บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1215 ตราศักดิ์สิทธิ์ห้วงมิติ

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1215 ตราศักดิ์สิทธิ์ห้วงมิติ

บทที่ 1215 ตราศักดิ์สิทธิ์ห้วงมิติ

“ใช่แล้ว!”

“เป็นเพราะชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากอย่างแน่นอน!”

ยิ่งไตร่ตรองอย่างรอบคอบมากเท่าไร เขาก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าตราศักดิ์สิทธิ์ชิ้นที่สอง จะต้องเกี่ยวข้องกับชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากที่อยู่ในห้วงจิตสำนึกอย่างแน่นอน

“เจ้าบรรลุขอบเขตเซียนทองคำแล้วหรือ?” ในขณะเดียวกัน หม้อใบจิ๋วก็กล่าวขึ้นมาทันที

เฉินซีพยักหน้า “ผู้อาวุโส ท่านเคยได้ยินว่ามีคนเข้าใจกฎแห่งมิติที่ขอบเขตเซียนทองคำหรือไม่”

หม้อกลั่นใบจิ๋วตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด “ในช่วงยุคบรรพกาล เหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นบ้างเป็นบางครั้ง” เมื่อกล่าวมาถึงจุดนี้ หม้อใบจิ๋วก็อดไม่ได้ที่จะถาม “หรือว่าเจ้าเข้าใจกฎแห่งมิติแล้ว?”

เฉินซีพยักหน้า “ข้าได้รับตราศักดิ์สิทธิ์ที่สวรรค์ประทานให้ก่อนหน้านี้สองชิ้น ชิ้นหนึ่งคือตราศักดิ์สิทธิ์เบญจธาตุ และอีกชิ้นคือตราศักดิ์สิทธิ์ห้วงมิติ แต่ข้ายังไม่กล้ายืนยัน”

ชายหนุ่มไม่กล้ายืนยันจริง ๆ และเพราะทำไม่ได้ เขาจึงกลับมาจากแดนเซียนสวรรค์มายาก่อน เพื่อศึกษาตราศักดิ์สิทธิ์ห้วงมิติที่ได้มาโดยบังเอิญ

สุดท้าย กาลเวลาก็สูงส่งและอวกาศก็เป็นราชา นี่เป็นความรู้ทั่วไปในภพเซียน ไม่ว่าจะเป็นเวลาหรืออวกาศ ทั้งสองเป็นกฎสูงสุดที่อยู่เหนือมหาเต๋าต่าง ๆ

สิ่งสำคัญที่สุด คือกฎสูงสุดดังกล่าวเป็นสิ่งเฉพาะสำหรับผู้ที่มีการบ่มเพาะขอบเขตราชันเซียนเท่านั้นจึงสามารถเข้าใจและใช้ได้!

แม้เซียนทองคำจะสามารถหลบหนีจากการจำกัดขอบเขตของกฎแห่งภพเซียน และเคลื่อนย้ายผ่านห้วงมิติได้อย่างอิสระ แต่มันก็เป็นเพียงความสามารถของเซียนทองคำ และไม่สามารถเข้าใจความลึกล้ำของอวกาศได้อย่างแท้จริง

จึงเห็นได้ชัดว่าหม้อใบจิ๋วตกใจกับสิ่งที่เฉินซีกล่าว แต่หลังจากนั้นไม่นาน มันก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแปลก ๆ “เจ้านี่มันตัวประหลาดจริง ๆ”

“…” เฉินซีลูบจมูกและกล่าวไม่ออกเล็กน้อย

“เจ้าควรตระหนักว่า กาลเวลา ห้วงมิติ ชีวิตและความตาย กฎสูงสุดทั้งสามนี้ สามารถเข้าใจได้ที่ขอบเขตราชันเซียนเท่านั้น และกฎสูงสุดเหล่านี้ จะถูกแบ่งออกเป็นหลายแขนง”

“ตัวอย่างเช่น การย้อนเวลา การหน่วงห้วงมิติ การบงการชีวิต และอื่น ๆ เป็นต้น”

หม้อใบจิ๋วอธิบายช้า ๆ เมื่อกล่าวมาถึงจุดนี้ มันก็อดไม่ได้ที่จะถามอีกครั้ง “เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าได้รับตราศักดิ์สิทธิ์ห้วงมิติ ไม่ใช่แขนงใดแขนงหนึ่งของกฎแห่งมิติ”

เฉินซีสังเกตเห็นความจริงจังในน้ำเสียงของหม้อใบจิ๋ว ชายหนุ่มจึงสัมผัสมันอีกครั้ง “ตราศักดิ์สิทธิ์ห้วงมิติที่ข้าได้รับ ดูเหมือนจะสามารถเลื่อนระดับได้ สถานะเริ่มต้นของมันคือการสั่นสะเทือนห้วงมิติ ระดับที่สองคือระลอกคลื่นมิติ ระดับที่สามคือกระแสห้วงมิติ สำหรับระดับสูงสุด ตอนนี้ข้ายังสัมผัสไม่ได้”

เมื่อหม้อใบจิ๋วฟังจบ มันก็ไม่รีรออีกต่อไป “ตามที่เจ้ากล่าว มันคือกฎแห่งมิติอย่างแน่นอน และเป็นกฎแห่งมิติที่ควบแน่นเป็นตราศักดิ์สิทธิ์…” เมื่อมันกล่าวมาถึงจุดนี้ หม้อใบจิ๋วก็กล่าวสิ่งใดไม่ออก

หม้อกลั่นใบจิ๋วสามารถยืนยันได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า เฉินซีจะบรรลุสู่ขั้นขอบเขตเซียนทองคำภายในเวลาสองปี เพราะทราบอย่างชัดเจนว่าชายผู้นี้ครอบครองสมบัติหายากอย่างเคหาดารา ยิ่งกว่านั้น พรสวรรค์โดยกำเนิดของเฉินซีนั้นเป็นเลิศเหนือผู้ใด จึงมีความเป็นไปได้ที่เขาจะสามารถบรรลุได้ในเวลาอันสั้น

แต่หม้อใบจิ๋วคาดไม่ถึง ว่าเฉินซีจะได้รับตราศักดิ์สิทธิ์สองชิ้นเมื่อบรรลุสู่ขอบเขตเซียนทองคำ ยิ่งกว่านั้น หนึ่งในนั้นคือกฎสูงสุดที่สมบูรณ์ กฎแห่งมิติ!

วาสนาที่ท้าท้ายสวรรค์เช่นนี้ ทำให้หม้อใบจิ๋วรู้สึกอิจฉาอย่างอดไม่ได้

แต่เฉินซีไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นแต่อย่างใด เพราะตระหนักดีว่านี่คือวาสนา และเป็นของขวัญจากชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก

ในความเป็นจริง ตั้งแต่ได้รับชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากชิ้นแรกมาจนถึงตอนนี้ เฉินซีก็ได้รับประโยชน์มากมายจากมัน มีหลายครั้งที่มันช่วยจัดการกับอันตรายที่เผชิญ มีหลายครั้งช่วยให้ผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากทางอ้อม และแม้แต่พลังอิทธิฤทธิ์ชั้นยอดอย่างเนตรเทวะแห่งความจริงก็มาจากชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก

“เนื่องจากตราศักดิ์สิทธิ์ห้วงมิติอยู่ในความครอบครองของข้าแล้ว มันก็พิสูจน์ได้ว่า ข้าสามารถทำความเข้าใจ และใช้มันกับการบ่มเพาะในปัจจุบันของข้าได้…” เฉินซีครุ่นคิดสั้น ๆ ก่อนจะหายใจเข้าลึก จากนั้นชี้ไปข้างหน้า

โอม~

ทันใดนั้น พื้นที่กว่าสิบจั้งรอบ ๆ ก็เริ่มสั่นสะเทือน ก่อเกิดเสียงเสียดหู

โดยตั้งแต่ต้นจนจบ เฉินซีไม่ได้ใช้ปราณเซียนพิสุทธิ์แม้แต่น้อย

กล่าวอีกนัยหนึ่ง นี่คือพลังของตราศักดิ์สิทธิ์ห้วงมิติที่ตนครอบครอง พลังที่มันสร้างขึ้นทำให้พื้นที่โดยรอบสั่นสะเทือน

“ข้าจะลองใช้ปราณกระบี่!”

ชู่ว!

เฉินซีรวบนิ้วเข้าหากันเพื่อสร้างรูปร่างของกระบี่ จากนั้นก็ใช้ตราศักดิ์สิทธิ์ห้วงมิติ ก่อนจะฟันไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

ทั้งหมดที่ได้ยินคือคลื่นเสียงสั่นสะเทือน และแหลมคมของห้วงมิติที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะการฟันด้วยดรรชนีกระบี่ แต่มันทำให้พื้นที่กว่าสิบจั้งสั่นสะเทือน และทำให้ปราณกระบี่จำนวนมากพุ่งออกมา

เมื่อมองจากระยะไกล มันเหมือนปราณกระบี่ไร้ตัวตนพุ่งออกมาจากทุกซอกทุกมุมในระยะสิบจั้ง และครอบคลุมบริเวณโดยรอบทั้งหมด มันทั้งไร้ร่องรอย และลึกลับยิ่ง

“ความเข้าใจในกฎแห่งมิติของเจ้ายังตื้นเขินนัก ตัวตนที่ขอบเขตราชันเซียนสามารถทำให้ห้วงมิติอันกว้างใหญ่นับไม่ถ้วนซ้อนทับกันได้ด้วยการโบกมือ แม้ว่าเจ้าจะมีพลังทำลายล้างโลก แต่หากเจ้าไม่สามารถพุ่งผ่านข้อจำกัดของห้วงมิติได้ ก็ไม่มีทางสร้างความเสียหายให้กับราชันเซียนแม้แต่ปลายเส้นผม”

หม้อใบจิ๋วอดไม่ได้ที่จะเตือน “เจ้าน่าจะรู้ดีว่า ระดับแรกของกฎแห่งมิติคือการสั่นสะเทือนห้วงมิติ ดังนั้นจงทำความเข้าใจให้ถ่องแท้เสียก่อน และบางทีเจ้าอาจจะสามารถแสดงพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดออกมาได้”

เฉินซีพยักหน้า แม้เขาจะได้รับตราศักดิ์สิทธิ์ห้วงมิติ แต่ก็ยังเข้าใจมันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถึงขนาดที่ไม่อาจพิจารณาได้ว่าเป็นผิวเผินด้วยซ้ำ

บางทีเขาคงสามารถอนุมานมันได้ด้วยความช่วยเหลือจากยันต์เทวะอนันต์ เมื่อเข้าใจการสั่นสะเทือนห้วงมิติระดับแรกอย่างสมบูรณ์ ตัวเขาย่อมสามารถดึงพลังของมันออกมาได้ ใช่หรือไม่? เฉินซีครุ่นคิดในใจ

“อืม อันที่จริงข้าอยากจะถามเจ้าว่าได้รับแต้มดารามากี่แต้มแล้ว” ในขณะเดียวกัน หม้อใบจิ๋วก็กระแอมแห้ง ๆ น้ำเสียงของมันค่อนข้างเขินอายเล็กน้อย

เฉินซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้ามีอยู่ประมาณ…” กล่าวยังไม่ทันจบ ใบหน้าของเขาก็แข็งค้าง ดูเหมือนวันนี้จะจ่ายแต้มดาราไปอย่างฟุ่มเฟือยทีเดียว…

“320,000 แต้ม…” ชายหนุ่มรีบดึงตราดาราม่วงออกมาดู และเมื่อเห็นตัวเลขบนนั้น มุมปากพลันกระตุกอย่างช่วยไม่ได้

หลังจากนั้นเขาก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างขมขื่น เดิมที ชายหนุ่มมีแต้มดารากว่าเจ็ดล้านแต้มในครอบครอง แต่หลังจากเข้าไปในหอคัมภีร์ เขาอ่านตำราไปมากกว่าร้อยเล่มติดต่อกัน และทุกเล่มมีค่าเท่ากับแปดพันแต้มดารา หลังจากนั้น ก็มอบแต้มดารา 51,000 แต้มให้ภูติคัมภีร์เปิ่นจี่ เป็นค่าคำชี้แนะ

นอกจากนั้น ยังเข้าสู่ดินแดนเซียนสวรรค์มายาอย่างต่อเนื่อง และจ่ายแต้มดาราไปแปดแสนแต้ม เพื่อเข้าสู่ 36 ด่านแรก ก่อนจะจ่ายอีก 1,800,000 แต้ม เพื่อเข้าสู่ด่านที่ 37!

ด้วยเหตุนี้… เขาจึงเหลือแต้มดาราเพียง 320,000 แต้ม!

“ไม่น่าแปลกใจที่อาซิ่วกล่าวว่า แต้มดาราเป็นทุกอย่างในสำนัก แน่นอนว่าเราไม่สามารถทำอะไรได้เลยหากไม่มีแต้มดารา แต่สำนักไม่โหดร้ายเกินไปในการหักแต้มดาราหรอกหรือ?” เมื่อเฉินซีนึกถึงการเข้าสู่ด่านที่ 37 ของแดนเซียนสวรรค์มายา และต้องเสียแต้มดาราไปถึง 1,800,000 แต้ม เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวด จนหัวใจแทบหลั่งเลือด

แต้มดาราเหล่านี้ ล้วนสะสมมาจากการทำงานหนักของร่างอวตารทั้งวันทั้งคืน และมันได้มาอย่างยากลำบากตลอดทั้งปี ทว่าตอนนี้มันกลับหมดเกลี้ยงในวันเดียว แล้วจะไม่ให้รู้สึกหดหู่ได้อย่างไร?

เมื่อเห็นสีหน้าของเฉินซีเปลี่ยนไปมาซ้ำ ๆ หม้อใบจิ๋วก็เลี่ยงที่จะถามคำถามนี้เป็นครั้งที่สอง และมันก็ได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ

“ผู้อาวุโส อย่าได้กังวลไป ชิ้นส่วนแก่นแท้โกลาหลยังคงอยู่ที่โถงแต้มดาราและยังไม่มีใครไปแลกมัน ดังนั้นเรายังคงมีโอกาส” เฉินซีกล่าวอย่างรีบร้อน “ข้าอยู่ในอันดับที่หนึ่งบนศิลาวิถี 36 ชั้นแรกของแดนเซียนสวรรค์มายา ดังนั้นข้าจะได้รับแต้มดาราหนึ่งล้านแต้มทุกเดือน เมื่อข้าเสริมขอบเขตการบ่มเพาะแล้ว ข้าจะไปทดสอบความแข็งแกร่งที่เทียบอันดับทองคำมวลสวรรค์ ตราบใดข้าสามารถติดอันดับได้ ข้าก็จะได้แต้มดาราจำนวนมากทุกเดือนเช่นเดียวกัน…”

หม้อใบจิ๋วขัดจังหวะด้วยความโกรธ “จะอธิบายให้ข้าฟังทำไม ก่อนหน้านี้ข้าแค่ถามแบบสบาย ๆ และไม่ได้โกรธเลยสักนิด ไยต้องร้อนตัวถึงเพียงนี้” แม้จะกล่าวในลักษณะนี้ แต่น้ำเสียงกลับเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เฉินซีถอนหายใจด้วยความโล่งอก ขณะมองไปที่หม้อใบจิ๋วกลมเกลี้ยงและขาวเหมือนหยก ความคิดไร้สาระก็แวบเข้ามาในหัวโดยไม่มีเหตุผล ‘เหตุใดน้ำเสียงของหม้อใบจิ๋วถึงดูเหมือนสตรีมากขึ้นเรื่อย ๆ?’

ชายหนุ่มตกใจกับความคิดนี้ และรีบส่ายหัวสลัดความคิดเมื่อครู่ทิ้งไป เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ ก็น่ากลัวอย่างยิ่ง สตรีที่มีชีวิตอยู่มาตั้งแต่ยุคบรรพกาลจนถึงปัจจุบัน! นางจะอายุเท่าใดกัน?

หลังจากนั้น เฉินซีก็ไม่เสียเวลาอีกต่อไป ชายหนุ่มเข้าสู่โลกแห่งดาราเพื่อเสริมการบ่มเพาะของตนทันที

การบรรลุสู่ขอบเขตเซียนทองคำในครั้งนี้ อาจกล่าวได้ว่ายากและอันตรายอย่างยิ่ง แต่ผลประโยชน์ของมันก็มหาศาลเช่นกัน ทำให้เฉินซีสามารถบรรลุขอบเขตเซียนทองคำได้อย่างสมบูรณ์ ไม่เพียงแต่มีโลกที่ก่อตัวขึ้นภายในร่างกายเท่านั้น แม้แต่รากฐานเซียนก็ยิ่งใหญ่กว่าคนรุ่นเดียวกันถึงร้อยเท่า

“เหลือเวลาไม่ถึงครึ่งปี ก่อนการสอบของสำนักฝ่ายใน หลังจากเสริมความแข็งแกร่งให้กับการบ่มเพาะ ข้าจะไปที่ภูเขาแสวงเต๋า เพื่อทดสอบอันดับของข้าในเทียบอันดับทองคำมวลสวรรค์ ด้วยวิธีนี้เท่านั้น ถึงจะยืนยันได้ว่า ข้าสามารถเป็นหนึ่งในห้าสิบอันดับแรก และมีคุณสมบัติในการเข้าร่วมการสอบของสำนักฝ่ายในหรือไม่…” เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะนั่งขัดสมาธิในโลกแห่งดารา และเข้าสู่สมาธิอย่างลึกซึ้ง

หนึ่งเดือนผ่านไปในโลกภายนอก

ชู่ว!

ในที่สุด ประตูเคหาก็เปิดออก ร่างสูงใหญ่วูบวาบ และหายไปในอากาศ ชายหนุ่มเคลื่อนย้ายผ่านห้วงมิติไปยังภูเขาแสวงเต๋าทันที

ภูเขาแสวงเต๋าตั้งอยู่ในลานด้านนอกของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า ภูเขาถูกสร้างขึ้นจากซากของสัตว์อสูรเซียนเต๋ามังกรดึกดำบรรพ์ ศิลาจารึกที่สูงทะลุขึ้นไปบนท้องฟ้า แหวกผ่านมวลเมฆ ตั้งตระหง่านอยู่บนภูเขาลูกนี้ เทียบอันดับทองคำมวลสวรรค์ถูกบันทึกไว้บนนั้น

การสอบของสำนักฝ่ายในใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ความนิยมของภูเขาแสวงเต๋ากำลังเฟื่องฟูเป็นอย่างมาก เมื่อเฉินซีมาถึงที่นี่ ก็มีศิษย์จำนวนมากยืนอยู่ตรงนั้นก่อนแล้ว บางคนกำลังตรวจสอบอันดับของตน ในขณะที่บางคนกำลังพิจารณาอันดับของตน มีคนเดินไปมา ดูคึกคักอย่างยิ่ง

“พี่เฉินซี!”

“ศิษย์พี่เฉินซีก็มาด้วยหรือ”

“นั่นมันเฉินซี ชายผู้สร้างสถิติใหม่ใน 36 ด่านแรกของแดนเซียนสวรรค์มายาเมื่อเดือนที่แล้ว และได้ครอบครองอันดับหนึ่ง นอกจากนี้ เขายังบรรลุขอบเขตเซียนทองคำ ขณะท้าทายแดนเซียนสวรรค์มายา และได้รับตราศักดิ์สิทธิ์เบญจธาตุ!”

“เขาคือเฉินซีหรือ ไม่ธรรมดาจริง ๆ! เป็นไปได้หรือไม่ว่า ที่เขามาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อตัดสินอันดับของตนเองเช่นกัน”

“มาเถอะ พวกเราไปดูกันเถอะ!”

เมื่อเฉินซีปรากฏตัว ก็ดึงดูดความสนใจของศิษย์หลายคนทันที สายตาของศิษย์ใหม่บางคนที่จดจ้องมา มีร่องรอยความเคารพนับถือไม่น้อย

ในทางกลับกัน สายตาของศิษย์อาวุโสนั้นกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน มีทั้งความหวาดระแวง และเคร่งขรึม ดูเหมือนพวกเขาจะมองเฉินซีเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขาม

ชายหนุ่มรู้สึกงงงวยเล็กน้อย ไม่คาดคิดว่าชื่อเสียงของตนจะเป็นที่รู้จักของทุกคนเช่นนี้…

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท