บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1249 ยางไม้โลหิตศักดิ์สิทธิ์

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1249 ยางไม้โลหิตศักดิ์สิทธิ์

บทที่ 1249 ยางไม้โลหิตศักดิ์สิทธิ์

หม้อใบจิ๋วปฏิเสธคำขอของเฉินซีโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย “เจ้าไม่กังวลว่ากลิ่นอายของมันจะถูกเปิดเผยและดึงดูดความโลภของผู้อื่นหรือ?”

หลังจากนั้น เฉินซีก็หุบปากของเขาทันที

ก่อนหน้านี้ ราชันเซียนสองคนเพิ่งจากไป และเขาไม่อยากให้ผู้เยี่ยมยุทธ์กลุ่มใหญ่สัมผัสกลิ่นอายของมันได้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว หม้อกลั่นเก้าทวีปศักดิ์สิทธิ์เป็นสมบัติที่ล้ำค่า การเผยเศษเสี้ยวกลิ่นอายของมัน ก็อาจก่อให้เกิดหายนะได้

หม้อใบจิ๋วปลอบใจเฉินซีทันที “ข้าอาจสามารถขัดเกลาหม้อกลั่นได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อเราออกจากสมรภูมินี้แล้ว เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าจะดูมันก็ได้”

เฉินซีพยักหน้า

การที่เขาเดินทางไปยังสุสานราชันเซียนในครั้งนี้ ถือได้ว่ามีกำไรมากมายมหาศาล เพราะพวกมันรวมถึงยันต์อักขระ ‘仙’ ที่มีพลังงานแห่งชีวิตและความตาย กระดูกต้นกำเนิดของราชาปลาหยินหยางที่มีกฎของไท่จี๋ หรือหม้อกลั่นเก้าทวีปศักดิ์สิทธิ์… มันสามารถเสริมการบ่มเพาะให้บรรลุขอบเขตอีกครั้งได้โดยบังเอิญ

ยิ่งไปกว่านั้น หากนับรวมน้ำเต้าฟ้าดิน ผนึกเทวศสวรรค์ และตะเกียงวังไหมเขียวแล้ว กำไรเหล่านี้เพียงพอที่จะทำให้ผู้อาวุโสของภพเซียนน้ำลายไหล และแผดเผาด้วยไฟแห่งความโลภ

แน่นอนว่าเฉินซีไม่สามารถแน่ใจได้ว่า เขาจะสามารถรักษาสมบัติอมตะโบราณทั้งสามไว้ได้หรือไม่ เพราะถึงอย่างไร พวกมันก็เป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดของสำนักศึกษาระทมสันต์ สำนักศึกษามหาเดียวดาย และสำนักศึกษานภาไพศาล เมื่อสมบัติเหล่านี้ตกอยู่ในมือของตนแล้ว พวกเขาย่อมไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปอย่างแน่นอน

ทว่าเฉินซีก็ไม่คิดคืนให้โดยง่ายแน่ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาสามารถแสดง ‘ความจริงใจ’ เพียงพอหรือไม่

“นับจากนี้เจ้าต้องระวังตัว ข้าใช้พลังมากเกินไปในการรวบรวมหม้อกลั่นทั้งเก้าใบก่อนหน้านี้ ข้าต้องบำเพ็ญเพียรสักระยะหนึ่ง” หม้อใบจิ๋วกำชับเสียงเข้ม ก่อนจะตกอยู่ในความเงียบ

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เฉินซีสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นจึงละทิ้งความคิดฟุ้งซ่านในใจทั้งหมด ชายหนุ่มกวาดสายตาไปโดยรอบ หลังจากนั้นร่างของเขาก็สว่างวาบและหายไปจากจุดนั้น

ความโกลาหลที่เกิดจากการปรากฏตัวของหม้อกลั่นทั้งเก้าใบและการพังทลายของสุสานนั้นรุนแรงเกินไป มันทำให้เจตจำนงของราชันเซียนทั้งสองปกคลุมดาวอสูรก่อนหน้านี้ ซึ่งอาจใช้เวลาไม่นาน ก่อนที่ผู้เยี่ยมยุทธ์จำนวนมากจะรีบรุดเข้ามา ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ดาวอสูรจึงเป็นสถานที่ที่อันตรายอย่างยิ่ง

ดังนั้นเฉินซีจึงตั้งใจที่จะออกจากสถานที่นี้ทันที

“ก่อนหน้านี้ข้าได้สังหารผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนทองคำจากต่างพิภพไปแล้วเก้าคน ฉกเหยื่ออีกสิบสี่คนจากกลุ่มของจั่วชิวจวิน… หากกล่าวแล้ว ข้ายังคงขาดอีกเจ็ดสิบเจ็ดคน…”

“ไม่ได้การ การฆ่าผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนทองคำจากต่างพิภพหนึ่งร้อยคน เป็นข้อกำหนดพื้นฐานของการสอบครั้งนี้ และหากข้าต้องการเข้าสู่แดนโบราณจักรพรรดิเต๋าของสำนัก ข้าจะต้องเป็นหนึ่งในห้าอันดับแรกของการสอบของสำนักฝ่ายใน…”

“โชคดีที่ยังเหลือเวลาอีกกว่าสองเดือน ก่อนที่การสอบของสำนักฝ่ายในจะสิ้นสุดลง เท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับข้าที่จะตามล่าและสังหารผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพจำนวนมาก…”

เฉินซีครุ่นคิดขณะทะยานอยู่กลางอากาศซ้ำแล้วซ้ำเล่า และพุ่งออกจากดาวอสูรในช่วงเวลาไม่กี่ลมหายใจ

“ตามข้อมูลที่ข้าได้รับจากศิษย์เหล่านั้นของสำนักศึกษาเมฆาหมอก ดูเหมือนว่าจะมีกลุ่มผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนทองคำจากต่างพิภพกว่าสามสิบคนในดาวหมึกโลหิต และตอนนี้ข้าได้บรรลุขอบเขตเซียนทองคำขั้นกลางแล้ว ข้าสามารถไปขัดเกลาตัวเองที่นั่นได้…”

เฉินซีควักแผ่นหยกที่บรรจุแผนที่เอาไว้ และค้นหาตำแหน่งของดาวหมึกโลหิตอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเขาก็ทะยานทันทีและมุ่งหน้าไปอย่างรวดเร็ว

ณ ดาวหมึกโลหิต

ไม่ว่าจะเป็นภูเขา ทะเลสาบ หรือแม้กระทั่งท้องฟ้าและอากาศ ทุกสิ่งบนดาวดวงนี้ล้วนเป็นสีแดงเข้มราวกับเลือด และมันเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันน่าสยดสยองที่ทำให้ผู้คนรู้สึกกดดันอย่างมาก

หากผู้เยี่ยมยุทธ์ธรรมดาทั่วไปมาถึงที่นี่ ดวงจิตแห่งเต๋าของผู้เยี่ยมยุทธ์คนนั้นจะถูกรุกรานจากกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวอย่างง่ายดาย ทำให้ผู้เยี่ยมยุทธ์กลายเป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียว กระหายเลือด และแม้กระทั่งเสี่ยงต่อธาตุไฟเข้าแทรก

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดนี้ ไม่สามารถส่งผลกระทบต่อผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนทองคำได้

โอม~

เกิดระลอกคลื่นขึ้นในอากาศ ก่อนที่ร่างของเฉินซีจะโผล่ออกมาจากอากาศเหนือดินแดนรกร้างสีเลือดที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขต

ในเวลาเดียวกัน ญาณมหาเทวะอมตะที่น่าสะพรึงกลัวและทรงพลังก็กวาดไปรอบ ๆ มันกวาดไปทั่วดาวหมึกโลหิตในช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่กี่ลมหายใจ

บนทะเลทรายสีเลือด มีหินผุพังทุกรูปร่างและขนาดตั้งตระหง่านอยู่บนยอดนั้น ในขณะนี้ มีร่างจำนวนมากกำลังยืนอยู่รอบโขดหินเหล่านี้อย่างน่าประหลาดใจ

บางร่างมีลักษณ์เหมือนต้นไม้ใหญ่ และถูกปกคลุมด้วยแขนที่ดูเหมือนเถาวัลย์

บางตัวปกคลุมไปด้วยเกล็ดหนาทึบ มีดวงตาสีคราม และปีกสีทองคู่หนึ่ง

บางร่างเป็นเหมือนก้อนเนื้อสีเลือดขนาดมหึมาที่มีดวงตาขนาดเท่าระฆัง มันไม่มีแขนขา และกระเด็นกระดอนอยู่บนพื้น ทำให้พวกมันดูน่าขบขันอย่างยิ่ง

พวกมันมีรูปร่างหน้าตาที่แปลกและหลากหลาย แต่กลิ่นอายกลับน่าเกรงขามอย่างยิ่ง เพราะในจังหวะที่ญาณมหาเทวะอมตะของเฉินซีกวาดผ่าน พวกมันก็สังเกตเห็นในบัดดล

“หืม? ผู้ใดกัน?”

“มันจะต้องเป็นชาวพื้นเมืองของภพทั้งสามแน่ ๆ!”

“ฮึ่ม! มาถูกเวลาจริง ๆ นานมากแล้วที่เราไม่ได้เล่นสนุกกับผู้หญิงจากภพทั้งสาม ข้าหวังว่าคราวนี้จะเป็นผู้หญิงที่สูงเพรียวและงดงาม ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”

“หยุดซะ! ภารกิจของเราคือขุดหายางไม้โลหิตศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ที่นี่ ห้ามมิให้ผู้ใดออกไปโดยพลการโดยปราศจากคำสั่งของข้า!”

ผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ด มีผิวสีคราม และปีกสีทองคู่หนึ่ง พลันขมวดคิ้วขณะตะโกนด้วยเสียงอันดุดัน

ความกระสับกระส่ายรอบ ๆ หายไปทันที พวกมันจึงนิ่งเงียบ

นี่คือผู้บัญชาการ มีนามว่าหลันฉี เป็นผู้เยี่ยมยุทธ์จากพิภพคลื่นกล้วยไม้ มีตัวตนเทียบได้กับผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนทองคำขั้นสูง คนผู้นี้ทั้งเลือดเย็น โหดเหี้ยม และไร้ความปรานี

“ผู้บัญชาการหลันฉี ยางไม้โลหิตศักดิ์สิทธิ์เกิดขึ้นจากเลือดศักดิ์สิทธิ์ของเทพบรรพกาลที่ดับสูญอยู่ที่นี่ในระหว่างการต่อสู้ในอดีต ตอนนี้พวกมันต้องประสบกับการกัดกร่อนเป็นเวลาเนิ่นนาน พวกมันจึงกลายเป็นของหายากอย่างยิ่ง ดังนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะค้นพบพวกมัน”

“ไม่เพียงแค่นั้น ยางไม้โลหิตศักดิ์สิทธิ์มีแม้กระทั่งร่องรอยของเจตจำนงของทวยเทพ ราวกับพวกมันมีสติปัญญาเป็นของตัวเอง แม้ว่าเราจะสามารถระบุตำแหน่งของพวกมันได้ แต่ความประมาทเลินเล่อเพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้พวกมันหนีไปได้ จึงรับมือได้ยากนัก”

“ผู้บัญชาการหลันฉี เราเหน็ดเหนื่อยมากว่าครึ่งปี แต่เพิ่งขุดยางไม้โลหิตศักดิ์สิทธิ์ขนาดนิ้วหัวแม่มือได้เพียงสามชิ้น หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เราอาจไม่สามารถปฏิบัติตามคำสั่งของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงได้อย่างสมบูรณ์”

เมื่อกล่าวถึงยางไม้โลหิตศักดิ์สิทธิ์ ผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพทุกคนก็ขมวดคิ้วทันที และแสดงความคับข้องใจ พร้อมพร่ำบ่นอย่างไม่รู้จบ เห็นได้ชัดว่าพวกมันไม่พอใจอย่างมาก เพราะต้องทำภารกิจดังกล่าวให้สำเร็จลุล่วง

“ฮึ่ม! ถ้ายางไม้โลหิตศักดิ์สิทธิ์หาได้ง่าย แล้วพวกเราจะต้องมาขุดหาพวกมันหรือ?” หลันฉีไม่พอใจและตำหนิเสียงดัง

คนอื่น ๆ ขมวดคิ้ว และไม่กล้ากล่าวอะไรอีกในทันที

“ยางไม้โลหิตศักดิ์สิทธิ์?”

เฉินซีได้ซ่อนตัวอยู่ในห้วงมิติที่ห่างไกลได้ยินทุกอย่างที่หลันฉีกับคนอื่น ๆ กล่าวอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเขาพบว่าผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพเหล่านี้กำลังขุดหายางไม้โลหิตศักดิ์สิทธิ์ จึงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเล็กน้อยในใจ

เพราะเมื่อครั้งที่เข้าไปอ่านตำราอยู่ในฝ่ายสงวนคัมภีร์ของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า เขาเคยอ่านบทนำของยางไม้โลหิตศักดิ์สิทธิ์ มันถูกควบแน่นจากเลือดของเทพบรรพกาล และมีร่องรอยของเจตจำนงที่เป็นแก่นแท้ของเทพเหล่านั้น ไม่เพียงแต่สามารถใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับหลอมกลั่นโอสถทิพย์ล้ำค่า แต่ยังเป็นสมบัติล้ำค่าสูงสุดสำหรับผู้บ่มเพาะในเคล็ดขัดเกลากายาเทพอสูร

หากใช้ยางไม้โลหิตศักดิ์สิทธิ์เพื่อชำระล้างร่างกาย จะทำให้ร่างกายได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล ร่างกายจะสามารถกักเก็บกลิ่นอายแห่งความศักดิ์สิทธิ์ได้ มันจึงถูกเรียกว่ากายเทพ เมื่อมันถูกบ่มเพาะจนสำเร็จ ร่างกายก็แทบจะเป็นนิรันดร์ และน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงหนึ่งในสรรพคุณที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของยางไม้โลหิตศักดิ์สิทธิ์

“ถ้าร่างอวตารบ่มเพาะเคล็ดหม้อกลั่นนพเก้าเทพยมโลกด้วยยางไม้โลหิตศักดิ์สิทธิ์ ความเร็วในการก้าวหน้าก็คงจะไม่ยากอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้แน่” เฉินซีคิดถึงร่างอวตารของตน และตกอยู่ในภวังค์

ตอนนี้ร่างอวตารกำลังบ่มเพาะเคล็ดหม้อกลั่นนพเก้าเทพยมโลก มันก้าวหน้าไปอย่างช้า ๆ แม้การขัดเกลากายาจะก้าวไปสู่ขอบเขตเซียนลึกลับขั้นสมบูรณ์ตั้งนานแล้ว แต่เคล็ดหม้อกลั่นนพเก้าเทพยมโลกก็ยังคงอยู่ในระดับหนึ่งจนถึงปัจจุบัน

ก่อนหน้านี้ หม้อใบจิ๋วเคยสัญญาว่า ตราบเท่าที่เขาเต็มใจ หม้อใบจิ๋วจะชี้แนะร่างอวตารในการบ่มเพาะเคล็ดหม้อกลั่นนพเก้าเทพยมโลก ทว่าคำชี้แนะก็เป็นเพียงคำชี้แนะ หากร่างอวตารไม่ได้รับความช่วยเหลือจากสมบัติอื่น ๆ ผลของคำชี้แนะนี้ก็อาจจะลดลงอย่างมาก

“ผู้บัญชาการหลันฉี! เร็วเข้า! ยางไม้โลหิตศักดิ์สิทธิ์อีกชิ้นเพิ่งโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน!” ทันใดนั้น เสียงตะโกนอย่างประหลาดใจก็ดังขึ้น และมันดึงดูดความสนใจของเฉินซีทันที

ผลึกสีแดงเลือดที่ส่องประกายระยิบระยับได้พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าเหนือเมฆสีเลือด และมันได้ปลดปล่อยพลังงานอันน่าสะพรึงกลัวของโลหิตออกมา มันทำให้ท้องฟ้าและผืนดินรอบ ๆ เป็นสีแดงเข้ม

ในขณะนี้ ผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพที่ปกคลุมด้วยแขนที่ดูเหมือนเถาวัลย์ กำลังขยับเถาวัลย์จำนวนมาก ป้องกันไม่ให้ผลึกโลหิตหลบหนี ทว่าพลังของผลึกโลหิตนั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง มันลากผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพไปรอบ ๆ ในอากาศ อีกทั้งยังแสดงสัญญาณของการหลบหนีจากการควบคุมเลือนราง

“เร็วเข้า! รีบจับมัน เราไม่อาจปล่อยให้มันหนีไปได้!” หลันฉีคำรามลั่น และรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ

ก่อนที่จะสิ้นเสียง ผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพคนอื่น ๆ ก็เคลื่อนตัวออกไปพร้อมกัน พวกมันทะยานวูบวาบอยู่กลางอากาศ เข้าปิดกั้นเส้นทางการหลบหนีจากทุกทิศทุกทาง

ตู้ม!

ในช่วงเวลาต่อมา การโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวต่าง ๆ ได้ซัดลงมาที่ผลึกสีแดงเลือดราวกับพายุ จนท่วมท้นไปทั้งฟ้าดิน และเผยให้เห็นพลังที่น่ากลัวอย่างยิ่ง

“จับได้แล้วหรือ”

“ผู้ใดได้ไป?”

“ไอ้สารเลว! ถ้าใครกล้าครอบครองมันเพื่อตัวเอง ถ้าข้าสืบรู้ละก็ ข้าจะฆ่าทั้งเผ่าของเจ้า!”

หลังจากนั้นไม่นาน ฝุ่นและสิ่งสกปรกก็สลายไป ท่าทางตื่นเต้นบนใบหน้าของหลันฉีและคนอื่น ๆ หายไปทีละน้อย จากนั้นก็มองหน้ากันด้วยสีหน้าเศร้าหมองและสับสน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลันฉี แววตาดุร้ายกวาดไปรอบ ๆ ซึ่งดูเหมือนกำลังจะกลืนกินทุกคน

เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะยางไม้โลหิตศักดิ์สิทธิ์หายไปแล้ว!

“ท่านผู้บัญชาการ ดูนั่น!” หนึ่งในนั้นทันเห็นร่างหนึ่งแวบไปชั่วขณะ ก่อนที่จะหายวับไปในอากาศ พื้นที่อันกว้างใหญ่นั้นถูกปกคลุมด้วยแสงสีแดงเข้ม และเป็นเพราะแสงนั้นที่ทำให้ร่องรอยของเขาถูกเปิดเผย

“ไอ้สารเลว! เจ้ากล้าขโมยของของเราหรือ!”

“โอ้! คนผู้นั้นคงไม่ใช่คนของภพทั้งสามที่เราสัมผัสได้ก่อนหน้านี้กระมัง?”

“ฆ่า! ไม่ว่ามันจะเป็นใคร เราจะฆ่ามัน และนำยางไม้โลหิตศักดิ์สิทธิ์กลับคืนมา!”

ผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพทั้งหมดคำรามด้วยรูปลักษณ์ที่ดุร้าย ทำให้พวกมันดูเหี้ยมโหดและกระหายเลือดอย่างยิ่ง ในช่วงเวลาถัดมา พวกมันทั้งสามสิบตนก็เคลื่อนตัวออกไปพร้อมกัน ทะยานไปหาร่างนั้นทันที

สำหรับผู้ที่คว้ายางไม้โลหิตศักดิ์สิทธิ์ไป ย่อมเป็นเฉินซีอย่างไม่ต้องสงสัย

ทว่าชายหนุ่มไม่คิดเลยว่าเศษเสี้ยวเจตจำนงของทวยเทพที่บรรจุอยู่ภายในยางไม้โลหิตศักดิ์สิทธิ์จะหนาแน่นถึงเพียงนี้ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเปิดเผยร่องรอยของตน เพื่อระงับและกำจัดเศษเสี้ยวแห่งเจตจำนงนี้

แน่นอนว่าเฉินซีไม่เคยคิดหนี

“ช้าก่อน!” เมื่อเห็นผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพที่เทียบได้กับผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนทองคำรุมเข้ามา เฉินซีจึงกล่าวทันที “ข้าขอถามพวกเจ้า ก่อนการต่อสู้จะเริ่มขึ้นได้หรือไม่?”

“จงว่ามา! ข้าจะสนองความปรารถนานี้ให้กับเจ้า ก่อนที่เจ้าจะตาย!”

หลันฉีโบกมือ และผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพคนอื่น ๆ ก็หยุดเคลื่อนไหว พวกมันปิดกั้นเส้นทางหลบหนีของอีกฝ่าย แล้วหัวเราะเสียงเย็น ขณะจ้องมาอย่างเหี้ยมโหด

“เป็นใครในหมู่พวกเจ้าที่เก่งที่สุดในการขุดหายางไม้โลหิตศักดิ์สิทธิ์?” เฉินซีถามอย่างตรงไปตรงมา

หลันฉีและคนอื่น ๆ ตกตะลึงทันที “นี่มันคำถามบ้าบออะไรกัน?”

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท