้า

รอยแยกในอากาศถูกเปิดออกอย่างง่ายดายราวกับว่าเศษผ้า ส่วนท้ายของรอยแยกเคลื่อนตรงไปยังเซวียนเจิ้นที่อยู่ไกลออกไป!

ครืน!

ไม่ใช่แค่นั้น กระแสน้ำที่สยบอยู่ตรงหน้าเฉินซีก็ตามไปติด ๆ เป็นดั่งสายฝนโปรยปรายและถาโถมเข้าใส่ ราวกับกระแสน้ำจากภูเขาทรงพลังที่ไม่อาจต้านทานได้

“ฮึ่ม!”

ไม่จำเป็นต้องกล่าว ปฏิกิริยาของเซวียนเจิ้นนั้นรวดเร็วยิ่ง เขาฟื้นคืนความสงบในทันที และตะโกนอย่างดุร้าย ก่อนจะพุ่งไปข้างหน้า พร้อมกับฟันกระบี่ในมือออกไปนับครั้งไม่ถ้วน

เงาภาพติดตาของกระบี่ทุก ๆ อัน เป็นเหมือนธารน้ำแข็งที่ถาโถมลงมา

เมื่อมองจากระยะไกล ดูเหมือนว่าธารน้ำแข็งจำนวนมหาศาลกำลังถาโถมลงมาจากท้องฟ้า ทั้งเย็นยะเยือกเสียดแทงกระดูก อำมหิตและไร้ความปรานี ทำให้มันสามารถเรียกเสียงโห่ร้องจากผู้คนมากมายที่อยู่รอบข้าง

แต่น่าเสียดายที่เขายังคงประเมินความน่ากลัวของอีกฝ่ายต่ำไป

ในช่วงเวลาถัดมา สายฝนที่โปรยปรายลงมาตามกระแสน้ำจำนวนมหาศาล ทำลายธารน้ำแข็งอย่างรุนแรง มันพุ่งเข้าใส่เซวียนเจิ้นอย่างดุร้ายราวกับมังกรขนาดมหึมากำลังคำรามอยู่เหนือที่ราบน้ำแข็ง!

ปัง!

เซวียนเจิ้นไม่คาดคิดว่าการโจมตีของตนจะไร้ผลโดยสิ้นเชิง เขาจึงไม่อาจหลบพ้น ก่อนจะถูกโจมตีด้วยพลังมหาศาลไร้รูปร่าง

กร๊อบ! กร๊อบ!

กระดูกหน้าอกหักและยุบตัวลง แก้ม จมูก และริมฝีปากก็ยุบลงไป ริมฝีปากบนเหมือนกุนเชียงที่ถูกผ่ากลาง เลือดสด ๆ ไหลบ่าออกมาจากภายใน ฟันซี่เล็กหลุดร่วงกระจายอยู่บนพื้น

ภายใต้เสียงอุทานด้วยความตกใจมากมายจากผู้คนรอบข้าง เขาไม่สามารถทนต่อแรงมหาศาลนี้ได้ และถูกระเบิดจนกระเด็นปลิวว่อน ร่างไถลไปไกลกว่า 120 จั้ง ก่อนจะหมดสติไปทันที

เฉินซีควบคุมกลิ่นอายของตน และไม่ขยับแม้แต่ก้าวเดียว “เจ้าไม่สามารถต้านรับพลังของข้าได้แม้แต่ส่วนเดียว สิ่งนี้สามารถพิสูจน์ได้ว่า เจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะทำให้ข้าจำชื่อของเจ้าได้”

บริเวณโดยรอบพลันตกอยู่ในความเงียบงัน

ไม่มีใครคาดคิดว่าการต่อสู้จะจบลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้ อีกทั้งตั้งแต่ต้นจนจบ เฉินซีเพียงแค่ชี้นิ้วเบา ๆ แล้วเซวียนเจิ้นก็พ่ายแพ้ การต่อสู้จบลงอย่างไม่ทันรู้ตัว!

ยามนี้ สีหน้าของหลิวอี่หมิงและศิษย์อาวุโสคนอื่น ๆ ของสำนึกศึกษาฝ่ายนอกพลันเปลี่ยนแปลงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อตระหนักได้ว่า ความแข็งแกร่งของผู้ที่ได้อันดับหนึ่งในหมู่ศิษย์ใหม่นั่นน่ากลัวยิ่งกว่าข่าวลือเสียอีก

ในทางกลับกัน เหลียงเริ่นและกู่เยวหมิงต่างเหลือบมองกันและกัน ก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นพวกเขาก็สบถในใจโดยพร้อมเพรียงกัน “เฉินซีคนนี้ช่างเป็นตัวประหลาดจริง ๆ!”

ไม่ไกลนัก ชายชราผมขาวผู้ดูแลลานประลองก็สะเทือนใจเช่นกัน ในฐานะผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปราชญ์ สายตาของเขานั้นเฉียบแหลมยิ่ง ดังนั้นเขาจึงมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า แม้การโจมตีของเฉินซีจะดูเหมือนปล่อยออกไปอย่างไม่ตั้งใจ แต่แท้จริงแล้วมันกลับบรรลุความสมบูรณ์ในกฎแห่งวารี!

“ศิษย์ใหม่คนนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ!” ชายชราผมขาวถอนหายใจระบายความทึ่งในอก

“ผู้อาวุโส การต่อสู้จบลงแล้ว กรุณาประกาศผลด้วย” เสียงของเฉินซีดังก้อง ทำให้ชายชราผมขาวตื่นจากภวังค์ เขาก้าวไปข้างหน้า และเปิดข้อจำกัดก่อนจะกล่าว “เฉินซีคือผู้ชนะ!”

—————————————————-

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท