บทที่ 1078 วิถีของอนุ
บทที่ 1078 วิถีของอนุ
“ตามคำสั่งของคุณหนูใหญ่ ข้ามาที่นี่เพื่อขอคนผู้หนึ่งจากอนุเป็นพิเศษ คุณหนูใหญ่บอกว่า ตอนนี้อนุจะต้องไม่อยากพบนางอีกแน่นอน ท้ายที่สุดแล้วก็ติดตามกันมาหลายปีเพียงนี้ ความสัมพันธ์ย่อมแตกต่างจากผู้อื่น พานางไปจะดีกว่า เช่นนี้จะได้หลีกเลี่ยงไม่ทำให้อนุโกรธ หากอนุไม่เห็นนาง ใจก็ไม่ต้องกังวล แน่นอนว่าย่อมไม่เก็บเอาสาวใช้ต่ำต้อยเช่นนี้ไปใส่ใจ”
“พี่หญิงรอประเดี๋ยว ข้าจะเข้าไปรายงานอนุก่อน”
สิงเจียเวยทานรังนกแล้วเอนตัวนอนอยู่ที่นั่น
เมื่อท่าเหมยเข้ามาเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นข้างนอกให้ฟัง นางพลันลืมตาขึ้นด้วยความโมโห
“โธ่ นายหญิง ท่านอย่าได้โกรธไปเลยนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นท่านจะตกหลุมพรางผู้อื่นเอาได้” ท่าเหมยเอ่ย “จวนนี้มีกี่คนกันที่คอยจับจ้องท้องของท่าน พวกเขาแทบอดใจรอให้ท่านโกรธสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งไม่ไหว เช่นนั้นเป้าหมายของพวกเขาก็จะบรรลุผล”
“นังหญิงแพศยานั่นทรยศข้า โดนลงโทษเพียงแค่ล้างส้วมก็ถือว่ายังน้อยไป นางไม่ได้ชอบยั่วยวนบุรุษหรือ? ข้าควรขายนางไปยังที่ที่สกปรกที่สุดเสียด้วยซ้ำ? แต่ละคนล้วนอยากเห็นเรื่องขบขันของข้า คิดจะให้ข้าหนักใจกระมัง?”
“นังหญิงแพศยาผู้นั้นแสร้งทำเป็นน่าสงสาร จะต้องเป็นเพราะเมื่อครู่นางร้องไห้เสียงดังมากเป็นแน่ คุณหนูใหญ่เดินผ่านจึงคิดจะพานางกลับไป เพียงแต่คุณหนูใหญ่เอ่ยปากแล้ว เราก็ไม่อาจไม่ปล่อยคนนะเจ้าคะ!”
ท่าเหมยยังคงกล่าวต่อไป “คนข้างกายคุณหนูใหญ่ยังคงรออยู่ข้างนอก พวกเขาต้องการสัญญาขายตัวของนังแพศยานั่น นายหญิง ท่านว่า…”
สิงเจียเวยกำมือแน่น
เมื่อเห็นสิงเจียเวยเป็นเช่นนี้ ท่าเหมยจึงใส่ไฟต่อไป
“คุณหนูใหญ่คงเห็นใจนาง เพียงแค่หันหลังกลับไปก็ลืมนางแล้ว นางเป็นเพียงสาวใช้จิปาถะผู้หนึ่งเท่านั้น หากอนุคิดจะจัดการกับนาง จะมีสัญญาขายตัวนั่นหรือไม่ก็เหมือนกัน ท่านคิดเห็นอย่างไรเจ้าคะ?”
“ช่างเถอะ เจ้าเอาสัญญาขายตัวให้พวกเขาไปเถิด!” สิงเจียเวยเอ่ย “รอให้ข้าคลอดลูกในท้องก่อนแล้วค่อยจัดการนาง”
ตอนนี้เพื่อลูกแล้ว นางไม่อาจโมโหเกินไปได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเซียงเสวี่ยที่ทรยศ สิงเจียเวยก็อดโกรธไม่ได้ เพื่อตนเองและลูกแล้ว ระยะนี้จึงไม่ต้องการพบหน้านางอีก
ท่าเหมยนำสัญญาขายตัวเดินออกไป
รถม้าเคลื่อนเข้ามาในจวนฉี
“พี่หญิงสกุลฉี วันนี้ท่านงดงามยิ่งนัก”
คุณหนูสูงศักดิ์ทั้งหลายแวะเวียนเข้ามาทักทาย
หลี่เข่อหรงยืนอยู่ด้านหลัง เผชิญหน้ากับฉีซืออี้ นางทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย
คราวที่แล้วเพราะนาง ชื่อเสียงของฉีซืออี้จึงด่างพร้อยกลายเป็นเรื่องตลกของทั้งเมืองหลวง
อีกทั้งตัวนางเอง คุณหนูจวนหลี่ที่ไม่เป็นที่ชื่นชอบผู้หนึ่งก็กลายเป็นเป้าที่ถูกคุณหนูผู้สูงศักดิ์ทั้งหลายปฏิเสธที่จะคบหา
สถานการณ์หลี่เข่อหรงไม่ค่อยดีนัก
เพียงแต่ นึกไม่ถึงว่าฉีซืออี้จะส่งเทียบเชิญมาให้นางจริง ๆ
“เข่อหรง สีหน้าเจ้าดูไม่สู้ดีเลย ไม่สบายหรือไม่?” ฉีซืออี้ดึงมือหลี่เข่อหรงมากุม พลางถามด้วยความเป็นห่วง
หลี่เข่อหรงประหลาดใจที่ได้รับความสำคัญ จึงรีบเอ่ย “ข้าเพียงแค่พักผ่อนไม่เพียงพอ ไม่เป็นไร ขอบคุณพี่หญิงที่เป็นห่วง”
คุณหนูผู้ดีทั้งหลายที่อยู่ข้าง ๆ พลันมีสีหน้าแปลกพิกลขึ้นมา
ฉีซืออี้ช่างใจกว้างจริง ๆ ยังยินดีที่จะคบหากับคนที่ทำร้ายตนจริง ๆ หากเป็นพวกนาง เกรงว่าคงแทบจะอดใจรอถลกหนังหลี่เข่อหรงไม่ไหวแล้ว
เพียงแต่ นี่ยังแสดงให้เห็นว่าฉีซืออี้สามารถคบหาเป็นสหายสนิทได้ ท้ายที่สุดแล้วผู้ใดบ้างจะไม่ชอบคนที่ใจกว้างเช่นนี้?
“พี่หญิงสกุลฉี บนหน้าผากท่านช่างงามจริง ๆ ทำอย่างไรหรือเจ้าคะ?”
“สอนข้าด้วยเถิด หลายวันมานี้ข้าลองทำอยู่บ้าง แต่ไม่มีอะไรงามเลย สาวใช้รอบกายข้าล้วนมือไม้งุ่มง่ามกันหมด ไม่มีใครช่วยข้าเสนอความคิดได้ เสื้อผ้าที่พี่หญิงสกุลฉีสวมใส่ก็งดงาม สัญลักษณ์ดอกไม้บนหน้าผากก็สง่างามยิ่ง วันนี้ข้าจะไม่กินไม่ดื่ม เพียงแค่อยากจะจำวิชาไปบ้าง หากท่านไม่สอน ข้าก็ไม่ไปที่ใดแล้ว”
“เรื่องนี้ง่ายดาย พวกเจ้าชอบอย่างไหนหรือ ประเดี๋ยวข้าจะออกแบบให้เอง รับรองว่าไม่ซ้ำแบบเดิมแน่นอน” ฉีซืออี้มองไปทางฝั่งตรงข้ามแล้วเอ่ยว่า “หยางเซียงจวินมาแล้ว”
เมื่อเหล่าคุณหนูเห็นหยางเชียงจวินปรากฏตัว ต่างก็มองด้วยความประหลาดใจ
หยางเซียงจวินสวมหมวกม่านโปร่งคลุมศีรษะเอาไว้
นางเอ่ยอย่างเย็นชา “ช่วงนี้รู้สึกเบื่อ ๆ จึงออกมาสูดอากาศบ้าง เจ้าไม่ได้บอกว่ามีอะไรสนุก ๆ หรือ? หากไม่มี ข้าก็ไม่รบกวนเจ้าแล้ว”
หลังจากเหตุการณ์ครั้งล่าสุด หลี่เยียนหรานถูกบังคับให้แต่งงานกับลูกชายของขุนนางขั้นต่ำผู้หนึ่ง ชื่อสียงของหยางเซียงจวินเสียหายหนัก อีกทั้งความงามของนางก็ลดน้อยลงเช่นกัน นางอยู่ในบ้านทั้งวันและไม่เต็มใจออกไปที่ใด หากไม่ใช่เพราะหมอเทวดาในจวนฉีผู้นั้น นางย่อมไม่ไว้หน้าฉีซืออี้
ขณะที่ฉู่หนิงจูเดินผ่านสวนด้านหลังก็ได้ยินความครึกครื้นจากทางนั้นจึงยืนดูอยู่ไม่ไกล
แม่นางน้อยก็เหมือนบุปผา แม้ไม่ได้บรรจงประทินโฉมให้งดงาม ทว่าแววตาของพวกนางกลับมีชีวิตชีวายิ่งกว่าบุปผาใด
“คนหนุ่มสาวดียิ่งนัก”
แม่นมที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “คุณหนูก็เช่นเดียวกันนะเจ้าคะ แม้นบุปผาจะงดงามเพียงใดก็มีช่วงเวลาที่เบ่งบาน ผ่านพ้นช่วงเบ่งบานไปแล้ว ช้าเร็วก็ต้องเสื่อมสลายกลายเป็นกิ่งก้านแห้งเหี่ยวในที่สุด ไม่มีผู้ใดสนใจ ไม่มีผู้ใดชื่นชม”
“วันนี้นัดหมายกับฮูหยินรองลู่ว่าจะไปกราบพระบนเขา ไม่อาจล่าช้า ไปกันเถอะ!”
“เหตุใดฮูหยินคิดจะขึ้นเขาไปกราบพระเล่าเจ้าคะ?”
“อยู่แต่ในจวนทั้งวันน่าเบื่อ นอกจากนี้ เรือนเฉียงเวยยังเอะอะโวยวายทั้งวี่ทั้งวัน เรือนชิงสุ่ยทางนั้นก็มีแต่น้ำเสียอยู่เต็มท้อง แทนที่จะเอาแต่เล่นลูกไม้อยู่กับพวกเขาในจวน ไม่สู้ออกไปข้างนอก เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ ใต้วัดมีป่าเฟิง แม่นมยังจำได้หรือไม่? ก่อนหน้านี้พวกเราไปชื่นชมใบเฟิงที่นั่นทุกปี บัดนี้เรื่องต่าง ๆ เปลี่ยนไป คนก็เปลี่ยนไป ทว่าป่าเฟิงผืนนั้นกลับไม่เคยเปลี่ยนเลย”
ป่าเฟิงผืนนั้นงดงามอยู่เสมอ ทว่าผู้ที่เคยชื่นชมมันกลับเปลี่ยนไปคนแล้วคนเล่า
“คารวะฮูหยิน” อนุจางค้อมคำนับฉู่หนิงจู
ฉู่หนิงจูมองนาง “ท่านกำลังจะออกไปข้างนอกหรือ?”
“กระดาษของคุณชายใหญ่หมดแล้ว ข้าต้องออกไปซื้อกระดาษให้เขา” อนุจางเอ่ยเสียงนุ่มนวล
“เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เพียงนี้ก็ให้เป็นหน้าที่บ่าวรับใช้เถอะ อย่างไรเสีย ท่านก็ต้องเฝ้าคุณชายใหญ่ทั้งวันเช่นนั้น เกรงว่าท่านจะไม่วางใจกระมัง!”
อนุจางทำราวกับว่านางจะทำอะไรฉีเว่ยเจี๋ย
นั่นคุ้มแล้วหรือ?
หากนางคิดจะจัดการเขา คงไม่รอจนกลับถึงเมืองหลวงและจัดการอยู่ที่ชายแดนตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว
“ฮูหยินล้อเล่นแล้ว ข้าไม่มีอะไรทำ แทนที่จะอยู่ว่าง ๆ ที่นี่ ยังไม่สู้หาอะไรให้ตนเองยุ่ง” อนุจางกล่าว “อีกอย่าง บ่าวรับใช้จะรู้ว่าคุณชายใหญ่ชอบอะไรได้อย่างไร?”
“เช่นนั้นก็ลำบากท่านแล้ว” ฉู่หนิงจูพยักหน้าแล้วกล่าว “เงินกับพู่กันของคุณชายใหญ่สามารถเบิกจากห้องบัญชีได้”
“ขอบคุณฮูหยิน” ใบหน้าของอนุจางเต็มไปด้วยความยินดี “ฮูหยินจิตใจดี ได้ปรนนิบัตินายท่านร่วมกับฮูหยินนับเป็นบุญกุศลที่ข้าสั่งสมมาแปดชาติอย่างแท้จริง”
ฉู่หนิงจูกล่าว “ปากของอนุจางหวานเพียงนี้ มิน่าเล่าจึงได้รับความโปรดปรานตลอดหลายปีไม่เปลี่ยนแปลง”
อนุจางค้อมคำนับ รอฉู่หนิงจูออกไปแล้วจึงหันหลังเดินไปที่ห้องบัญชี
ในเมื่อเบิกเงินได้ ไยนางต้องผิดต่อตนเองเล่า? อย่างไรเสียลูกชายของนางก็เป็นบุตรอนุ ภายหน้าย่อมไม่ถึงคราวของเขาสืบทอดทรัพย์สินของสกุล
ฉู่หนิงจูขึ้นรถม้าไปยังจวนลู่
จวนลู่นี้หมายถึงจวนของลู่เซวียน ไม่ใช่จวนอ๋องลู่…