บทที่ 1227 เหยี่ยวสุญญะ
บทที่ 1227 เหยี่ยวสุญญะ
การสนทนาในห้องโถงจบลงด้วยการแสดงสมบัติอมตะระดับวีรบุรุษ และสมบัติอมตะระดับจักรวาลสองชิ้น
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น แสงอรุณเพิ่งจะสาดส่องลงมา โจวจื่อหลีนำเฉินซีและคนอื่น ๆ ไปที่จัตุรัสกลางของเมืองเมฆาสุบิน
ในขณะนี้ มีผู้คนมากมายมารวมตัวกันที่นี่ นอกจากศิษย์จากอีกหกสำนักศึกษาที่ยิ่งใหญ่แล้ว ยังมีผู้เยี่ยมยุทธ์จำนวนมากจากกองกำลังอื่น ๆ พวกเขาทั้งหมดอยู่ที่ขอบเขตเซียนทองคำ และดูเหมือนจะไปสังหารผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพในสมรภูมิฝันร้ายเช่นกัน
นี่เป็นเรื่องปกติอย่างยิ่ง แม้ว่าสมรภูมิฝันร้ายจะเป็นสนามรบขนาดกลาง แต่ก็เต็มไปด้วยผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพจำนวนมาก หากอาศัยเพียงพลังของศิษย์จากสำนักศึกษาที่ยิ่งใหญ่ทั้งเจ็ด แน่นอนว่า ไม่สามารถสังหารพวกมันได้อย่างแน่นอน
ถึงอย่างไรศิษย์เหล่านี้ก็มาเพื่อสอบเท่านั้น ในขณะที่ผู้เยี่ยมยุทธ์คนอื่นมาเพื่อฆ่าผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพ ดังนั้นเป้าหมายของพวกเขาจึงเรียบง่ายอย่างยิ่ง นั่นคือการสังหารผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพ เพื่อรับวัตถุและสมบัติอมตะมากมายที่ไม่สามารถพบได้ในภพเซียน
“อย่าลืมคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองเป็นหลัก หากเจ้าประสบกับเหตุร้ายแรง ให้ใช้ยันต์ข้อความ แล้วเราจะมาช่วยเหลือเจ้าเอง” โจวจื่อหลีแนะนำศิษย์ทุกคนที่อยู่ตรงหน้าตน จากนั้นก็โบกมือ และกล่าวเสียงก้อง “ไปได้!”
เฉินซีและศิษย์คนอื่น ๆ มุ่งหน้าไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติขนาดใหญ่ที่จัตุรัสกลางทันที
โอม~
คลื่นเสียงดังก้องกังวาน ก่อนที่เฉินซีและศิษย์อีก 49 คนจากสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าจะหายตัวไป
“พวกเราต้องเตรียมพร้อมออกเดินทางทุกเมื่อ สมรภูมิฝันร้ายเต็มไปด้วยภยันตรายมากมาย หากเกิดเหตุร้ายเราต้องรีบรุดไปช่วยพวกเขาให้เร็วที่สุด”
ทั้งสามคนพยักหน้ารับคำ
…
โอม~
เมื่อเฉินซีลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็ปรากฏตัวขึ้นบนพื้นที่รกร้างแห่งหนึ่ง
ค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติแยกเหล่าศิษย์ออกจากกัน เฉินซีหายใจเข้าลึก ก่อนจะกวาดสายตาไปรอบ ๆ เมื่อไม่เห็นอันตรายใด ๆ ชายหนุ่มก็ดึงแผนที่ซึ่งจารึกไว้ในยันต์หยกออกมา มันเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ของสมรภูมิฝันร้าย
สมรภูมิฝันร้ายตั้งอยู่ ณ ชายแดนของแม่น้ำแห่งดวงดาว เป็นพื้นที่ที่ก่อตัวขึ้นจากดวงดาวหลายหมื่นดวง แผนผังทางภูมิประเทศของมันซับซ้อนมาก ช่องว่างระหว่างดวงดาวก็เต็มไปด้วยกระแสมิติ รอยแยกมิติ หลุมดำ พายุห้วงมิติ และภัยพิบัติอื่น ๆ ที่น่าสะพรึงกลัวของจักรวาล สภาพแวดล้อมจึงอาจกล่าวได้ว่าน่ากลัวถึงขีดสุด
“ตำแหน่งของข้าน่าจะอยู่ที่ชายแดนของสมรภูมิฝันร้าย ซึ่งเป็นดวงดาวที่เรียกว่า ดาวสุญญะตามข้อมูลบนแผ่นหยก ดาวดวงนี้เต็มไปด้วยอันตรายมากมาย…” หลังจากนั้นไม่นาน เฉินซีก็ขมวดคิ้วและเก็บแผ่นหยก แววตาทอประกายอำมหิต พลังในร่างกายพลุ่งพล่าน ชายหนุ่มเข้าสู่สภาวะของการต่อสู้ทันที
ชู่ว!
ในพริบตาต่อมา ร่างของเฉินซีเปลี่ยนเป็นเงาที่ไร้ตัวตน พุ่งไปยังระยะไกล เขาไม่ได้ใช้การเคลื่อนย้ายห้วงมิติ เพราะกังวลว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันที่ปลายทาง
ดาวสุญญะ เต็มไปด้วยเหยี่ยวสุญญะ พวกมันมักซ่อนตัวอยู่ในสายลมแห่งความว่างเปล่าเพื่อล่าเหยื่อ พวกมันเป็นเหมือนนักฆ่าล่องหนที่ไม่สามารถป้องกันได้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉินซีก็หยุดเคลื่อนไหว และจ้องมองไปข้างหน้าอย่างว่างเปล่า ทันใดนั้น ความรู้สึกผิดปกติสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา ชายหนุ่มพลันสะบัดแขนเสื้อ จากนั้นอสูรเซียนสีขาวราวหิมะทั้งตัว มีขนาดใหญ่ประหนึ่งสิงโต และปล่อยกลิ่นอายที่กดขี่ออกมาปรากฏขึ้นข้างกาย มันคืออสูรวิญญาณดารา ชิงชิง
อันที่จริง เนื่องจากชิงชิงเข้าสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าพร้อมกับผู้เป็นาย มันจึงอาศัยอยู่ภายในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์มาโดยตลอด และถ้ามันไม่ได้ส่งสัญญาณของความตั้งใจที่ทำให้เฉินซีตื่นตระหนก เขาก็เกือบจะลืมมันไปแล้ว
อู้วววว~
ชิงชิงร้องขณะวิ่งไปรอบ ๆ อย่างตื่นเต้น เห็นได้ชัดว่ามันเบื่อหน่ายกับเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ขนาดไหน เมื่อยืดเส้นยืดสายจนพอใจ มันก็กลับมาที่ข้างกายชายหนุ่ม พลางมองด้วยสายตาไม่พอใจ
เฉินซีรู้สึกผิดอีกครั้ง และรีบดึงน้ำค้างอมตะออกมาให้ชิงชิง ชิงชิงก้าวไปข้างหน้าและสูดอากาศเข้าไป ก่อนจะเผยประกายเกลียดชัง จากนั้นมันก็ส่ายหัวซ้ำ ๆ
เฉินซีกล่าวสิ่งใดไม่ออก “…”
“อสูรวิญญาณดาราชอบกินแก่นดาราเท่านั้น สิ่งที่เจ้าทำอยู่ตอนนี้ จะไม่สามารถทำให้มันเติบโตขึ้นได้”
หม้อใบจิ๋วกล่าวช้า ๆ การมาที่สมรภูมินอกพิภพ ดูเหมือนจะทำให้มันพอใจอย่างมาก น้ำเสียงเจือความอบอุ่นขึ้นมาก “ในความคิดของข้า สหายตัวน้อยผู้นี้ครอบครองกฎแห่งมหาเต๋า วายุ อัคคี ดารา และการกลืนกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กฎแห่งการกลืนกินนี้หาได้ยากมาก และทำให้พรสวรรค์ตามธรรมชาติของอสูรวิญญาณดารานี้ทัดเทียมกับสัตว์เทวะในยุคบรรพกาล”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ชิงชิงยกหน้าอกขึ้นอย่างภาคภูมิ จากนั้นจึงส่ายหัวอย่างพึงพอใจราวกับว่ามันรู้ว่าหม้อใบจิ๋วกำลังชมเชยมัน
แต่เมื่อมันเลื่อนสายตาไปยังชายหนุ่ม นัยน์ตาของมันก็ได้เผยความรู้สึกผิดหวังและไม่พอใจอยู่ในที ดูเหมือนมันจะกล่าวโทษเฉินซีที่ไม่เพียงแค่ปล่อยมันไว้เฉย ๆ ทั้งยังไม่ให้อะไรมันกินอีกด้วย มันรู้สึกว่าเฉินซีใจร้ายเสียเหลือเกิน
“ผู้อาวุโส แก่นดาราคือสิ่งใดกัน? ข้าจะหาพวกมันได้จากที่ใด?” เฉินซีรีบลูบหัวปุกปุยของชิงชิง ก่อนจะถามหม้อใบจิ๋วว่าตนควรจัดการกับปัญหาอย่างไร เพื่อให้ชิงชิงบ่มเพาะได้สำเร็จ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเกี่ยวกับแก่นดารา
ท้ายที่สุดแล้ว ภพเซียนนั้นกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต เซียนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถบินขึ้นไปบนท้องฟ้าได้ ดังนั้นจึงนับประสาอะไรกับการดึงดาวลงมา
“หลังจากดวงดาวถือกำเนิด และผ่านกาลเวลานับหมื่นนับแสนปี แก่นดาราก็จะก่อตัวขึ้น นั่นคือแก่นแท้ของดวงดาว การสูญเสียมันไปจะทำให้ดาวทั้งดวงแห้งแล้ง พลังชีวิตเหือดแห้งไป”
หม้อใบจิ๋วกล่าวอย่างสบาย ๆ “ถ้ามันอยู่ในภพเซียน บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะได้แก่นดารา แต่ในสนามรบระหว่างภพเซียนและนอกพิภพ การได้รับแก่นดารานั้นไม่ใช่เรื่องยาก เจ้ากำลังยืนอยู่บนดวงดาว เพียงหาที่ซ่อนแก่นดาราของมันให้เจอ”
เฉินซีตกตะลึง แล้วกวาดสายตาไปรอบ ๆ “ข้าอาจต้องใช้เวลาหลายปีในการค้นหาดาวทั้งดวง ด้วยญาณมหาเทวะอมตะ หากโชคดีก็ดีไป แต่ถ้าไม่ ข้าก็จะเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์”
การสอบฝ่ายในครั้งนี้มีกำหนดเวลาเพียงสามเดือน ผู้ที่ไม่ตรงตามข้อกำหนดจะถูกตัดสิทธิ์ทันที ในขณะที่ข้อกำหนดพื้นฐานคือการสังหารผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพของขอบเขตเซียนทองคำอย่างน้อยหนึ่งร้อยคน ถ้าลองพิจารณาเรื่องนี้แล้ว เขาก็มีเวลาไม่มากนัก
“เจ้าโง่ เจ้าไม่มีมันอยู่หรอกหรือ?” หม้อใบจิ๋วกล่าวด้วยน้ำเสียงผิดหวัง
อู้วววว~
ชิงชิงมองไปที่เฉินซีด้วยความดูถูกเหยียดหยามเช่นกัน ชิงชิงรู้สึกราวกับว่าสหายคนนี้ไม่ได้คิดแม้แต่น้อยว่ามันน่าเกรงขามเพียงใด และมันรู้สึกว่าคนผู้นี้โง่งมนัก
หวือ!
สายลมอ่อน ๆ พัดโชยมา มันให้ความรู้สึกราวกับมืออันอ่อนโยนของคู่ชีวิต
ฟึ่บ!
แต่เฉินซีกลับรู้สึกราวเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ ดวงตาเปล่งประกายวาววับ ยื่นมือคว้าจับ ชายหนุ่มลากนกประหลาดหน้าตาน่าเกลียดออกมา มันมีดวงตาสีแดงเข้มและกระหายเลือด มีจะงอยปากแหลมคม และมีเงาเย็นเยียบเหมือนโลหะภายในสายลม
แกว๊ก! แกว๊ก!
นกประหลาดตัวนั้นไม่ทันตั้งตัว และถูกจับไว้มั่น มันกรีดร้องเสียงแหลมน่าสะพรึงกลัวออกมา
“เหยี่ยวสุญญะ?” เฉินซีสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของนกประหลาด มันเปรียบได้กับผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนลึกลับ จึงน่าตกใจอย่างยิ่ง เพราะหากก่อนหน้านี้ตนประมาทเลินเล่อ และถูกแทงด้วยจะงอยปากอันแหลมคมนี้ เขาจะต้องได้รับบาดเจ็บอย่างหนักเป็นแน่
กร๊อบ!
เฉินซีบิดคอของนกในมือ แล้วชักกระบี่ตะขอดาราออกมา ก่อนจะฟันจะงอยปากอันแหลมคมของมัน นี่เป็นวัตถุดิบเซียนระดับกลางที่หายาก และไม่อาจหาได้ในภพเซียน ซึ่งในแง่ของมูลค่า มันเกือบจะเทียบเท่ากับวัตถุดิบเซียนระดับสูง
“เจ้านี่ซ่อนอยู่ในสายลม เห็นได้ชัดว่ามันเข้าใจกฎแห่งวายุ ถ้าข้าโดนลอบโจมตีเช่นนี้ ก็คงไม่มีทางป้องกันได้แน่” เฉินซีโยนศพของเหยี่ยวสุญญะอย่างไม่ใส่ใจ แต่ไม่คาดคิดว่าชิงชิงจะอ้าปากกัดมัน แล้วเคี้ยวมันอย่างเอร็ดอร่อย
เฉินซีสัมผัสได้ว่า กลิ่นอายคลุมเครือของการกลืนกินที่ปกคลุมร่างของชิงชิง กำลังดูดซับกฎแห่งวายุภายในศพของเหยี่ยวสุญญะ!
“นี่…” เฉินซีตกตะลึงเล็กน้อย ไม่คิดว่าชิงชิงจะสามารถใช้กฎแห่งการกลืนกิน เพื่อแปลงกฎของคนอื่นให้เป็นของตนได้ เป็นความสามารถที่อาจถือได้ว่าผิดปกติอย่างยิ่ง
เมื่อลองคิดดูแล้ว ทุกครั้งที่เขาฆ่าศัตรู ชิงชิงจะสามารถดูดซับกฎแห่งมหาเต๋าภายในร่างของศัตรูได้ และหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ชิงชิงก็ไม่จำเป็นต้องบ่มเพาะ และทำความเข้าใจต่อกฎนี้เลย ทั้ังยังทำให้กฎแห่งมหาเต๋าที่ชิงชิงครอบครองก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด ดังนั้นมันจึงค่อนข้างน่ากลัว
“น่าเสียดายที่เจ้าตัวเล็กยังอยู่ในช่วงวัยเด็ก ดังนั้นมันจึงสามารถดูดซับและขัดเกลากฎแห่งมหาเต๋าที่ครอบครองโดยผู้อื่นได้เพียงหนึ่งส้วนเท่านั้น ถ้ามันเติบใหญ่ มันจะสามารถดูดซับกฎแห่งมหาเต๋าของผู้อื่นได้อย่างสมบูรณ์ และเปลี่ยนเป็นของตนเอง” หม้อใบจิ๋วถอนหายใจเบา ๆ และรู้สึกว่าเฉินซีกำลังทำให้ของขวัญที่สวรรค์ประทานมาให้เสียเปล่า และไม่เลี้ยงดูชิงชิงให้ดีมาตั้งแต่เริ่มต้น
เฉินซีอดไม่ได้ที่จะลูบจมูกเมื่อได้ยินสิ่งนี้ และได้แต่คิดในใจ “ตอนนี้ข้าเข้าใจกฎแห่งการกลืนกินแล้วเช่นกัน ถ้าข้าดูดซับพลังของกฎจากคู่ต่อสู้ ข้าจะสามารถเปลี่ยนพวกมันให้เป็นของข้าเองได้หรือไม่?”
“อย่าทำเช่นนั้นจะดีกว่า เว้นแต่เจ้าควบแน่นกฎแห่งการกลืนกินให้เป็นตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ มิฉะนั้น กฎแห่งมหาเต๋าที่เจ้าดูดซับจะมีแต่มลทิน และส่งผลต่อการบ่มเพาะของเจ้าแทน” หม้อใบจิ๋วดูเหมือนจะมองความคิดของเขาออก และเอ่ยเตือนทันที “สำหรับเจ้าตัวเล็กนี้ มันจะไม่ได้รับผลกระทบเช่นนั้น เพราะสายเลือดและความสามารถของมันไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะเทียบได้”
เฉินซีตกตะลึงและละทิ้งความคิดนี้ทันที ไม่ว่ามันจะดึงดูดใจเพียงใด สิ่งใดก็ตามที่มีผลต่อการบ่มเพาะในทางลบ จะเป็นสิ่งที่เขาจะไม่ทำอย่างแน่นอน
แผล่บ! แผล่บ!
ชิงชิงเลียริมฝีปากด้วยท่าทีไม่พอใจ ดวงตาของมันเปล่งประกาย จับจ้องเฉินซี ราวกับกำลังบอกว่ามันอยากกินมากกว่านี้…
“มาเถอะ เราจะฆ่าพวกมันระหว่างตามหาแก่นดารา!” เฉินซีหัวเราะเต็มเสียง จากนั้นก็เริ่มออกตามหาแก่นดาราทันที
ครั้งนี้ชายหนุ่มใช้เนรตเทวะแห่งความจริง ดวงตาแนวตั้งที่หว่างคิ้วเบิกกว้าง ด้วยวิธีนี้ เขาสามารถมองทะลุสิ่งแปลกปลอมได้อย่างชัดเจน ทำให้เขามองเห็นร่องรอยของเหยี่ยวสุญญะ แม้ว่าพวกมันจะซ่อนตัวอยู่ในสายลมก็ตาม
ในทางกลับกัน ชิงชิงพุ่งไปเคียงข้างเขา พร้อมกับสูดกลิ่นเป็นครั้งคราว มันค้นหากลิ่นอายของแก่นดาราไปตลอดทาง
เฉินซีรู้สึกขบขัน และรู้สึกว่าชิงชิงเป็นเหมือนสุนัขขนปุยที่เหมือนหิมะสีขาว ท่าทางของมันดูโง่งมมาก แต่ก็มีเสน่ห์เช่นกัน
หลังจากผ่านไปราวหนึ่งก้านธูป ยอดเขาเตี้ย ๆ และขรุขระก็ปรากฏขึ้นข้างหน้า จู่ ๆ ชิงชิงก็หยุดเคลื่อนไหว และกู่ร้องอย่างตื่นเต้น ก่อนที่จะพุ่งเข้าหายอดเขานั้น
“ช้าก่อน!” เฉินซีหยุดชิงชิง ดวงตาแนวตั้งที่หว่างคิ้วกวาดไปยังยอดเขาเตี้ย ๆ
ในขอบเขตการมองเห็นของเขา พื้นที่โดยรอบของยอดเขาเต็มไปด้วยกระแสลมแรงที่ส่งเสียงหวีดหวิว และเหยี่ยวสุญญะจำนวนมากกำลังกระพือปีกอยู่ในนั้น พวกมันก่อตัวเป็นมวลหนาแน่นปกคลุมฟ้าดิน และปกคลุมยอดเขาไว้อย่างแน่นหนา ดูแล้วน่าจะมีอย่างน้อยมากกว่าหนึ่งพันตัว!