บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1270 ทุกชั่วขณะมีค่า

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1270 ทุกชั่วขณะมีค่า

บทที่ 1270 ทุกชั่วขณะมีค่า

หม้อกลั่นทั้งเก้ารุดขึ้นฟ้า หม้อกลั่นโบราณแต่ละใบมีลวดลายภูเขา ธารน้ำ ดวงจันทร์ และลวดลายอื่น ๆ แตกต่างกันไป ทว่ากลับสอดประสานกันคล้ายกับเป็นหนึ่งเดียว

“นี่คือสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่คอยคุ้มครองใต้หล้า เมื่อครั้งเริ่มต้นก่อนถือกำเนิดสามภพ มีอยู่เพียงโลกเดียวเท่านั้น เก้าหม้อกลั่นโบราณถูกสร้างขึ้นมาเพื่อกุมชะตากรรมใต้หล้า” หม้อใบจิ๋วอธิบาย “น่าเสียดายที่เซียน ปราชญ์ เทพอสูร และสำนักอื่น ๆ ในตอนนั้นต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงความเป็นหนึ่ง ทำให้ทั้งโลกตกอยู่ในความโกลาหล หลังจากนั้นจึงเกิดสามภพขึ้นมา ปิดฉากสงครามอันไม่มีวันจบลง”

เฉินซีฟังความลับเมื่อครั้งบรรพกาลที่หม้อใบจิ๋วเล่าให้ฟังระหว่างประเมินเก้าหม้อกลั่นโบราณที่ลอยอยู่กลางอากาศ จากนั้นก็ถอนหายใจยาว

นับแต่ต้นจนถึงตอนนี้ เขาได้ยินตำนานเล่าขานจากครั้งบรรพกาลมามากมาย แต่ได้ยินทีไรก็ยังให้รู้สึกเลือดลมพลุ่งพล่านทุกครั้ง

ในทั่วทั้งสามภพ มันเป็นยุคที่โบราณและโหดร้ายมากเพราะมีสงครามปะทุขึ้นบ่อยครั้ง ไฟสงครามกระจายไปทั่ว ใต้หล้าตกอยู่ในความโกลาหล สิ่งมีชีวิตมากมายกระเสือกกระสนเอาชีวิตรอด

แต่สำหรับเหล่าผู้บ่มเพาะพลัง มันเป็นยุคที่รุ่งโรจน์ที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์การบ่มเพาะพลังทีเดียว เป็นช่วงที่พวกเขาถวิลหามากที่สุด มีเทพอสูรวิบัติคำรามเสียงสะท้านฟ้าดิน มีเทพโบราณเดินทางท่องไปทั่วหล้า มีมหาปราชญ์ถกเรื่องเต๋า… แล้วก็เป็นในยุคนั้นที่มีผู้โดดเด่นจำนวนมากถือกำเนิดขึ้น

ยกตัวอย่างเช่นต้นไม้เงาทมิฬ จักรพรรดิมด ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์แห่งความโกลาหล ห้าจักรพรรดิบรรพกาลสิบสองบรรพชนจ้าววิญญาณ… ถึงตัวจะจากไป แต่อิทธิพลยังคงอยู่จนถึงตอนนี้

“เจ้ายังจำมรดกของข้าได้หรือไม่?” หม้อใบจิ๋วพลันเอ่ยขัดความคิดเฉินซี

“ได้สิ เคล็ดหม้อกลั่นนพเก้าเทพยมโลก” เมื่อพูดถึงจุดนี้ เฉินซีก็ชะงักไป ก่อนเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจว่า “วิชานี้คงไม่ได้เกี่ยวข้องกับหม้อกลั่นเก้าทวีปศักดิ์สิทธิ์กระมัง?”

หม้อใบจิ๋วไม่ปฏิเสธ พลันเอ่ยเสียงเนิบช้า “เมื่อหลายปีก่อน จักรพรรดิอวี่ไม่ได้สร้างหม้อกลั่นทั้งเก้ามาเพื่อให้อยู่ในทวีปทั้งเก้าหรอก แต่สร้างขึ้นมาเพื่อขัดเกลาเคล็ดหม้อกลั่นนพเก้าเทพยมโลก แต่เมื่อเขาขึ้นสู่จุดสูงสุดของมหาเต๋า ก็ไม่จำเป็นต้องใช้สมบัติวิเศษนี้อีกต่อไป ดังนั้นจึงใช้มันกุมชะตากรรมทวีปทั้งเก้าไว้ เพื่อให้หลากหลายสิ่งมีชีวิตสามารถเลี่ยงภัยธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากความจงใจได้”

“ต่อมาเมื่อสามภพกำเนิดเกิดขึ้น จักรพรรดิอวี่จึงนำหม้อกลั่นทั้งเก้ากลับมาแล้วมุ่งหน้าไปสมรภูมินอกพิภพเพื่อต่อต้านพวกต่างพิภพ สุดท้าย…” พูดถึงตรงนี้ หม้อใบจิ๋วพลันนิ่งไป เหมือนไม่อยากเอ่ยถึงส่วนนี้

แต่เฉินซีรู้ทุกอย่างตั้งแต่ต้น แค่ไม่คิดว่าแท้จริงแล้วหม้อกลั่นเก้าทวีปศักดิ์สิทธิ์จะสร้างขึ้นมาเพื่อใช้บ่มเพาะเคล็ดหม้อกลั่นนพเก้าเทพยมโลกโดยเฉพาะก็เท่านั้น

ไม่แปลกที่ร่างอวตารจะติดอยู่ที่ระดับแรกในการฝึกวิชานี้ ถึงวิธีการจะถูกต้อง แต่ก็ไร้ปัจจัยภายนอกช่วยเสริม ย่อมฝึกฝนได้ลำบาก เฉินซีเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ระหว่างเอ่ยคำในใจก็เต็มไปด้วยความกระหายอยาก “ผู้อาวุโสในเมื่อเป็นเช่นนี้ ร่างอวตารของข้าจะสามารถใช้สมบัตินี้ฝึกวิชาได้หรือไม่?”

“ย่อมได้ จากวันนี้ไปให้ร่างอวตารมาฝึกวิชาข้างกายข้า” หม้อใบจิ๋วเอ่ยด้วยน้ำเสียงแฝงแววติเตียนเล็กน้อย “และหากยังเสียร่างอวตารไปเปล่าประโยชน์เช่นตอนนี้อีก ก็นับว่าของขวัญฟ้าประทานเสียเปล่าแล้ว”

เฉินซีรู้สึกอาย เพราะนับตั้งแต่ที่มีร่างอวตารมา เขาก็ใช้มันปิดด่านบ่มเพาะอยู่ในโลกแห่งดารามาโดยตลอด หรือไม่ก็เอาไปใช้ช่วยงานจิปาถะเช่นชำระล้างวัตถุวิญญาณ รับภารกิจ หรือเรื่องอื่น ๆ

แต่นั่นก็เป็นเพราะเขารู้สึกว่าแค่ร่างหลักก็เพียงพอแล้ว ดังนั้นเก็บร่างอวตารไว้ใช้เป็นไพ่ตายดีกว่า หากต่อไปพบอันตรายถึงชีวิต ถึงร่างหลักถูกทำลาย อย่างน้อยก็ยังมีร่างอวตารเหลือ

“ตั้งใจฝึกฝนไป หม้อกลั่นเก้าทวีปศักดิ์สิทธิ์นั้นเหนือกว่าสมบัติอมตะระดับว่างเปล่าเสียอีก เป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่กระทั่งราชันเซียนยังอยากครอบครอง น่าเสียดายที่พลังบ่มเพาะเจ้ามีไม่มากพอ จึงไม่สามารถใช้มันได้ ส่วนพลังข้าก็ยังไม่กลับมา จึงได้แต่ใช้มันเพื่อช่วยเหลือร่างอวตารของเจ้าในการฝึกเคล็ดหม้อกลั่นนพเก้าเทพยมโลก…” พูดจบ หม้อใบจิ๋วก็ทำท่าเหมือนเสียดายหม้อกลั่นเก้าทวีปศักดิ์สิทธิ์มาก

เฉินซีกลับเป็นฝ่ายที่ตกตะลึง เหนือกว่าสมบัติอมตะระดับว่างเปล่าอีกหรือ? สมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่กระทั่งราชันเซียนยังอยากครอบครอง? หากข้าขึ้นขอบเขตราชันเซียนเมื่อไหร่ ใช้แค่หม้อกลั่นนี้ก็พอจะกวาดล้างคนตระกูลจั่วชิวได้แล้วกระมัง?

“หยุดละเมอได้แล้ว ตอนนี้เจ้าต้องใช้เวลาทุกชั่วขณะให้มีประโยชน์ในการบ่มเพาะพลัง ไม่เช่นนั้นหากคนอื่นรู้ว่าเจ้าถือครองหม้อกลั่นเก้าทวีปศักดิ์สิทธิ์ละก็ หึ! หึ!” หม้อใบจิ๋วเอ่ยแทงใจเฉินซี ให้มองโลกแห่งความเป็นจริงบ้าง

ชายหนุ่มหัวเราะเสียงแห้งก่อนไหวไหล่แล้วถอนใจยาว ไม่เพียงแต่หม้อกลั่นเก้าทวีปศักดิ์สิทธิ์ แต่กระบี่เต๋าวิบัติ กระบี่ต้องห้ามสังหารปราชญ์ ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก และกระทั่งเต๋ารู้แจ้งแห่งปารมิตาและการลืมเลือนในมือข้าจะให้ใครอื่นรู้ไม่ได้!

คิดถึงจุดนี้ เฉินซีก็รู้สึกขมขื่นอยู่เล็กน้อย นึกถึงระเบียนแดนมรณะและพู่กันพิพากษามารที่เก็บไว้ในยมโลกขึ้นมา พวกนั้นก็เป็นของต้องห้ามไม่ควรให้ใครรู้เช่นกัน

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขายังแข็งแกร่งไม่มากพอ!

ไม่นานข้าจะไปถึงจุดนั้น ข้าเพิ่งขึ้นภพเซียนมาได้ไม่กี่ปี แต่ก็ฝึกฝนมาถึงขอบเขตเซียนทองคำแล้ว ข้าเชื่อว่าอีกไม่นานก็คงจะสามารถขึ้นสู่ขอบเขตสูงกว่านี้ได้ มีพละกำลังแข็งแกร่งกว่าเก่าแน่นอน! เฉินซีสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วสงบจิตใจตน หว่างคิ้วเกิดความมั่นคงแน่วแน่

หลายวันต่อมา เฉินซียังคงพักอยู่ในเคหา เขาไม่ได้ตั้งใจฝึกฝนอย่างเดียว แต่วางแผนและฝึกฝนตามลำดับที่วางไว้เพื่ออนาคต เพราะการเตรียมการให้พร้อม ย่อมทำให้ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาน่าพึงพอใจยิ่งกว่า

ส่วนร่างอวตารถูกดึงเข้าหม้อกลั่นเก้าทวีปศักดิ์สิทธิ์โดยหม้อใบจิ๋วไปแล้ว ภายในหม้อกลั่นมีโลกเป็นของตนเอง เป็นเก้าโลกที่เชื่อมต่อกัน แต่ละโลกมีการใช้งานแตกต่างกันไป ใช้ฝึกเคล็ดหม้อกลั่นนพเก้าเทพยมโลกได้ดียิ่ง

หากเวลาไม่ได้มีจำกัด เฉินซีก็อยากเข้าไปดูในหม้อกลั่นเก้าทวีปศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน เขาอยากรู้ว่าด้านในจะมีผลวิเศษอย่างไรบ้าง แต่นั่นก็เป็นเพียงความปรารถนาเท่านั้น

เพราะร่างหลักและร่างอวตารก็เหมือนขวาและซ้าย หากอยากสัมผัสทุกอย่างที่ร่างอวตารพบเจอ แค่คิดก็สามารถทำได้แล้ว

แต่ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์มาให้ความสนใจเรื่องนั้น

ฟึ่บ!

วัตถุดิบเซียนหายากคุณภาพสูงหลายอย่างกระจายออกมา จากนั้นเฉินซีก็เลือกหยิบมันขึ้นมาหนึ่งชิ้น ก่อนจะเก็บมันไว้ในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์อย่างเป็นระเบียบ

เขาได้วัตถุดิบเซียนเหล่านี้มาจากสมรภูมินอกพิภพ นับว่าเป็นวัตถุดิบเซียนที่หายากและล้ำค่ามากเมื่อเทียบกับของที่เฉินซีเอาไปขายในศาลาเซียนคลื่นทองคำ ดังนั้นเขาจึงไม่อยากขายพวกมันออกไปทั้งหมด

ได้ยินว่าสามารถนำของหลายอย่างไปแลกแต้มดาราในโถงแต้มดาราได้ ควรหาเวลาไปสักหน่อย ขายวัตถุดิบเซียนพวกนี้เอาเงินไปก็น่าเสียดาย เอามาแลกแต้มดารายังดีกว่า หากใช้วัตถุดิบเซียนหายากที่นับสาบสูญจากสามภพไปแล้วมาแลกแต้มดารา คงจะได้แต้มดาราเป็นจำนวนมากทีเดียว

ตอนนี้แต้มดาราในตราดาราม่วงมีมากกว่าสิบล้านแต้ม นั่นเป็นเพราะเขาได้แปดล้านแต้มดาราในคราวเดียวมาจากการเป็นอันดับหนึ่งในการสอบฝ่ายในนั่นเอง!

เทียบกับแต้มดาราที่เขาสะสมมาในอดีต เขาได้มาแล้วทั้งหมดสิบล้านสามแสนกว่าแต้ม แต่แน่นอนว่ายังห่างไกลจากจุดมุ่งหมายที่จะใช้หนึ่งร้อยแปดสิบล้านแต้มแลกกับชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากอยู่อีกมาก

แม้จะเป็นการแลกชิ้นส่วนแก่นแท้โกลาหลหนึ่งร้อยหกสิบล้านแต้ม แต่แต้มดาราของเขาก็ยังมีไม่มากพอ

ตอนนี้ร่างอวตารกำลังฝึกเคล็ดหม้อกลั่นนพเก้าเทพยมโลกอยู่ข้างกายหม้อใบจิ๋ว ดังนั้นการรับภารกิจเต๋าแห่งยันต์อักขระหาแต้มดาราจึงหยุดไป ข้าต้องลำบากตรากตรำทำงานเอง…

แต่เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรีบ ข้าเข้าเขตฝ่ายในก่อนแล้วค่อยคิดทีหลัง ถึงตอนนั้นก็คงมีภารกิจมอบแต้มดารามากขึ้นให้รับมาทำกระมัง

เฉินซีหายใจเข้าลึกก่อนปัดเรื่องนั้นทิ้งไป จากนั้นก็เริ่มทำเรื่องอื่น ๆ ไม่ได้หยุดมือเลยสักนิด

เพราะเขามีเวลาไม่มาก แต่เฉินซีก็ชอบความรู้สึกเช่นนี้ เหมือนได้กลับไปเป็นเด็กตอนยังเป็นศิษย์ฝึกสร้างยันต์ แม้ชีวิตจะลำบาก แต่ก็มีเรื่องราวมากมาย

สำหรับเฉินซีแล้ว การบ่มเพาะพลังก็มีเพียงคำประโยคนี้เท่านั้น นั่นคือ… อย่าเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์!

อาจเป็นเพราะการขัดเกลาในช่วงวัยหนุ่มที่ยากลำบากตอนนั้น จึงทำให้เฉินซีไม่เคยเกียจคร้านหรือรู้สึกพึงพอใจกับพลังบ่มเพาะที่มีมาจนถึงวันนี้เลย

ขาดเพียงปีกวิหคอมตะนำมาใช้ทำพัดเทพอัคคีเท่านั้น ต้องหาเวลาไปเยือนจ้าวเมิ่งหลีเพื่อดูว่าต้องใช้อะไรแลกกับสมบัติจากผู้อาวุโสวิหคอมตะในสำนักท่านนั้น

ตอนนี้ข้ามีตำราเมฆาเจ็ดวิถี แต่การกลั่นและซ่อมแซมเจดีย์บำเพ็ญทุกข์กับโคมเขียวปัดเป่าภัยพิบัติก็ไม่ใช่เรื่องรีบร้อนอะไร เพราะข้ายังไม่จำเป็นต้องใช้มันตอนนี้ ว่างเมื่อไหร่ค่อยทำให้เสร็จก็ยังได้

เรื่องสำคัญในตอนนี้คือการทำความเข้าใจกระดูกต้นกำเนิดราชาปลาหยินหยางให้ได้เสียก่อน หากสามารถได้เต๋ารู้แจ้งแห่งแสงสว่างและความมืดจากในนั้นมาครอง ข้าย่อมสามารถกลั่นกฎแห่งไท่จี๋ เป็นตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์อันหายากออกมาได้ ถึงตอนนั้นพลังต่อสู้ย่อมเพิ่มสูงขึ้นมากเป็นแน่…

เพราะเหตุนั้น เขาจึงวางแผนสิ่งที่ต้องทำไปทีละขั้นตอน แค่จัดว่าสิ่งใดต้องทำก่อนหลังก็ใช้เวลาไปเป็นจำนวนมากแล้ว

ส่วนเรื่องเล็กน้อยอีกมากมายนั้นเขายังไม่สนใจ

การบ่มเพาะพลังนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ทำให้พร้อมสมบูรณ์ทุกอย่างไม่ได้ ความผิดพลาดอาจเป็นเจตนาเดิมของเต๋าสวรรค์ก็เป็นได้

ชิ้ง~

ภายในเคหา กระดูกต้นกำเนิดราชาปลาหยินหยางยาวหลายฉื่อที่มีสีดำสนิทเหมือนท้องฟ้ายามราตรีครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งขาวราวหิมะ กำลังลอยอยู่บนอากาศ ล้อมรอบไปด้วยรอยสลักกระดูกส่องแสงเรืองสีทองอันซับซ้อน ผสมผสานเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นรอยสลักกระดูกอันลึกล้ำ เป็นเหมือนลวดลายโบราณนับไม่ถ้วนที่ส่องแสงออกมากลางอากาศ ปล่อยกระแสพลังมหาเต๋าแห่งแสงสว่างและความมืดออกมา

ความมืดเกิดจากหยิน

แสงสว่างเกิดจากหยาง

หยินหยางเสริมสร้างสนับสนุนกันและกัน แสงสว่างและความมืดประสานกันเกิดเป็นไท่จี๋

นี่คือแก่นที่แท้จริงของมหาเต๋าที่มาจากภายในกระดูกต้นกำเนิดของราชาปลาหยินหยาง อสูรร้ายตัวนี้เกิดขึ้นมาภายในมหาเต๋า หากไม่ใช่ว่าเจอในสุสานจักรพรรดิอวี่ ก็คงหาปลาหยินหยางที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว

กระดูกนี้ล้ำค่ามากจนสูงค่ากว่ากระดูกคุนเผิงที่มีเต๋ารู้แจ้งแห่งการกลืนกิน หรือกระดูกวิหคอมตะที่มีเต๋ารู้แจ้งแห่งความเป็นอมตะเสียอีก

สาเหตุเป็นเพราะมหาเต๋าแห่งไท่จี๋นั้นมีความลึกล้ำของมหาเต๋าแห่งหยิน หยาง แสง และความมืด นับเป็นกฎแห่งเซียนทองคำที่หายากและทรงพลังยิ่ง

เฉินซีกลั้นหายใจระหว่างทำสมาธิ จิตใจและจิตวิญญาณผสานรวมเป็นหนึ่งกับมัน ทำความเข้าใจอย่างสงบ สีหน้าเองก็สงบดั่งบ่อน้ำนิ่ง ตกสู่ภวังค์ลึกแห่งการทำความเข้าใจ

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท