บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1212 มีเพียงการต่อสู้เท่านั้นที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จได้

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1212 มีเพียงการต่อสู้เท่านั้นที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จได้

บทที่ 1212 มีเพียงการต่อสู้เท่านั้นที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จได้

สถานการณ์ในด่านที่ 36 ของแดนเซียนสวรรค์มายาไม่สามารถมองเห็นได้จากแท่นด้านล่าง

ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงสงสัยว่าเฉินซีได้บรรลุขอบเขตเซียนทองคำและมุ่งหน้าไปยังด่านที่สูงขึ้น เมื่อเฉินซีไม่ได้ปรากฏตัวหลังจากผ่านมาพักใหญ่

ท่ามกลางความประหลาดใจและงุนงง อาจารย์จากฝ่ายบำเพ็ญเต๋าถอนหายใจ และยืนยันต่อข้อสงสัยของพวกเขา “จากสถานการณ์ปัจจุบัน เฉินซีคงเข้าสู่ด่านที่ 37 อย่างแน่นอน”

ทุกคนตกใจและกล่าวสิ่งใดไม่ออก

มันเป็นเรื่องจริง!

สิ่งนี้เหนือความคาดหมายของทุกคน ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีคนที่สามารถบรรลุสู่ขอบเขตเซียนทองคำได้ ในขณะท้าทายแดนเซียนสวรรค์มายา ทั้งหมดนี้เหมือนกับการฟังเรื่องราวในตำนาน และมันไม่สมจริงเลยแม้แต่น้อย

เพราะนั่นคือขอบเขตเซียนทองคำ!

ยิ่งกว่านั้น ขอบเขตเซียนทองคำมักถูกมองว่าเป็นด่านที่ยากลำบากอย่างแท้จริง บนเส้นทางอันยาวไกลสู่ความเป็นเซียน ตั้งแต่สมัยโบราณจวบจนปัจจุบัน อัจฉริยะที่ไม่ธรรมดาและไม่มีใครเทียบได้จำนวนนับไม่ถ้วนได้ล้มลงก่อนถึงขอบเขตนี้ ทำให้ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับส่วนใหญ่ในภพเซียนหวาดกลัวที่จะทะลวงขอบเขตเซียนทองคำ

แม้จะเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในการบรรลุสู่ขอบเขตเซียนทองคำเช่นเจิ่นลู่และจ้าวเมิ่งหลี ยังต้องเตรียมการมากมาย ก่อนที่จะทำการทะลวงขอบเขต รวมถึงการได้รับคำชี้แนะจากผู้อาวุโส ยิ่งกว่านั้น พวกเขายังได้รับความคุ้มครองจากเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลตน เมื่อยามทะลวงขอบเขต ผู้อาวุโสเหล่านี้จะปกป้องพวกเขา เมื่อมีสัญญาณผิดปกติเพียงเล็กน้อย

แต่เฉินซีกลับทะลวงขอบเขต ในขณะที่ท้าทายแดนเซียนสวรรค์มายา!

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว มันจึงเป็นเรื่องน่าตกใจยิ่งกว่าเรื่องไหน ๆ

หลายคนประหลาดใจ และรู้สึกว่าการบรรลุสู่ขอบเขตเซียนทองคำของศิษย์ใหม่ผู้ที่ได้อันดับหนึ่ง เป็นเรื่องง่ายดายไม่ต่างจากการกินข้าว มันทำให้พวกเขากล่าวสิ่งใดไม่ออก และพากันอุทานด้วยความชื่นชม

“ไม่ว่าเฉินซีจะมีความสามารถหรือไม่ อย่างน้อยที่สุดเขาก็ได้บรรลุสู่ขอบเขตเซียนทองคำแล้ว เจ้าสองคนมีอันใดจะกล่าวอีกหรือไม่” ท่ามกลางความเงียบงันนี้ เซวียนหยวนอวิ่นหัวเราะเสียงดัง พลางมองไปที่อ๋าวอู๋หมิงและเจี้ยงฉางไฮ่ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า ด้วยเสียงที่ดังก้อง ทุกคนจึงจ้องมองไปทางทั้งสองเป็นตาเดียว

สีหน้าของอ๋าวอู๋หมิงและเจี้ยงฉางไฮ่จึงจมดิ่งลง

ก่อนหน้านี้ พวกเขาไม่เชื่อว่าเฉินซีจะสามารถสร้างสถิติใหม่ได้ แต่สุดท้าย มันผู้นั้นก็ประสบความสำเร็จ ทั้งยังเป็นสถิติที่ไม่เคยมีมาก่อนเลยด้วยซ้ำ!

หลังจากนั้น พวกเขาใช้ข้อเท็จจริงที่ว่าเฉินซีไม่สามารถบรรลุสู่ขอบเขตเซียนทองคำได้ก่อนการสอบของสำนักฝ่ายในเพื่อปลอบใจตัวเอง แต่ในท้ายที่สุด เฉินซีได้บรรลุสู่ขอบเขตเซียนทองคำ ในขณะท้าทายแดนเซียนสวรรค์มายา เรื่องนี้น่าเหลือเชื่ออย่างยิ่ง อีกทั้งยังกระตุ้นความตกใจให้กับทุกคนที่อยู่ที่นี่

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เป็นเหมือนฝ่ามือไร้รูปร่างตบใบหน้าของพวกเขาอย่างแรง มันทั้งแสบร้อนและเจ็บปวด

พวกเขาไม่สามารถหักล้างคำถามของเซวียนหยวนอวิ่นได้

“ฮึ่ม! ไว้เจ้าค่อยดีใจ ตอนที่เขาสามารถเข้าร่วมการสอบของสำนักฝ่ายในได้เถอะ!” ในท้ายที่สุด อ๋าวอู๋หมิงกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว ก่อนจะจากไปพร้อมกับเจี้ยงฉางไฮ่

เซวียนหยวนอวิ่นแค่นเสียงเย็นเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “พวกเขาต้องเข้าร่วมกองกำลังกับตระกูลจั่วชิวอย่างแน่นอน ดั่งฝูงนกกระจาบที่มารวมตัวกัน”

เช่นเดียวกับภายนอก มีแท่นขนาดใหญ่ระหว่างด่านที่ 36 และด่านที่ 37 สิ่งนี้คือศิลาวิถีและกำแพงแสงที่แสดงความเป็นไปภายในด่านที่ 37 ถึงด่านที่ 72 ได้อย่างต่อเนื่อง

ในขณะนี้ มีร่างมากมายยืนอยู่ที่นี่ พวกเขาล้วนมีกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่ที่ทรงพลังอย่างน่าตกใจ แน่นอนว่าพวกเขาอยู่ที่ขอบเขตเซียนทองคำ

เพราะมีเพียงบุคคลที่บรรลุขอบเขตเซียนทองคำเท่านั้น ที่สามารถมาถึงที่แห่งนี้ได้

โอม~

แสงสีฟ้าส่องเรืองรอง เผยให้เห็นร่างสูงใหญ่ ร่างกายอาบไล้ไปด้วยแสงสีทองส่องประกายระยิบระยับ กลิ่นอายพลุ่งพล่านอย่างรุนแรงดุจมหาสมุทร ทันทีที่คนผู้นี้ปรากฏตัว กลิ่นอายอันน่าเกรงขาม ทำให้เกิดความแตกตื่นอย่างมากในทันที

ทว่าก่อนที่ทุกคนจะได้เห็นรูปลักษณ์ของร่างนี้อย่างชัดเจน พวกเขารู้สึกถึงแสงสีทองวูบวาบผ่านตา จากนั้นร่างนั้นก็พุ่งเข้าสู่ทางเข้าของด่านที่ 37 และหายลับไป

“คนผู้นั้นคือใครกัน?”

“ดูเหมือนจะเป็น… เฉินซี?”

“เฉินซี? เป็นไปได้อย่างไรกัน? หรือเขาจะบรรลุขอบเขตเซียนทองคำแล้ว?”

หลังจากหายจากอาการตกใจ ทุกคนก็ระเบิดความแตกตื่นโกลาหลออกมา

เกือบทั้งหมดเป็นศิษย์ขอบเขตเซียนทองคำของสำนักฝ่ายนอก พวกเขาเคยเห็นเฉินซีมาก่อน เมื่อครั้งที่อยู่ในฝ่ายบำเพ็ญเต๋า และเคยได้ยินเกี่ยวกับความสำเร็จของเฉินซี ซึ่งทราบอย่างชัดเจนว่า ชายผู้นี้เพิ่งบรรลุขอบเขตเซียนลึกลับขั้นสูงได้ไม่ถึงสองปี

ดังนั้นเมื่อเห็นร่างสีทองปรากฏขึ้นในพื้นที่นี้ แม้พวกเขาจะจำเฉินซีได้ราง ๆ แต่ก็ไม่กล้าปักใจเชื่อว่าจะเป็นชายผู้นั้นจริง ๆ

ท้ายที่สุดแล้ว ที่นี่เป็นสถานที่ที่มีเพียงเซียนทองคำเท่านั้นที่สามารถเข้ามาได้ ไม่ว่าจะเค้นสมองเท่าใด พวกเขาก็ไม่กล้าเชื่อว่าเฉินซีจะบรรลุขอบเขตเซียนทองคำหลังจากผ่านไปไม่ถึงสองปี…

โอม!

ในขณะเดียวกัน มีอีกร่างหนึ่งปรากฏขึ้นบนแท่น เป็นชายหนุ่มในชุดสีเข้ม

ทันทีที่คนผู้นี้ปรากฏตัว เขาก็ตะโกนอย่างรวดเร็ว “ทุกคน! ทุกคน! เมื่อครู่ที่ผ่านมา สถิติของ 36 ด่านแรกถูกทำลาย แม้แต่อวิ๋นฝูเซิงก็ถูกผลักลงมา!”

ทุกคนตกใจอย่างยิ่ง “สถิติของอวิ๋นฝูเซิงถูกทำลายหรือ?”

“ไม่เพียงแค่นั้น คนผู้นั้นได้บรรลุขอบเขตเซียนทองคำขณะท้าทายแดนเซียนสวรรค์มายา… ใช่แล้ว เขาอยู่ที่ใดกัน? เหตุใดข้าจึงไม่เห็นเขาเลย” ชายหนุ่มที่สวมชุดสีเข้มกวาดตามองไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว แต่กลับไม่เห็นร่างนั้นแม้เพียงเงา

“เจ้ากำลังกล่าวถึงผู้ใดกัน?”

ทุกคนเริ่มถาม

ชายหนุ่มสวมชุดสีเข้มกล่าว “ผู้ใดน่ะหรือ? แน่นอนว่าต้องเป็นศิษย์ใหม่ผู้ได้อันดับหนึ่ง เฉินซี!”

เมื่อได้ยินชื่อที่คุ้นเคย สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนเป็นตกตะลึง “ร่างสีทองเมื่อครู่เป็นเขาจริง ๆ !”

“เขาทำลายสถิติของอวิ๋นฝูเซิง และบรรลุสู่ขอบเขตเซียนทองคำขณะท้าทายแดนเซียนสวรรค์มายา นี่…นี่…นี่…. คนผู้นี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่?” หนึ่งในนั้นประหลาดใจและเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

คนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากัน หัวใจเต็มไปด้วยความตกใจและงุนงง

มีเพียงชายหนุ่มในชุดดำเท่านั้นที่เอ่ยถาม ในแววตาปรากฏร่องรอยร้อนรนด้วยความกระวนกระวาย “ทุกคน พวกเจ้าทุกคนเห็นเฉินซีหรือไม่? ข้ามีเรื่องจะคุยกับเขา ข้าตั้งใจจะช่วยลงทะเบียนลูกพี่ลูกน้องของข้าใน พันธมิตรดารา”

“เขาไปที่ด่าน 37 แล้ว ” หนึ่งในนั้นตอบอย่างเหม่อลอย

“…ด่านที่ 37? ” เป็นคราวของชายหนุ่มในชุดสีเข้มที่ต้องตกตะลึง และกล่าวตะกุกตะกัก “ปะ… เป็นไปได้หรือไม่ ว่าเขาตั้งใจที่จะทำลายสถิติของด่านที่ 72?”

การคาดเดานี้น่าขบขันและไร้สาระอย่างยิ่ง แม้ทุกคนจะตกใจกับการแสดงฝีมือของเฉินซี แต่ก็ยังอดหัวเราะไม่ได้

“ถ้าทำลายสถิติได้ง่ายปานนั้น มันจะยังคู่ควรเป็นสถิติอยู่อีกหรือ? นี่ไม่ใช่ 36 ด่านแรก! ”

“ไม่มีชื่อของศิษย์สายนอกบนศิลาวิถีแม้แต่คนเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ในบรรดารายชื่อทั้งสิบนั้น มีเพียงสองคนเท่านั้นที่เป็นศิษย์สายใน และอีกแปดคนได้กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในภพเซียนแล้ว!”

“ใช่แล้ว ดูชื่อของศิษย์สายในสองคนนั้นสิ คนหนึ่งคือพิรุณเผาผลาญหลิงชิงอู๋ และอีกคนหนึ่งคืออเวจีเหล็กเยี่ยถัง คนอื่น ๆ ล้วนเป็นผู้อาวุโสเมื่อหลายปีก่อน ถ้าเจ้าบอกว่าเฉินซีที่เพิ่งบรรลุขอบเขตเซียนทองคำสามารถสร้างสถิติใหม่ได้ในคราวเดียว เช่นนั้นข้าก็คงไม่มีทางเชื่อ แม้ว่าเจ้าจะฟาดข้าจนตายก็ตาม!”

ท่ามกลางการสนทนา ความตกใจได้สลายไปอย่างรวดเร็ว

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราต้องใช้เวลาให้ดีที่สุดเพื่อพัฒนาจุดแข็งของเรา ในบรรดาศิษย์ใหม่ของสำนักฝ่ายนอก เจิ่นลู่ จี้เซวียนปิง จ้าวเมิ่งหลี จงหลีสวิน… พวกเขาทั้งเจ็ดได้บรรลุขอบเขตเซียนทองคำแล้ว และสามคนในนั้นได้ครองหนึ่งในห้าสิบอันดับแรกของเทียบอันดับทองคำมวลสวรรค์ มันทำให้ศิษย์อาวุโสอย่างพวกเราเสียไปสามอันดับแล้ว”

หนึ่งในนั้นกล่าวพลางขมวดคิ้วและเต็มไปด้วยความวิตกกังวล “ตอนนี้มีอีกคนหนึ่งปรากฏตัว แม้จะเหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งปีก่อนที่การสอบของสำนักฝ่ายในจะเริ่มขึ้น แต่ใครจะรับประกันได้ว่าคนผู้นี้จะไม่ติดอันดับหนึ่งในห้าสิบอันดับแรกก่อนการสอบจะเริ่มขึ้น?”

สิ้นคำ ศิษย์อาวุโสทุกคนก็นิ่งเงียบ สีหน้าพลันหนักอึ้ง

มีเพียงห้าสิบอันดับที่จะสามารถเข้าร่วมในการสอบของสำนักฝ่ายในได้ และเฉพาะในสำนักฝ่ายนอก มีศิษย์อาวุโสขอบเขตเซียนทองคำกว่าสามพันคนแล้ว!!

คนสามพันคนจะต้องต่อสู้เพื่อให้เป็นห้าสิบอันดับแรก การแข่งขันจึงโหดเหี้ยมอย่างยิ่ง ซึ่งในตอนนี้ มีศิษย์ใหม่บางคนเข้าร่วมการแข่งขันนี้ด้วย และทำให้การแข่งขันนี้เข้มข้นยิ่งขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

แม้จะเป็นเพียงอันดับเดียว ก็มีคุณสมบัติต่อการเข้าร่วมในการสอบของสำนักฝ่ายใน หากมันถูกผู้อื่นยึดไป มันก็จะเลวร้ายยิ่งกว่าความตายเสียอีก

เหล่าศิษย์อาวุโสทุกคนรู้สึกถึงกลิ่นอายอันตรายอย่างลึกซึ้ง

ปัง!

ในด่านที่ 37 ของแดนเซียนสวรรค์มายา แสงสีทองส่องวาบ ก่อนที่ร่างหนึ่งจะปรากฏขึ้นพร้อมกับเสียงโครมคราม คนผู้นั้นคือเฉินซีนั่นเอง

“ต้องสู้! ข้ายังหยุดไม่ได้ มีเพียงการต่อสู้เท่านั้นที่จะช่วยให้ข้าประสบความสำเร็จต่อการบรรลุได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด…” ในใจเต็มไปด้วยเสียงตะโกนและคร่ำครวญ มันกำลังกระตุ้นให้เฉินซีสู้ต่อ ตั้งแต่ออกจากด่านที่ 36 เขาไม่มีเวลาพิจารณาสิ่งใดทั้งสิ้น และพุ่งเข้าสู่ด่านที่ 37 ทันที

ชายหนุ่มสัมผัสได้ว่า แขนขา กระดูก เส้นชีพจร และจุดชีพจร เต็มไปด้วยกระแสปราณเซียนพิสุทธิ์ที่เหมือนหินหลอมเหลวสีทอง พวกมันดูคล้ายกำลังเดือดพล่าน พลางส่งเสียงหวีดหวิว พร้อมกับพวยพุ่งและหลั่งไหลไปทั่วร่างกาย

ในทางกลับกัน จิตวิญญาณ พลังงาน แก่นแท้ และพลังชีวิต ใกล้จะลุกโชนท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงนี้ ดังนั้นหากยังหาที่ระบายไม่ได้ เขาจะต้องธาตุไฟเข้าแทรกในไม่ช้าแน่!

สิ่งนี้คืออันตรายของการทะลวงขอบเขตเซียนทองคำ ขณะกำลังบรรลุการเปลี่ยนแปลง กระบวนการทั้งหมดก็เต็มไปด้วยอันตรายที่ไร้ขอบเขต!

ครืนนนน!

มันเหมือนภูเขาจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังปะทะกันภายในร่างกาย พวกมันส่งเสียงดังก้องที่ฟังดูเหมือนเสียงฟ้าคำราม ยิ่งไปกว่านั้น แสงสีทองที่รุนแรง ลุกโชน และเจิดจ้ากำลังเผาไหม้ผิวกายอย่างต่อเนื่อง

เมื่อมองจากที่ไกล ๆ ชายหนุ่มในยามนี้เป็นเหมือนดวงอาทิตย์ที่พร่างพรายและเจิดจ้ากลางท้องนภา

“การทดสอบของด่านที่ 37 เริ่มได้!” เสียงไร้อารมณ์ที่คุ้นเคยดังก้อง

จิตวิญญาณของเฉินซีรู้สึกสดชื่น ราวกับได้ฟังเสียงของธรรมชาติ ทันใดนั้นสายตาของเขาก็มองตรงออกไป เห็นร่างหนึ่งกำลังก่อตัวขึ้นอยู่ไกล ๆ

“เข้ามาเลย! ให้ข้าดูว่าคู่ต่อสู้ที่ขอบเขตเซียนทองคำจะสามารถช่วยข้าในการทะลวงผ่านขั้นตอนสุดท้ายได้หรือไม่!” เฉินซีตะโกนอยู่ในใจ ขวัญกำลังใจพลุ่งพล่าน ร่างกายก็ดูเหมือนจะลุกเป็นไฟ

ชิ้ง!

ชายหนุ่มเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตี เขากระทืบพื้นและถือกระบี่ตะขอดาราไว้ในมือ ขณะฟันอย่างรุนแรงไปยังร่างที่อยู่ห่างออกไป!

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท