บทที่ 1241 ปราบราชาปลาหยินหยาง ยึดครองสมบัติล้ำค่า
บทที่ 1241 ปราบราชาปลาหยินหยาง ยึดครองสมบัติล้ำค่า
การต่อสู้ปะทุขึ้นในฉับพลัน
เฉินซีทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับประกายแสงศักดิ์สิทธิ์อันไร้ขอบเขต ชายหนุ่มใช้ทักษะเต๋าแห่งกระบี่ขั้นสูงซึ่งอัดแน่นไปด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวของตราศักดิ์สิทธิ์เบญจธาตุผ่านกระบี่ตะขอดารา
เต๋าแห่งกระบี่บัดนี้ใกล้จะบรรลุขอบเขตเซียนกระบี่แล้ว!
ชายหนุ่มทุ่มสุดกำลัง ตั้งแต่บรรลุขอบเขตเซียนทองคำ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกบีบให้รับมือกับพลังที่ไม่มีสิ่งใดมาหยุดยั้งได้เช่นนี้ เมื่อมองจากที่ไกล จะเห็นว่าร่างกายของเฉินซีนั้นเอ่อล้นไปด้วยรัศมีอันองอาจและสูงส่ง ประหนึ่งมังกรเยื้องย่างจากรังพร้อมกลิ่นอายอันน่าเกรงขาม
ตึง!
สมบัติอมตะจำนวนมากกระทบกันกลางอากาศ พวกมันเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์เรืองรองและห่อหุ้มพื้นที่ของสะพานสู่ห้วงลึกทั้งหมดเอาไว้ หากการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้เกิดขึ้นในโลกภายนอก ผืนสมุทรก็คงมอดไหม้ หลงเหลือเพียงธารน้ำที่แดงฉานด้วยหยาดโลหิต!
อันที่จริงแล้ว ไม่มีศิษย์คนใดจากสำนักศึกษาอื่นที่เข้ามาในสมรภูมิฝันร้ายนี้อ่อนแอแม้แต่คนเดียว พวกเขาล้วนเป็นศิษย์อันดับต้น ๆ ในหมู่คนรุ่นใหม่ที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน และมีประสบการณ์มากมาย เรียกได้ว่าพวกเขาเป็นยอดฝีมือซึ่งเป็นเสาหลักของสำนักศึกษาของตน
ด้วยเหตุนี้ การที่พวกเขาโจมตีพร้อมกันโดยใช้สมบัติอมตะทั้งสาม ก็ทำให้เฉินซียากจะรักษาความได้เปรียบไว้ได้
เห็นได้ชัดว่า การถูกตีโต้ให้จนมุม เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้น
หรือบางที พวกเขาอาจไม่คิดว่าตนจะไม่สามารถจัดการเฉินซีได้ทั้ง ๆ ที่มีคนจำนวนมากเช่นนี้ เรื่องดังกล่าวไม่เพียงแต่ทำให้ผู้คนตกตะลึง แต่ยังทำให้ใจลุกโชนไปด้วยจิตสังหารเข้มข้น
เด็กหนุ่มผู้นี้เพิ่งจะเข้าสู่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋ามาได้เพียงสองปี ทว่าระดับการบ่มเพาะกลับก้าวหน้าไปถึงขอบเขตเซียนทองคำ ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ที่เก็บงำไว้ก็ช่างวิเศษเลิศล้ำ หากเขามีเวลาเติบโตมากกว่านี้ เขาจะต้องกลายเป็นคนที่น่าเกรงขามเกิดกว่าที่ใครจะคาดคิดได้อย่างแน่นอน
เมื่อหลายปีก่อน ก็มีคนเช่นนี้อย่างอวิ๋นฝูเซิงมาแล้วคนหนึ่ง แน่นอน พวกเขาไม่ต้องการให้มีอวิ๋นฝูเซิงคนที่สองปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง!
ดังนั้นแล้ว จึงทุ่มอุทิศด้วยสรรพสิ่งที่พวกตนมีอย่างไม่นึกลังเลแม้แต่น้อย นั่นก็เพราะพวกเขาตัดสินใจแล้วว่าจะต้องฆ่าเฉินซีให้ได้ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม!
ที่นี่คือสุสานของราชันเซียน ดังนั้นแล้ว ต่อให้ทำลายยันต์ข้อความ ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มก็ไม่อาจจะเข้ามายังที่แห่งนี้ได้ ดังนั้นจึงเป็นไม่ได้เลยที่คนเหล่านั้นจะเข้ามาช่วยเหลือเฉินซี
สำหรับศิษย์คนอื่น ๆ ของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋านั้นไม่จำต้องกล่าวถึง พวกเขามองดูฉากนั้นจากด้านข้างด้วยสายตาเกียจคร้าน อย่างไรเสีย แม้ว่าเฉินซีจะต้องจบชีวิตลงในวันนี้ ก็ไม่ใช่กงการให้เคลื่อนไหวเพื่อเข้าไปขัดขวางแต่อย่างใด
จากเหตุผลดังกล่าว ศิษย์จากทั้งสามสำนักศึกษาที่กำลังรับมือกับชายหนุ่มจึงไร้ความหวาดหวั่น เผยจิตสังหารผ่านสีหน้าเหี้ยมเกรียม คล้ายว่าวันนี้พวกเขาจะต้องโค่นเฉินซีลงให้จงได้
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด คล้ายถูกพันธนาการไว้ภายในโลกแห่งการโรมรัน ฟ้าดินมัวแสงลง คลื่นกระแทกจากการต่อสู้สั่นสะเทือนไปทั้งสะพาน มันแกว่งไกวไปมาพร้อมกับเสียงหวีดหวิว
โชคดีที่สะพานเต็มไปด้วยสนามพลังไร้รูปร่าง ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็อาจตกลงไปในแม่น้ำเพลิงขัดเกลาแแล้ว
ท่ามกลางสถานการณเช่นนี้ เฉินซีรู้สึกตึงเครียดและตกอยู่ภายใต้แรงกดดันมหาศาล ชายหนุ่มตระหนักดีว่าหากไม่ใช่เพราะสมบัติอมตะโบราณทั้งสามชิ้นนั้น ความแข็งแกร่งที่ตนมีก็เพียงพอที่จะบดขยี้คนเหล่านั้นให้ราบ น่าเสียดายที่ต่อให้รู้ดีเพียงใด ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสถานการณ์นี้ได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ
นั่นเป็นเพราะเขาไม่มีสมบัติอมตะที่จะต่อกรกับพวกมัน ชายหนุ่มทำได้เพียงพึงพาความได้เปรียบในแง่ของความแข็งแกร่งเพื่อต่อสู้กับสมบัติอมตะเหล่านี้
เนื่องจากหม้อใบจิ๋วกำลังไล่จับราชาปลาหยินหยางด้วยกำลังทั้งหมดที่มี ซึ่งหากเขาได้รับความช่วยเหลือจากหม้อใบจิ๋วแล้วละก็ แน่นอนว่าไม่มีใครที่จะหลุดรอดเงื้อมมือไปได้
ชิ้ง!
กระบี่จ้าวโลหิตเปื้อนสนิมฉีกกระฉากผ่าท้องฟ้า มันโจมตีเฉินซีจากทางด้านหลัง เงาที่สะท้อนจากมันเป็นสีแดงราวเลือดคล้ายตั้งใจจะกลืนกินศัตรูเข้าไป ไม่เพียงเท่านี้ ผิวของมันยังอาบไปด้วยรัศมีอันน่าสะพรึงกลัวซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญของสมบัติอมตะบรรพกาล
เฉินซีโจมตีสวนกลับไปด้วยการตวัดหลังมือ แรงปะทะครานี้ทำให้ร่างสูงใหญ่สั่นสะท้านเบา ๆ เปิดจังหวะให้ตะเกียงวังไหมเขียวปลดปล่อยเปลวเพลิงสีแดงเข้มแผดเผาผ่านลำคอ ทิ้งรอยแผลไหม้เกรียมไว้บนผิวจนดูน่ากลัว
หากหลบไม่ทัน คอคงไหม้เป็นจุณ!
ไอ้บัดซบพวกนี้ตั้งใจจะฆ่าข้าจริง ๆ!
เฉินซีขบกรามขณะขับเค้นจิตสังหารผ่านดวงตาวาวโรจน์ ก่อนหน้านี้ เขายังนึกลังเลด้วยกังวลว่าการสังหารคนเหล่านี้อาจจะนำมาเรื่องยุ่งยากมาสู่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า ทว่าชายหนุ่มได้สลัดความลังเลเหล่านั้นทิ้งไว้ที่ก้นบึงแห่งจิตใจแล้ว
ฉับ!
ชายหนุ่มโจมตีโดยใช้เคล็ดกระบี่ปริภูมิในทันที เพียงพริบตา บุรุษผู้หนึ่งในฝูงชนก็ถูกฟันเป็นสองท่อนจากทางด้านหลัง เลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็นอาบร่างไร้ลมหายใจ
“ศิษย์น้องจู!” เสียงตะโกนหนึ่งดังขึ้นด้วยความตกใจ
คนอื่น ๆ เริ่มมีสีหน้าหวาดผวา ไม่คิดเลยว่าเฉินซีจะสามารถฆ่าสหายของพวกตนได้ในสถานการณ์ที่อีกฝ่ายตกเป็นรองเช่นนี้ อีกทั้ง การโจมตีเช่นนั้น… พวกเขาแทบไม่รู้ตัวเลยว่าเฉินซีเริ่มลงมือเมื่อใด!
“ระวัง! เด็กคนนั้นดูเหมือนจะเข้าใจห้วงมิติแล้ว เร่งมือใช้กระบวนท่าลับเพื่อทำให้มิติรอบตัวพวกเจ้าแข็งแกร่งขึ้นซะ อย่าให้เขาใช้ประโยชน์จากจุดนี้ได้!” เสียงเคร่งขรึมดังเตือน แม้แต่สีหน้าก็จริงจังยิ่งขึ้นเช่นกัน
เข้าใจห้วงมิติอย่างนั้นหรือ?
หัวใจของผู้ฟังแทบหล่นวูบ สีหน้าของฝูงชนเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่จบสิ้น กฎแห่งมิติ! หนึ่งในสามกฎขั้นสูงสุดแห่งสามภพซึ่งมีเพียงผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตราชันเซียนเท่านั้นที่สามารถบรรลุได้!
สิ่งนี้ทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงอวิ๋นฝูเซิงขึ้นมาอีกรอบ ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ เหตุผลที่อวิ๋นฝูเซิงสามารถกำราบผู้บ่มเพาะรุ่นราวคราวเดียวกันในสำนักศึกษาทั้งสามได้ นั่นก็คือการพึ่งพาศาสตร์หนึ่งของมหาเต๋าแห่งเวลา เงาแห่งกาลเวลานั่นเอง!
แม้ตอนนี้ เฉินซีจะยังไม่เข้าใจเงาแห่งกาลเวลา แต่กลับสามารถบรรลุถึงความลึกล้ำแห่งห้วงมิติซึ่งมีพลังเทียบเคียงกับเงาแห่งกาลเวลา แล้วอย่างนี้ จะไม่ให้พวกเขาตกใจได้อย่างไร?
ฆ่า! มีเพียงแต่ต้องฆ่าเด็กคนนี้! เมล็ดพันธุ์แห่งความเป็นปฏิปักษ์ได้ถูกหว่านลงไปแล้ว หากเราไม่สามารถกำจัดเด็กคนนี้ได้ ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้นอนหลับอย่างเต็มตา!
…
การต่อสู้เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ จนเรียกว่าน่าสะพรึงกลัวได้เลยทีเดียว
ศิษย์ของสำนักศึกษาอื่น ๆ ไม่เพียงพยายามอย่างเต็มที่ แต่ยังสู้สุดชีวิตอีกด้วย!
ทว่าพวกเขาประเมินพลังของตราศักดิ์สิทธิ์ห้วงมิติที่เฉินซีครอบครองต่ำเกินไป ในเมื่อตอนนี้ไพ่ตายถูกหงายหน้าขึ้นมาแล้ว เฉินซีก็ไม่จำเป็นต้องไว้ท่าทีอีกต่อไป
ทุกการโจมตีด้วยกระบี่นั้นไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่า มันฟาดฟันลงไปในทุกทิศทางอย่างไม่อาจจับสัมผัสได้ ขณะที่ลงมือ ปราณกระบี่ห้วงมิติแต่ละเส้นปรากฏขึ้นจากผืนอากาศบาง ๆ รอบตัวชายหนุ่ม มันไม่อาจหยั่งถึง ไม่อาจสืบหาร่องรอย และไม่อาจหลบเลี่ยง ราวกับเป็นการโจมตีจากนักฆ่าที่ไม่มีผู้ใดเทียบเคียง
เผละ!
ผ่านไปเพียงไม่นาน ศีรษะของชายอีกคนหนึ่งก็ถูกเจาะทะลวง ทั้งแผ่นกะโหลก สมอง และเลือดพุ่งกระฉูดขึ้นฟ้า ก่อนจะตามมาด้วยเสียงโหยหวนทอดยาวที่หยุดลงเมื่อร่างนั้นแน่นิ่งบนพื้นดิน
เหมือนสถานการณ์จะเอนเอียงไปหาเฉินซีเสียแล้ว
“สหัสสังหาร ผนึกวิญญาณ!” ทันใดนั้น เสวี่ยเหลียนฉยงก็พ่นแก่นโลหิตลงบนผนึกเทวศสวรรค์ ใบหน้าซีดเผือด ความอ่อนเยาว์ถูกดูดออกไปอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่ารัศมีพลังก็จางลงไปมากเช่นกัน
การโจมตีของเฉินซีในครั้งนี้น่ากลัวเกินไป เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสละแก่นพลังของตัวเองเพื่อจัดการอีกฝ่าย
ปัง!
ผนึกเทวศสวรรค์ปะทุลำแสงสีดำและสีแดงเข้มเจิดจ้า มันฟาดฟันเข้าไปยังร่างของเฉินซีด้วยความรุนแรง ส่งผลให้ชายหนุ่มถูกแรงกระแทก กระเด็นออกไปราวสิบจั้ง
อัก!
เฉินซีกระอักเลือดคราวแล้วคราวเล่า ร่างกายสั่นสะท้านด้วยได้รับบาดเจ็บหนัก น่ากลัวเหลือเกิน! ในบรรดาคนที่เข้ามายังที่นี่ ไม่มีผู้ใดที่ธรรดาเลยสักคน
โชคดีที่แม้ว่าการโจมตีนี้จะน่าสะพรึงกลัว แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นทำให้บาดเจ็บปางตายได้
พวกเจ้าทุกคนยินดีจะตายอย่างนั้นสินะ? ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็มาลองดูกันว่าวันนี้ใครจะตายก่อน! ดวงตาของเฉินซีลุกโชนไปด้วยแสงเดือดพล่าน ชายหนุ่มในยามนี้ไม่ต่างอะไรกับสัตว์ร้ายติดบ่วง พร้อมสู้ยิบตาด้วยความโกรธเกรี้ยว
เฉินซีเกลียดชังคนเหล่านี้จนถึงกระดูกดำ ไม่เพียงแต่ต้องการปล้นชิง หากตั้งใจจะสังหารตนด้วย ไม่ว่าไอ้คนคนนั้นจะเป็นใคร มันก็บ้าดีเดือดไม่น้อย
“ไม่ตายจริง ๆ ด้วย…” เสวี่ยเหลียนฉยงตกตะลึง นี่เป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาสามารถทำได้ แน่นอน มันเป็นไพ่ตาย เดิมทีเขาคิดว่าถึงจะไม่สามารถฆ่าเฉินซีได้ หากอย่างน้อยก็น่าจะพอทำให้บาดเจ็บปางตาย ไม่คาดคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเพียงกระอักเลือดเท่านั้น
“รีบฉวยโอกาสนี้สังหารเขาเร็ว! เร่งมือเข้า!” ในตอนที่เฉินซีกำลังจมกับอาการบาดเจ็บ คนอื่น ๆ ก็ตะโกนขึ้นพร้อมกับคว้าโอกาสนี้ในการพุ่งเข้าไปหาอีกฝ่าย
ตู้ม!
ทันใดนั้น ความผันผวนที่น่าสะพรึงกลัวก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือแม่น้ำเพลิงขัดเกลา เสียงคำรามคลั่งที่เต็มไปด้วยความโกรธของอ๋าวจ้านเป่ยและคนอื่น ๆ ดังกึกก้อง
“บัดซบเอ้ย! คืนมันมาให้ข้า!”
“มันจะเป็นไปได้อย่างไร! เกิดขึ้นได้อย่างไร? หม้อใบจิ๋วนี่มันคืออะไรกันแน่? เหตุใดจึงได้น่ากลัวเช่นนี้”
นอกจากหม้อใบจิ๋วจะสามารถจับราชาปลาหยินหยางได้แล้ว ยังฉวยเอาแผนภาพหยินหยางโกลาหลไปด้วยเช่นกัน
สิ่งที่คาดไม่ถึงนี้ดึงดูดความสนใจของผู้คน ทำให้การต่อสู้หยุดชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง
ฟิ้ว!
ตอนนี้เอง ร่างของเฉินซีพลันเปล่งประกาย ชายหนุ่มถูกพลังที่ไร้รูปร่างนำพาไปยังอีกด้านของสะพานสู่ห้วงลึกโดยที่แม้แต่ตัวเขาก็ไม่อาจควบคุมได้
ฉับพลันนั้น เสียงห่วงใยของหม้อใบจิ๋วก็กระซิบพร่าที่ข้างหู “ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย ตอนนี้ข้าสามารถปราบราชาปลาหยินหยางได้แล้ว ไม่สายเกินไปที่จะแก้แค้นคนพวกนั้นหลักจากที่ข้าได้กลืนกินสัตว์อสูรตัวนี้!”
เฉินซีชะงัก คำพูดนั้นทำให้เขาหลุดจากภวังค์สังหารอันบ้าคลั่ง เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าหม้อใบจิ๋วได้พาตนออกมาจากสมรภูมิแล้ว มันส่งเสียงผิวปากเบา ๆ จากระยะไกล
“นี่เขา… หนีไปได้อย่างนั้นหรือ?” ศิษย์จากสำนักศึกษาอื่น ๆ ต่างตกตะลึง ไม่คิดว่าในช่วงเวลาวุ่นวายเมื่อครู่นี้ เฉินซีจะหายไปไกลลิบ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเคลื่อนไหวเร็วยิ่งกว่าการเคลื่อนย้ายมิติด้วยซ้ำ!
“ตามมันไป! เราต้องไล่ล่ามันและยึดแผนภาพหยินหยางโกลาหลกลับคืนมา!” อ๋าวจ้านเป่ยเต็มไปด้วยความคั่งแค้นสุมอก เขาแทบจะเป็นบ้าเสียให้ได้ แผนภาพหยินหยางโกลาหลมีความสำคัญในภายภาคหน้าอย่างมาก หากเสียมันไป ต่อให้เข้าไปยังใจกลางสุสานได้ แต่ก็ไม่อาจได้รับสมบัติที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน!
“ไอ้สารเลวนั่นจับราชาปลาหยินหยางไปไม่พอ ยังจะฉวยเอาแผนภาพหยินหยางโกลาหลไปด้วย ข้าจะฆ่ามัน! ข้าจะมันให้ตาย!” จั่วชิวจวินโกรธจนตาแทบถลน เดิมทีพวกเขาทำเพียงเฝ้ามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเฉยเมยเท่านั้น ด้วยคิดว่านี่เป็นโอกาสชั้นยอดในการจับราชาปลาหยินหยาง ไม่คิดเลยว่านอกจากจะขโมยไก่ไม่ได้ ยังเสียข้าวสารอีกกำมือ*[1] สุดท้ายก็เสียฮูหยินเสียซ้ำขุนศึก*[2]!
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ศิษย์อาวุโสของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าเดินทางออกไปอย่างไม่ลังเลพร้อมกับจิตสังหารอันแรงกล้า พวกเขาไล่ตามเฉินซีด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี
เรื่องนี้นับว่าน่าอัปยศอย่างยิ่ง
ก่อนหน้านี้ พวกเขาเฝ้าดูการต่อสู้อย่างเฉยเมยโดยไม่คิดที่จะเข้าช่วยเหลือสหายของตน ทว่าเมื่อสูญเสียของล้ำค่าไป ก็อดไม่ได้ที่จะนึกตำหนิในความเขลาของตัวเอง และไล่ตามสหายเต๋าของตนเพื่อชิงของคืนมา ด้วยหากโจวจื่อหลีและผู้อาวุโสขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นรู้เรื่องนี้ ผลลัพธ์ที่ตามมาคงไม่น่าดูเท่าใดนัก
ศิษย์สำนักศึกษาอื่นเองก็ไม่มีเวลาหัวเราะเยาะคนของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าเช่นกัน สีหน้าของพวกเขาแย่ลงถนัดตาเมื่อเห็นว่าเฉินซีหนีไปได้
ในขณะที่ศิษย์จากสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋ากำลังไล่ล่าเฉินซี คนที่เหลือก็เริ่มออกเดินทางด้วยเหตุผลที่ไม่ได้แตกต่างนัก หากพวกเขาไม่สามารถฆ่าเฉินซีได้ภายในวันนี้ ก็คงไม่อาจข่มตาหลับได้อย่างสงบใจเป็นแน่
อย่างไรเสีย ความแข็งแกร่งในการต่อสู้และพรสวรรค์ที่เฉินซีเปิดเผยก่อนหน้านี้ก็น่าเกรงขามเกินไป มันแทบจะทัดเทียมกับอวิ๋นฝูเซิงด้วยซ้ำ เมื่อเด็กคนนั้นเติบโตขึ้นมากกว่านี้ พวกเขาก็คงจะต้องเผชิญปัญหามากมายไม่เว้นวันอย่างแน่นอน!
[1] ขโมยไก่ไม่ได้ ยังเสียข้าวสารอีกกำมือ 偷雞不成蝕把米 เป็นสำนวน แปลว่านอกจากฉวยโอกาสไม่สำเร็จ ยังขาดทุนอีกด้วย
[2] เสียฮูหยินเสียซ้ำขุนศึก 賠了夫人又折兵 เป็นสำนวน แปลว่าเสียซ้ำเสียซ้อนในคราวเดียว