บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1213 กลิ่นอายแห่งเต๋าสวรรค์

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1213 กลิ่นอายแห่งเต๋าสวรรค์

บทที่ 1213 กลิ่นอายแห่งเต๋าสวรรค์

ชู่ว!

กระบี่ที่พรั่งพรูด้วยพลังแห่งกฎพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า กระบี่ของธาตุทั้งห้าทับซ้อนกัน

ยิ่งกว่านั้น มันไม่เหมือนครั้งก่อน เนื่องจากพลังของเฉินซีอยู่ในระหว่างการเปลี่ยนแปลงที่น่าอัศจรรย์ อานุภาพของมันจึงเพิ่มขึ้นอย่างท่วมท้น

ชิ้ง!

อย่างไรก็ตาม ร่างในชุดดำบนด่านที่ 37 ใช้การโจมตีเพียงครั้งเดียวก็สามารถสลายการโจมตีของเฉินซีได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังมีพลังทำลายเหลืออยู่ และมากพอที่จะกระแทกเฉินซีจนกระเด็นถอยหลัง

ทันใดนั้น จิตใจของเฉินซีพลันปลอดโปร่ง และเข้าใจได้ทันทีว่า ความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้น่าจะอยู่ที่ขอบเขตเซียนทองคำจริง ๆ แม้ว่าเคล็ดวิชาของอีกฝ่ายจะด้อยกว่า แต่ทุกอย่างก็ไร้ประโยชน์ ภายใต้อานุภาพของพลังดังกล่าว มันจึงเป็นการยากที่จะแสดงพลังฝีมือได้อย่างเต็มที่

ชู่ว! ชู่ว! ชู่ว!

ก่อนที่เฉินซีจะโจมตีอีกครั้ง ร่างที่สวมชุดสีดำก็พุ่งวาบไปพร้อมกับกระบี่ในมือ แล้วมาถึงเบื้องหน้าเฉินซีในทันที จากนั้นปราณกระบี่ก็ไขว้กันในขณะที่ร่างที่สวมชุดสีดำฟาดฟันกว่าพันครั้ง ไม่ต่างจากสายฝนที่ถาโถมลงมา ราวกับพายุโหม

กระบี่ทุกเล่มแฝงไปด้วยกฎแห่งเซียนทองคำ พวกมันควบแน่น เปี่ยมด้วยรังสีอำมหิต และเต็มไปด้วยพลังสังหาร มันเกินขีดจำกัดพลังของกฎแห่งมหาเต๋าอย่างมาก!

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!

เนื่องจากคู่ต่อสู้เชี่ยวชาญในการเคลื่อนย้ายผ่านห้วงมิติ เฉินซีจึงทำได้เพียงต้านทานซ้ำ ๆ แต่ไม่สามารถโจมตีโต้กลับได้

ขณะที่พวกเขาต่อสู้ กระบี่อมตะปะทะกัน เกิดระเบิดแสงศักดิ์สิทธิ์มากมาย มันส่งเสียงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ นับว่าโชคดีที่นี่คือแดนเซียนสวรรค์มายา มิฉะนั้นเพียงผลพวงจากการต่อสู้ดังกล่าว อาจจะสร้างหายนะที่ไม่อาจจินตนาการถึงได้

การโจมตีของร่างสวมชุดดำทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ร่างของมันวูบไหวอยู่ในอากาศ ประหนึ่งวิญญาณร้าย กระบี่อมตะในมือก็ทรงอานุภาพขึ้นเช่นกัน การโจมตีแต่ละครั้งมาพร้อมกับกฎแห่งเซียนทองคำ มันน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง

ความรู้สึกอันตรายพุ่งเข้ามาในหัวใจของเฉินซี

ความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้เกินความคาดหมายอย่างมาก ไม่เพียงแต่รู้สึกกดดันอย่างสุดจะพรรณนาเท่านั้น แต่ยังตระหนักได้อย่างชัดเจนว่า ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาจะถูกสยบอย่างแน่นอน!

ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่แย่ที่สุดก็คือ ตอนนี้ตนอยู่ในสถานะของการทะลวงขอบเขต และยังอยู่ห่างจากการบรรลุสู่ขอบเขตเซียนทองคำเพียงไม่กี่ก้าว หากถูกสยบตอนนี้ ผลที่ตามมาก็ยากที่จะจินตนการได้อย่างแน่นอน

“ตายซะ!”

เฉินซีกัดฟันแน่น ชายหนุ่มกู่ร้องคำราม พลางโคจรพลังในร่าง และรวมกระบวนท่ากระบี่ของเบญจธาตุในกระบวนท่าเดียว ทำให้สามารถฝ่าการโจมตีของร่างที่สวมชุดดำได้ และทำให้การเคลื่อนไหวของร่างชุดดำเผยชะงักไปหนึ่งจังหวะ

แต่เพียงชั่วพริบตา การเคลื่อนไหวก็กลับมาเป็นปกติ ร่างที่สวมชุดดำโจมตีอีกครั้ง ราวกับตั้งใจสยบเฉินซีในคราวเดียว

ทว่าแม้การเคลื่อนไหวจะกลับมาเป็นปกติในชั่วพริบตา แต่เฉินซียังคงฉวยโอกาสนี้หยิบขวดหยกออกมาและกลืนสิ่งที่อยู่ในนั้น เม็ดยาโปร่งแสงและผลึกจำนวนมากที่อาบไล้ด้วยประกายสุกใสกว้างใหญ่ ไหลเข้าสู่ร่างกาย

โอสถทิพย์เก้าชีพจร!

โอสถเซียนชั้นยอดที่ได้รับการกลั่นโดยหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำ โดยมีวัตถุดิบเซียนหายากกว่าร้อยชนิดเป็นส่วนผสมรอง และสมุนไพรอมตะที่ล้ำค่าจนไม่มีสิ่งใดเทียบได้อย่างบงกชครามบรรพกาลเป็นส่วนผสมหลัก

กินเพียงหนึ่งเม็ด ก็สามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเซียนทองคำได้ และฤทธิ์ยาของมันก็เพียงพอจะที่เพิ่มโอกาสที่จะสำเร็จได้เกือบห้าส่วน ทำให้มันเป็นโอสถเซียนที่ไม่อาจประเมินค่าได้ ถ้ามันปรากฏขึ้นในโลกภายนอก ก็เพียงพอที่จะทำให้เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับต้องต่อสู้จนตัวตายเพื่อให้ได้มันมา

แต่ในขณะนี้ เพื่อที่จะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเซียนทองคำ เฉินซีได้กลืนโอสถทิพย์เก้าชีพจรไปเกือบ 18 เม็ดในคราวเดียว!

ครืน!

ทันใดนั้น ฤทธิ์ยาที่ทรงพลังก็เริ่มสำแดง มันเปลี่ยนเป็นกระแสน้ำส่งเสียงดังก้อง พุ่งผ่านทุกซอกทุกมุมในร่างกายของเฉินซี

ในขณะเดียวกัน ร่างกายของเฉินซีก็ลุกโชน ทั้งร่างหลั่งไหลด้วยแสงสีทอง ทำให้ดูเหมือนเทพเจ้าที่เพิ่งเดินออกจากทะเลเพลิงสีทอง กลิ่นอายพรั่งพรู อีกทั้งยังน่ากลัวและน่าสยดสยองมากขึ้นเรื่อย ๆ…

ปัง!

ร่างที่สวมชุดดำฟันลงมาอีกครั้ง แต่ก็ถูกสะท้อนกลับด้วยเคล็ดกระบี่วารี!

เห็นได้ชัดว่าด้วยความช่วยเหลือจากโอสถทิพย์เก้าชีพจร ความแข็งแกร่งจึงเพิ่มขึ้นทบทวี และสามารถต้านทานแรงกดดันที่เผชิญได้

แต่ความกดดันยังไม่หายไปทั้งหมด!

กล่าวตามตรง ร่างที่สวมชุดดำนี้เป็นเงาสะท้อนของผู้ท้าทาย แต่สิ่งที่แปลกก็คือ ในขณะนี้ เฉินซีอยู่ในสถานะของการเปลี่ยนแปลงสู่ขอบเขตเซียนทองคำเท่านั้น ยังไม่ใช่เซียนทองคำที่แท้จริง

ทว่าคู่ต่อสู้ตรงหน้าคือเซียนทองคำที่แท้จริง และสิ่งนี้ทำให้ความแข็งแกร่งของร่างที่สวมชุดดำ แทบจะแสดงสัญญาณของการสยบเฉินซีได้อย่างมั่นคง

มันถึงขั้นที่อาจกล่าวได้ว่า เฉินซีอยู่ระหว่างขอบเขตเซียนลึกลับและขอบเขตเซียนทองคำในขณะเดียวกัน แต่กลับได้รับการยอมรับจากแดนเซียนสวรรค์มายา จึงทำให้ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ยุติธรรมเช่นนี้

แต่เพราะเฉินซีไม่รับรู้ข้อเท็จจริงดังกล่าว ชายหนุ่มไม่สนใจ หรืออาจกล่าวได้ว่า เขาไม่มีอารมณ์จะคิดหาเหตุผลในตอนนี้ มีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น นั่นคือต้องสู้! และฝ่าฟัน!

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!

เสียงปะทะกันของกระบี่ดังก้องไปทั่วฟ้าดิน เฉินซีและร่างที่สวมชุดดำติดพันอยู่ในการต่อสู้อันดุเดือด ปราณกระบี่พุ่งออกไปทั้งแนวนอนและแนวตั้งผ่านมวลอากาศ และสภาพแวดล้อมโดยรอบทั้งหมดนี้ ได้กลายเป็นสมรภูมิที่ปั่นป่วนวุ่นวายอย่างถึงที่สุด

การต่อสู้นั้นรุนแรงยิ่ง

“ไม่ได้การ แรงกดดันที่ข้าได้รับเพียงพอแล้ว แต่ศักยภาพของข้ายังไม่ระเบิดออกมาอย่างเต็มที่…”

เฉินซีสังเกตการเปลี่ยนแปลงในกายตน เขาทราบอย่างชัดเจนว่า เนื่องจากรากฐานที่แข็งแกร่งกว่าคนในรุ่นเดียวกันเป็นร้อยเท่า จึงทำให้การบรรลุขอบเขตนั้นยากตามไปด้วย

ประกอบกับความจริงที่ว่า เขาไม่ได้บรรลุขอบเขตโดยการทำสมาธิเหมือนคนอื่น ๆ และทะลวงขอบเขตในการต่อสู้แทน ดังนั้นสถานการณ์ที่เป็นอยู่จึงกลายเป็นอันตรายมากยิ่งขึ้น

หากคนธรรมดาต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ คน ๆ นั้นคงไม่สามารถต้านทานได้นานแล้ว และคงจะล้มเหลวในการทะลวงขอบเขต

แม้จะเป็นเฉินซี สถานการณ์เช่นนี้ก็นับว่ายากและอันตรายเช่นกัน แต่ตอนนี้ไม่มีทางให้ถอยกลับแล้ว จึงทำได้เพียงมุ่งไปอย่างกล้าหาญ และต่อสู้จนถึงที่สุด

“ต่อสู้!”

“ต่อสู้!”

“ต่อสู้!”

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินซีก็ไม่รีรออีกต่อไป ชายหนุ่มหยุดคิดเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ปรับร่างกายและจิตใจให้ปลอดโปร่ง เขาเป็นเหมือนเทพอสูรที่เกิดมาเพื่อต่อสู้และออกอาละวาดไปทั่วหล้า

พรูด!

ไหล่ซ้ายถูกแทงจนเป็นรูเลือด แต่ดูเหมือนเฉินซีจะไม่สนใจมัน และยังคงพุ่งเข้าหาคู่ต่อสู้อย่างต่อเนื่อง

ปัง!

หน้าอกถูกฟันด้วยปราณกระบี่จากด้านข้าง เกิดเสียงกระดูกที่แตกหักชัดเจนและดังก้อง ชายหนุ่มกระอักเลือดออกมาเต็มปาก กายสั่นสะท้าน ทว่า เขายังคงฝืนกัดฟันแน่นและถือกระบี่ให้มั่น และพุ่งไปข้างหน้าอีกครั้ง

ในสายตาตอนนี้ ความตั้งใจในการต่อสู้ลุกโชนราวกับเปลวเพลิง จนคล้ายมันตั้งใจเผาผลาญท้องฟ้า!

ฉับ!

เกิดรอยแผลน่าสะพรึงกลัวขึ้น ลากผ่านไหล่ซ้ายจนถึงท้อง ความรุนแรงนี้แทบจะแยกหัวใจออกจากกัน แต่เฉินซียังคงไม่หยุด ถึงขนาดที่การโจมตีรุนแรงขึ้นและรวดเร็วยิ่งขึ้นทุกขณะ!

ชั่วเวลาเพียงหนึ่งถ้วยชา ร่างของเฉินซีนั่นโชกไปด้วยเลือด จนมองไม่เห็นผิวหนังบนร่างกายแม้แต่น้อย สภาพดูน่าสยดสยองอย่างยิ่ง แต่ดวงตากลับดูเหมือนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวมากมายกำลังลุกเป็นไฟ และตั้งใจจะหลอมละลายจักรวาล!

มันคือความตั้งใจในการต่อสู้! นอกจากนี้ยังเป็นความรู้สึกที่แน่วแน่และไม่ยอมแพ้ที่มีต่อเส้นทางสู่มหาเต๋า!

“มวลสวรรค์ โอ้ มวลสวรรค์ มันช่างกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต ไม่มีจุดเริ่มต้นหรือจุดสิ้นสุด ต้นกำเนิดของมันนั้นไม่อาจทราบ ดังนั้นผู้ใดจะพบเส้นทางที่จะข้ามผ่านมันได้…?” ท่ามกลางการต่อสู้ที่เข้มข้นซึ่งอาจถือได้ว่าน่าสะพรึงกลัว มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในใจของเฉินซีอย่างอธิบายไม่ได้ มันเป็นคำอธิบายในคัมภีร์โบราณเกี่ยวกับขอบเขตเซียนทองคำ เป็นคำกล่าวที่ไม่ได้มีความลึกซึ้งหรือยากต่อการเข้าใจ

แต่ในยามนี้ เฉินซีดูเหมือนกับว่าจะรู้แจ้งขึ้นมาฉับพลัน จิตวิญญาณ พลังชีวิต และแม้แต่ร่างกายหรือดวงจิตแห่งเต๋าก็สั่นสะท้าน

ในเวลาเดียวกัน เสียงโครมครามดังสนั่น ราวกับมีบางอย่างแตกหักในตัว ภายในแดนฮุ่นตุ้น ไม่ว่าห้วงจิตแห่งสี่สัญลักษณ์ หรือด่านแห่งไตรวิญญาณ…. พวกมันทั้งหมดเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน และหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว!

ปราณเซียนพิสุทธิ์ส่งเสียงก้องคำรามและเดือดพล่านเหมือนหินหลอมเหลว ฤทธิ์ยาของโอสถทิพย์เก้าชีพจรทั้ง 18 เม็ด ได้หลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ พวกมันกลายเป็นมหาสมุทรสีทองที่สดใสและกว้างใหญ่!

มันเป็นสีทองบริสุทธิ์ที่ไม่มีสิ่งเจือปน แผ่กลิ่นอายอันศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่ มันคือปราณเซียนพิสุทธิ์แห่งมวลสวรรค์ที่ผู้เป็นเซียนทองคำครอบครอง!

เมื่อสำเร็จจะมีร่างกายสีทองตลอดกาล!

เมื่อชายหนุ่มบรรลุสู่ขอบเขตเซียนทองคำ จุดชีพจรบนร่างกายทั้งหมด จะเชื่อมโยงเข้าด้วยกันและหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ตัวเขาเปรียบดั่งโลกที่กว้างใหญ่ และโลกนี้ถูกเรียกว่าระดับมวลสวรรค์

ทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณว่าเขาได้บรรลุสู่ขอบเขตเซียนทองคำแล้ว!

ปัง!

ในยามนี้ ทั้งร่างกายของเฉินซีปลอดโปร่ง วิญญาณโปร่งใส และอาการบาดเจ็บบนผิวหนังทุกส่วนก็หายไปในพริบตา ผิวกลับมาสะอาดสะอ้าน และใสดุจแก้ว แต่ก็ดูอบอุ่นเหมือนหยก

รวมถึงริ้วรอยบนผิว เผยให้เห็นรัศมีสว่างไสว และแผ่กลิ่นอายตามธรรมชาติออกมา

ดวงตาของเขาลุ่มลึกเหมือนหุบเหวและกว้างใหญ่เหมือนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว คล้ายกำลังเปิดเผยจักรวาลทั้งหมดและความลึกล้ำที่สุดจะพรรณนาได้

ในขณะเดียวกัน พลังชีวิตในร่างกายพลันสั่นสะท้าน และเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มันแข็งแกร่งกว่าเดิมสิบเท่า และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง!

ยามนี้ แม้ว่าเสื้อผ้าของเฉินซีจะเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดและขาดวิ่นไม่ต่างจากเศษผ้า แต่ชายหนุ่มก็ดูเหมือนหยกเนื้อดีที่บริสุทธิ์ที่สุดในโลกหล้า ทุกการเคลื่อนไหวเผยให้เห็นกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวของเซียนทองคำ จนดูเหมือนสามารถครองโลกและเดินทางข้ามยุคสมัยได้!

“ข้าทำสำเร็จแล้ว…” เฉินซีพึมพำด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์และสงบนิ่ง

ชู่ว!

ร่างในชุดดำฟันลงมาจากด้านหลัง คมกระบี่นั้นเฉียบคมอย่างไร้ที่เปรียบ และมันพลุ่งพล่านด้วยกระแสพลังของกฎแห่งเซียนทองคำอย่างท่วมท้น

เฉินซีไม่แม้แต่จะหันกลับมาเมื่อเผชิญกับการโจมตีครั้งนี้ ชายหนุ่มโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ คลื่นของปราณกระบี่พลันถูกบดขยี้ และดังกึกก้องไปทั่วอากาศ ราวกับคลื่นกระแสน้ำได้ขยายตัวเป็นวงกว้าง ก่อนจะถาโถมเข้าใส่ร่างที่สวมชุดสีดำ พร้อมกับปราณกระบี่ที่มหาศาล

ทันใดนั้น ร่างที่สวมชุดดำก็กลายเป็นสายฝนโปรยปรายไปทั่วบริเวณ!

มันเป็นการโจมตีที่เรียบง่ายมาก เมื่อเทียบกับการต่อสู้ที่น่ากลัวก่อนหน้านี้ มันเหมือนกับความแตกต่างระหว่างสวรรค์และโลก ยิ่งใหญ่อย่างหาที่เปรียบไม่ได้!

“ด่านที่ 37 สำเร็จในเวลาหนึ่งเค่อกับ 37 ลมหายใจ!” เสียงที่ไร้คลื่นอารมณ์ดังก้อง และประกาศผลการท้าทายของเฉินซีในครั้งนี้ ทว่าเฉินซีกลับไม่ได้ถูกเคลื่อนย้ายไปยังด่านที่สูงขึ้น

ชายหนุ่มเงยหน้า จากนั้นก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ไม่อาจบรรยายได้ ความกดดันถาโถมเข้าใส่ทั้งฟ้าดินของด่านทั้ง 36 จนหายใจไม่ออก แดนเซียนสวรรค์มายาพลันตกอยู่ในสภาวะชะงักงัน

มันเป็นกลิ่นอายของ… เต๋าแห่งสวรรค์!

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท