บทที่ 1077 ไม่ได้สถานะ
บทที่ 1077 ไม่ได้สถานะ
ฉีซืออี้สวมใส่อาภรณ์สีม่วง เกล้าผมเป็นมวยเซียนโบยบิน ปักปิ่นระย้าทองที่เพิ่งซื้อมาใหม่
ลายดอกไม้บนหน้าผากไม่ใช่ลายดอกเหมยที่ได้รับความนิยมที่สุดในช่วงเวลานี้ หากแต่เป็นลายที่นางออกแบบเอง ดูเรียบง่ายยิ่ง ทว่าเมื่อจับคู่กับมวยผมเซียนโบยบินกับชุดกระโปรงของนางกลับดูมีเอกลักษณ์ยิ่งกว่าเดิม
นางประทินโฉมแบบบางเบา หรูหราทั้งยังประณีตบรรจง
“คุณหนู ยาที่แม่นางจื่ออิงทำ ใช้ดีจริง ๆ นะเจ้าคะ”
ฉีซืออี้สัมผัสผิวแก้มเนียนละเอียดอ่อนของตน แววตาเต็มไปด้วยความยินดี
ตอนนั้นรูปโฉมของนางพังไปกว่าครึ่ง นางดูเหมือนไม่กังวล ทว่าอันที่จริงกังวลเป็นอย่างยิ่ง ตอนนี้ดีแล้ว หลังจากรักษาใบหน้า ไม่เพียงแต่หน้านางจะไม่เสียโฉมเท่านั้น แต่ยังดูดีขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
“วันนี้มีแขกมา เจ้าไปเรียกแม่นางจื่ออิงมาหาข้าที”
“บ่าวจะไปประเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
จื่ออิงนิสัยดี ทั้งยังมีทักษะทางการแพทย์ล้ำเลิศ นับแต่นางปรากฏกายในจวนฉี บ่าวรับใช้ในจวนฉีล้วนได้รับการรักษาจากนางโดยไม่เสียเงิน อีกทั้งยาขี้ผึ้งที่นางทำก็กลายเป็นสมบัติล้ำค่าที่สาวใช้ต่างแย่งชิงซื้อหา
ฉีซืออี้เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปข้างนอก
นางวางแผนจะจัดงานเลี้ยงใกล้ ๆ สวนดอกไม้
“จวนเราส่งเทียบเชิญไปทั้งสิ้นสิบห้าเทียบเชิญ มีเพียงคุณหนูเจ็ดท่านเท่านั้นที่ตอบกลับมา บอกว่าพวกนางยินดีที่จะมางานเลี้ยง คุณหนูอีกแปดท่านที่เหลือแจ้งว่าพวกนางมีธุระไม่อาจผละมาได้ อีกสองคนไม่แม้แต่จะตอบกลับมาเจ้าค่ะ”
“ไม่มีการตอบกลับ เป็นคุณหนูรองจวนลู่หรือ?” ฉีซืออี้เอ่ยถาม
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ คุณหนูรองลู่มาไม่ได้ เพียงแต่ก็ได้ตอบกลับมาแล้ว” สาวใช้ส่งจดหมายตอบกลับของคุณหนูรองลู่ให้
ฉีซืออี้เปิดออกดู แล้วจึงเอ่ยว่า “นี่เป็นอักษรของคุณหนูรองลู่”
“นึกไม่ถึงว่าคุณหนูรองลู่จะเขียนตอบกลับด้วยตนเองนะเจ้าคะ” สาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ ตกใจ “ผู้ใดในเมืองหลวงไม่รู้ว่าคุณหนูรองลู่ทำเรื่องต่าง ๆ ตามอำเภอใจ เป็นเรื่องปกติที่มีผู้อื่นชวนนางไปงานเลี้ยงแล้วนางจะไม่มา นึกไม่ถึงว่านางจะเขียนตอบกลับด้วยตนเอง แสดงให้เห็นว่าคุณหนูยังสำคัญมากเจ้าค่ะ”
“คุณหนูรองลู่เป็นคนใจกว้างจริง ๆ ทว่าด้วยการอบรมของสกุลลู่นั้นเข้มงวดยิ่ง เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นคนที่นางเกลียดเป็นพิเศษ การเขียนตอบกลับด้วยตนเองก็เป็นเรื่องที่นางทำได้” ฉีซืออี้กล่าว
“ก่อนหน้านี้ไม่นานข้าไม่ได้ให้เจ้าเอ่ยสองสามคำหรือ เจ้าทำแล้วรึ?”
“บ่าวทำตามที่สั่งแล้วเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นนางจะต้องมาแน่นอน” ฉีซืออี้ว่า “ตอนนั้นรูปโฉมของข้าเสียหาย ในเมืองหลวงแห่งนี้ผู้ใดไม่รู้บ้าง บัดนี้รูปโฉมของข้าไม่เพียงแต่กลับคืนสู่สภาพเดิมเท่านั้น ผิวพรรณข้ากลับนุ่มเนียนขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก หยางเซียงจวินหลังจากผ่านเหตุการณ์นั้นก็ไม่กล้าออกไปข้างนอก ได้ยินจากบ่าวรับใช้ของนางว่าอารมณ์ของนางฉุนเฉียวมากขึ้นเรื่อย ๆ การแต่งงานที่หารือกันไว้แต่เดิมก็พังไปแล้ว ข้าคิดว่าหากนางรู้ว่าแม่นางจื่ออิงมีทักษะการแพทย์ล้ำเลิศ ย่อมต้องมาอย่างแน่นอน”
มีเสียงร้องห่มร้องไห้จากด้านหน้า
ฉีซืออี้หยุดฝีเท้าแล้วมองตรงไป
สาวใช้กล่าว “เป็นแม่นางเซียงเสวี่ยจากเรือนอนุสิงเจ้าค่ะ”
“เมื่อคืน…”
“เป็นนางเจ้าค่ะ”
“ในเมื่อเป็นคนในห้องหอของพ่อข้าแล้ว เหตุใดยังคุกเข่าอยู่ตรงนี้และถูกทุบตีดุด่าอีกเล่า?”
“ได้ยินว่านายท่านไม่ได้ให้ฐานะนางเจ้าค่ะ”
ฉีซืออี้ขมวดคิ้ว “นิสัยของพ่อข้าเริ่มเข้าใจยากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว”
ก่อนหน้านี้คิดจะให้ยกฉีซืออี้แต่งให้ฟ่านซู่ ไม่ง่ายดายเลยกว่านางจะล้มเลิกงานแต่งนี้ได้ หลังจากนั้นสายตาที่เขามองนางก็เริ่มเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ บัดนี้ฉีซืออี้ไม่คาดหวังต่อบิดาผู้นี้แล้ว เพียงแค่อยากหาทางออกให้ตนเองด้วยความสามารถที่มีเท่านั้น
เซียงเสวี่ยคุกเข่าร้องไห้อยู่ตรงนั้น
เมื่อคืนหลังจากนางปรนนิบัติฉีเจินแล้วกลับโดนไล่ออกมากลางดึก ในตอนนั้นนางถึงได้รู้ว่าตนจบสิ้นแล้ว นายท่านไม่ได้ให้สถานะแก่นาง นางจึงกลับมาหาสิงเจียเวยเพื่อเป็นสาวใช้ ทำให้สิงเจียเวยร้อนรุ่มใจ ด้วยนิสัยของเจ้านายตน หากตนไม่ตายก็ต้องถูกถลกหนัง
ดังที่คาดไว้ วันนี้นางเปลี่ยนจากสาวใช้ใหญ่กลายเป็นสาวใช้จิปาถะ ทั้งยังเป็นสาวใช้จิปาถะที่มีหน้าที่ขัดล้างห้องส้วม ไม่มีทางได้เชิดหน้าชูตา
“เจ้าไม่ได้ชอบยั่วยวนผู้อื่นหรือ? นายหญิงบอกว่ามีเพียงกลิ่นห้องส้วมเท่านั้นที่จะระงับกลิ่นสกปรกโสมมที่แผ่ออกมาจากตัวของเจ้าได้ นับแต่นี้ไปเจ้าต้องรับผิดชอบห้องส้วม แล้วนายหญิงจะไม่โกรธเจ้าอีก”
เซียงเสวี่ยดึงเสื้อของสาวใช้ผู้นั้นเอาไว้ “น้องหญิงท่าเหมย ข้าอยากพบนายหญิง ให้ข้าพบนายหญิงเถิด! ข้ามีคำพูดจะเอ่ยกับนาง”
“นายหญิงโกรธเจ้ามากจนเกือบแท้ง จะกล้าพบเจ้าอีกได้อย่างไร? เจ้าแค่ทำตัวดี ๆ เลิกรบกวนนางเสีย ไม่ว่าอย่างไร นายหญิงก็ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างเมตตาที่สุดแล้ว” ท่าเหมยปัดมือนางทิ้งแล้วเดินจากไป
สาวใช้ของฉีซืออี้เอ่ย “คุณหนู เรื่องของเรือนเฉียงเวยไม่ต้องสนใจแล้วเจ้าค่ะ อนุผู้นั้นก็ไม่ใช่คนดีอะไร”
“ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นสตรีของท่านพ่อ ผู้ใดให้เจ้าดูหมิ่นเช่นนี้?” ฉีซืออี้ปรายตามองสาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ
สาวใช้รีบร้องขอความเมตตาเป็นพัลวัน
ฉีซืออี้มองเซียงเสวี่ยที่กำลังคุกเข่าอยู่ที่นั่น แล้วเอ่ยว่า “ไปที่เรือนเฉียงเวย บอกว่าเซียงเสวี่ยผู้นั้น ข้าจะรับไว้”
“คุณหนู ถึงแม้นายท่านจะไม่ได้ให้สถานะกับเซียงเสวี่ย แต่ผู้ใดล้วนรู้ว่านางเป็นคนของนายท่าน ท่านเป็นคุณหนูสกุลสูงศักดิ์ที่ยังไม่ออกเหย้าออกเรือน จะรับหญิงตบอับผู้นั้นไว้ได้อย่างไรเจ้าคะ?”
“ผู้ใดบอกว่าข้าจะเก็บนางไว้” ฉีซืออี้กล่าว “ห้องตำราของท่านพ่อข้ายังต้องการสาวใช้ทำความสะอาด หาที่ทางให้นางไปทำ!”
“คุณหนู ท่านอยากจะช่วยนางกระมังเจ้าคะ?”
“ในฐานะลูกสาวของบิดา แน่นอนว่าข้าย่อมไม่ให้ใครไปอยู่ข้างกายท่านพ่อ เพียงแต่เห็นว่านางหน้าตาพอใช้ หากต้องไปอยู่ที่ห้องส้วมจริง ๆ เกรงว่านางจะอยู่ต่อไปไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรนางก็ปรนนิบัติท่านพ่อ ข้า ไม่สามารถมองดูบุปผาแสนบอบบางดอกนี้เหี่ยวเฉาได้จริง ๆ”
สิงเจียเวยโมโหมากเกินไป ร่างกายไม่มั่นคงจนเกือบจะตกเลือดแล้ว
ยามเซียงเสวี่ยเข้ามาขอโทษในตอนเช้า เพียงได้ยินเสียงอีกฝ่ายก็แทบจะทำให้นางโกรธขึ้นมาอีกครั้ง กระทั่งรู้สึกถึงสัญญาณเตือนที่ท้อง สิงเจียเวยจึงระมัดระวังและให้คนขับไล่เซียงเสวี่ยออกไป
ท่าเหม่ยและเซียงเสวี่ยขัดแย้งกันมาตลอด ในอดีตนางไว้วางใจเซียงเสวี่ยจึงไม่ได้ใช้สอยท่าเหมยมากนัก ดังนั้นท่าเหมยจึงไม่เคยเป็นคนโปรดของนาง บัดนี้เกิดเรื่องขึ้นกับเซียงเสวี่ย สถานะของท่าเหมยจึงดีขึ้นอย่างปุบปับ แน่นอนว่านางต้องวางอำนาจบาตรใหญ่กับเซียงเสวี่ยทุกรูปแบบ ท่าเหมยเตรียมให้เซียงเสวี่ยไปทำความสะอาดห้องส้วม โดยหวังว่าเซียงเสวี่ยจะไม่มีวันเชิดหน้าชูคอได้อีก
ท่าเหม่ยเห็นสาวใช้ขั้นสองโบกมือเรียกนางอยู่ข้างนอกจึงเหลือบมองสิงเจียเวยแวบหนึ่ง ก่อนจะเดินเนิบนาบออกไป
“มีเรื่องอะไร?”
“เมื่อครู่นี้พี่หญิงข้างกายคุณหนูใหญ่แจ้งข่าวให้ฮูหยินใหญ่ บอกว่าคุณหนูชอบเซียงเสวี่ย อยากขอตัวเซียงเสวี่ยไปเจ้าค่ะ”
“ว่าอย่างไรนะ?!” สีหน้าของท่าเหมยพลันแปรเปลี่ยน “คุณหนูใหญ่ยังไม่ออกเรือน นางคิดจะทำอะไรกันแน่?”
เซียงเสวี่ยปีนขึ้นเตียงนอนของนายท่านแต่กลับไม่มีสถานะ บ่าวรับใช้ในจวนเคยชินกับการปฏิบัติต่อผู้อื่นจากสถานะ นางอยู่ในจวนแห่งนี้ย่อมไม่มีชีวิตดี ๆ อะไร
เพียงแต่ตอนนี้คุณหนูใหญ่กลับถูกใจนาง เช่นนั้นมีความเป็นไปได้ว่าเซียงเสวี่ยจะผงาดขึ้นมาอีกครั้ง หากเป็นเช่นนั้น เมื่อครู่ที่ตนเหยียบมือนางไปเสียเต็มแรง นับว่าได้ล่วงเกินนางอย่างหนักเล่า?
“ข้าเองก็ไม่รู้”
ขณะที่ท่าเหมยและสาวใช้ขั้นสองกำลังพูดคุยกัน สาวใช้ที่ทำหน้าที่ส่งข่าวก็เข้ามา นางทักทายท่าเหมยด้วยรอยยิ้ม จากนั้นจึงกล่าวสิ่งที่ท่าเหมยเพิ่งได้ยินเมื่อครู่อีกครั้ง