บทที่ 1277 ชิงความเป็นหนึ่งในเต๋าแห่งกระบี่
บทที่ 1277 ชิงความเป็นหนึ่งในเต๋าแห่งกระบี่
ชิ้ง!
ปราณกระบี่ที่สว่างไสวเผยประกายอันไร้เทียมทาน มันพุ่งตรงมายังลำคอของเฉินซีแทบจะในทันที คล้ายว่าไม่มีพื้นที่มิติใดจะกั้นขวางมันเอาไว้ได้
พลังของปราณกระบี่นี้ไม่เพียงแต่รวดเร็วจนยากจับตา หากละเอียดบางราวเส้นผม เป็นไปไม่ได้เลยที่จะป้องกันการโจมตีในครั้งนี้ได้!
ทว่าท่าทางของเฉินซีก็ดูคล้ายกับว่าเขาได้เตรียมพร้อมที่จะต้องเผชิญกับสิ่งนี้มาตั้งแต่ต้น ชายหนุ่มจรดนิ้วจากฝ่ามือทั้งสองเข้าด้วยกันขณะที่ปราณกระบี่อันทรงพลังนั้นพุ่งเข้ามา เพียงพริบตา พื้นที่โดยรอบพลันสั่นสะเทือนพร้อมเสียงกัมปนาท แรงสั่นไหวของมันส่งผลให้ปราณกระบี่เคลื่อนที่ช้าลง
ตู้ม!
เฉินซีฉวยจังหวะนี้ยื่นฝ่ามือออกไปคว้าเศษเสี้ยวของปราณกระบี่ที่กลายสภาพเป็นหยาดฝนแห่งแสงซึ่งกระจายไปในทุกทิศทางเอาไว้
สิ่งนี้คือรัศมีของเต๋าแห่งกระบี่ที่ดำรงอยู่ในที่แห่งนี้มาเป็นระยะเวลานาน มันเป็นเจตจำนงกระบี่ที่บริสุทธิ์และปรากฏร่องรอยของรัศมีอันศักดิ์สิทธิ์ที่ยากจะต้านทาน เห็นทีเมื่อหลายปีก่อนอวิ๋นฝูเซิงคงจะบรรลุเหนือกว่าขั้นปรมาจารย์ชั้นยอดแล้ว และคงจะไปถึงขีดจำกัดของขอบเขตเซียนกระบี่ในท้ายที่สุด…
ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดจึงไม่มีศิษย์ฝ่ายในคนใดสามารถอาศัยและบ่มเพาะที่นี่ได้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ลำพังแค่เต๋าแห่งกระบี่อย่างเดียวก็ไม่ใช่สิ่งที่เซียนทองคำธรรมดาจะสามารถรับมือได้โดยง่าย
ทันทีที่เฉินซีสัมผัสได้ถึงรังสีที่แผ่ออกมาจากปราณกระบี่ซึ่งแตกละเอียด ชายหนุ่มวิเคราะห์พลังของมันด้วยความรวดเร็ว ไม่นาน ร่องรอยแห่งความตกใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
โชคดีที่ระดับการบรรลุเต๋าแห่งกระบี่ของเขาสูงเกินกว่าขอบเขตปรมาจารย์ชั้นยอด อีกทั้งยังเข้าใกล้ขอบเขตเซียนกระบี่จนเรียกได้ว่าแทบจะเหยียบธรณีประตูแล้ว
เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว มันคงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะสามารถต้านทานแรงปะทะจากปราณกระบี่เมื่อครู้นี้ได้อย่างง่ายดาย
ชิ้ง! ชิ้ง!
ยังไม่ทันที่เฉินซีจะได้พักหายใจหายคอดี ปราณกระบี่จำนวนมากก็พุ่งตัวออกมาจากกลุ่มก้อนปราณกระบี่ที่หมุนวนราวคลื่นพายุ พวกมันเหมือนกับลมพายุที่โหมกระหน่ำพร้อมกับรัศมีอันทรงพลัง เผยให้เห็นพละกำลังในการทำลายล้างหยินหยางให้ตกอยู่ภายใต้ความโกลาหล และบดขยี้ทุกสรรพสิ่งที่อยู่รอบกาย
ปราณกระบี่นี้น่าเกรงขามยิ่ง แม้ว่ามันจะถูกทิ้งไว้อย่างเงียบเชียบภายในเคหาบ่มเพาะมาเป็นเวลาร่วมหลายปี ทว่าจิตสังหารของมันยังคมกริบและทรงอานุภาพรุนแรงอย่างถึงขีดสุด พลังที่แฝงอยู่ภายในปราณกระบี่เหล่านี้น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าขอบเขตปรมาจารย์ชั้นยอดของเต๋าแห่งกระบี่เสียอีก
หากสถานการณ์นี้เกิดขึ้นกับศิษย์ฝ่ายในคนอื่น ๆ พวกเขาก็คงเลือกที่จะหยิบสมบัติอมตะขึ้นมาป้องกันตัวตามสัญชาตญาณและความตกใจ ไม่ว่าจะด้วยวิถีทางใด พวกเขาก็พร้อมจะเลือกใช้เพื่อหยุดยั้งพลังเหล่านี้
ทว่าเฉินซีต่างออกไป ชายหนุ่มเพียงสูดหายใจเข้าลึก ๆ ปล่อยให้ร่างกายขยับไหวไปมา นิ้วเรียวยาวและงดงามกรีดออกไปด้วยความรวดเร็วราวภาพฝัน มันจัดการกับทุกการโจมตีของปราณกระบี่ด้วยความแม่นยำอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้
โครม! โครม! โครม!
ในช่วงเวลาถัดมา ทั่วทั้งเคหาบ่มเพาะก็กึกก้องไปด้วยแรงระเบิดมหาศาลที่ดังอย่างถี่รัว ทุกครั้งที่การระเบิดเกิดขึ้น เต๋าแห่งกระบี่ที่อวิ๋นฝูเซิงทิ้งไว้เบื้องหลังเมื่อหลายร้อยปีก่อนก็ค่อย ๆ ถูกลบออกไป
นับแต่ที่ข้าเข้ามาในสำนักศึกษา ข้ามักจะถูกเปรียบเทียบกับท่านเสมอ ไม่ว่าข้าจะประสบความสำเร็จประการใดก็ตาม ข้าก็ได้แต่อยู่ในระดับที่ทัดเทียมกับท่านเท่านั้น ไม่มีวันจะก้าวข้ามความสำเร็จที่ท่านได้สร้างไว้เมื่อหลายปีก่อนได้เลย…
ทว่าในครั้งนี้ ข้าจะต้องอยู่เหนือกว่าท่านให้ได้!
เรือนกายของเฉินซีเปล่งประกายในขณะที่เขารับมือกับปราณกระบี่อันน่าสะพรึงกลัวจากทุกทิศทาง ใจคล้ายได้สัมผัสพบพานกับคู่ต่อสู้ที่เหมาะสม เลือดในอกเดือดพล่านไปด้วยความมุ่งมั่นอันยิ่งใหญ่
ชายหนุ่มไม่เคยสนใจเรื่องการจัดอันดับ ทว่าตั้งแต่เข้ามาอยู่ในสำนักศึกษา เขาก็มักจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับอวิ๋นฝูเซิงครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งเวลาผันผ่าน ใจของเฉินซีก็ยิ่งบังเกิดความปรารถนาที่จะล่วงรู้ว่าระหว่างตนกับอวิ๋นฝูเซิงที่ถูกกล่าวขวัญแทบทุกโมงยามนั้น ใครกันแน่ที่น่าเกรงขามกว่ากัน
น่าเสียดายที่อวิ๋นฝูเซิงออกจากสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าไปนานแล้ว คนผู้นั้นหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แม้กระทั่งทุกวันนี้ในภพทั้งสามก็ยังไม่มีข่าวคราวใดเกี่ยวกับเขา
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ตอนนี้จะมีข่าวลือเกี่ยวกับอวิ๋นฝูเซิงแพร่ออกมา แต่วันเวลาก็ผ่านไปนานหลายปี ไม่แน่ว่าชายผู้นั้นคงจะบรรลุถึงจุดสูงสุดที่ไกลเกินคาดฝันไปแล้ว ดังนั้นช่องว่างของระดับการบ่มเพาะระหว่างเฉินซีและอวิ๋นฝูเซิงจึงกว้างเกินหยั่งถึง เรียกได้ว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะสามารถต่อสู้กับได้อย่างยุติธรรม
เต๋าแห่งกระบี่นี้ อวิ๋นฝูเซิงเป็นผู้ทิ้งเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน ในตอนนั้น เขาเป็นเพียงผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนทองคำที่เป็นศิษย์ฝ่ายใน ไม่ว่าจะระดับการบ่มเพาะ ตัวตน หรือสถานะในยามนั้นล้วนคล้ายคลึงกับเฉินซีในยามนี้ไม่มากก็น้อย
แม้แต่พลังของเต๋าแห่งกระบี่ที่ถูกทิ้งไว้ในเคหาบ่มเพาะนี้ก็มีระดับพลังพอ ๆ กันกับเต๋าแห่งกระบี่ของเฉินซี
เรียกได้ว่าในตอนนี้เฉินซีได้พบกับคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขามซึ่งมีพลังทัดเทียมอย่างแท้จริง!
ด้วยเหตุนี้ ชายหนุ่มจึงตั้งใจที่จะคว้าโอกาสอันยอดเยี่ยมนี้เพื่อตัดสินให้รู้ดำรู้แดงกันไป!
…
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ปราณกระบี่แวววาวไปทั้งเคหาบ่มเพาะ พวกมันโอบล้อมไปด้วยแสงเย็นยะเยือกที่กวาดไปทั่วทุกสารทิศ ในอีกด้านหนึ่ง กายของเฉินซีกะพริบพร่า ชายหนุ่มเคลื่อนตัวเข้าไปในกลุ่มของปราณกระบี่ที่รวมตัวกันอย่างหนาแน่น ก่อนจะจัดการกับการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวนั้นอย่างง่ายดาย
การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด โชคดีที่เคหาบ่มเพาะแห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยข้อจำกัดบรรพกาลอย่างหนาแน่น หากสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นยังโลกภายนอก มันคงจะกลายเป็นการปะทะครั้งใหญ่ที่ดึงดูดความสนใจจากผู้คนทั่วทุกสารทิศอย่างแน่นอน
นี่เป็นการแข่งขันเพื่อพิสูจน์ความเป็นที่หนึ่งในเต๋าแห่งกระบี่ระหว่างยอดฝีมือรุ่นเยาว์ และผู้เยี่ยมยุทธ์เลื่องลือนามซึ่งได้ฝากการกระทำอันรุ่งโรจน์นานัปการไว้ในสำนักศึกษา
พวกเขาได้ข้ามขีดจำกัดแห่งห้วงมิติและกาลเวลาเพื่อประลองฝีมือของกันและกัน!
ขวับ!
ทันทีที่เฉินซีเห็นปราณกระบี่จำนวนนับพันเส้นกำลังพุ่งเข้ามารายล้อมตัวเขาเอาไว้ ชายหนุ่มก็พลันหางตากระตุกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ปราณกระบี่เหล่านั้นทิ่มแทงไปที่คอ หน้าอก ศีรษะ ข้อมือ เข่า เอ็นร้อยหวาย… รวมไปถึงจุดสำคัญต่าง ๆ ในร่างกาย
ทว่านั่นหาใช่ประเด็นที่สำคัญที่สุด หากแต่เป็นการที่ปราณกระบี่เหล่านี้ล้วนมีรูปแบบที่แตกต่างกันไปโดยสิ้นเชิง!
ช่างน่ากลัวยิ่งนัก!
คล้ายกับว่าบัดนี้มีอวิ๋นฝูเซิงจำนวนหลายพันคนบุกเข้ามาโจมตีเฉินซีพร้อม ๆ กัน!
กฎแห่งโลกียวิสัย เงาแห่งกาลเวลา!
ทันใดนั้น ชื่อหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในใจของเฉินซี ม่านตาพลันหดตัวลงก่อนจะเผยท่าทางจริงจัง
การโจมตีนี้สามารถควบคุมกาลเวลาและสร้างเงาขึ้นเพื่อผสานกับปราณกระบี่ได้ในเวลาเดียวกัน นับเป็นการเคลื่อนไหวที่น่าประทับใจเกินจินตนาการ
นับตั้งแต่เริ่มบ่มเพาะ นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินซีเผชิญกับการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ ภายในใจบังเกิดความกดดันที่ยากจะอธิบาย
“ฮึ่ม!” ท่ามกลางแรงกดดันที่ก่อตัวขึ้นอย่างมหาศาลนี้ เจตจำนงแห่งการต่อสู้เดือดพล่านวาวโรจน์กระจ่างในดวงตาของเฉินซี มันลุกโชนประหนึ่งเพลิงกาฬแผดเผาท้องฟ้า แม้แต่พื้นที่รอบ ๆ กายก็สั่นสะท้านและส่งเสียงกัมปนาทอันน่าพิศวง
เสียงของมันคล้ายฝูงผึ้งกำลังกระพือปีก ส่งผลให้พื้นที่โดยรอบสั่นสะเทือนเป็นรูปแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ หากสังเกตให้ดีแล้ว ก็จะเห็นได้ด้วยตาเปล่าอย่างชัดเจนว่าสายใยของพลังมิติกำลังสั่นไหวและเชื่อมโยงกันจนเกิดเป็นการสั่นพ้อง!
กฎแห่งมิติ สั่นสะเทือนห้วงมิติ!
นี่เป็นหนึ่งในตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ที่เบื้องบนมอบให้เฉินซีเมื่อครั้งบรรลุสู่ขอบเขตเซียนทองคำ ข้อจำกัดเพียงอย่างเดียวที่มีในตอนนี้ก็คือ ด้วยความสามารถในปัจจุบันของเฉินซี เขาสามารถเข้าใจตราศักดิ์สิทธิ์ห้วงมิติได้เพียงแค่ระดับแรกเท่านั้น และเนื่องด้วยข้อจำกัดในด้านการบ่มเพาะนี้ ส่งผลให้ชายหนุ่มไม่อาจเข้าใจถึงระดับอื่น ๆ อย่างการกระเพื่อมห้วงมิติ การหน่วงห้วงมิติ และการซ้อนทับห้วงมิติได้
ทว่าแค่พลังของการสั่นสะเทือนห้วงมิติเพียงอย่างเดียว มันก็เหนือกว่าพลังของตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ธรรมดาอื่น ๆ มากแล้ว
ดั่งคำกล่าวที่ว่าห้วงเวลานับราชัน ห้วงมิตินับขุนนาง
ไม่ว่าจะเป็นเงาแห่งกาลเวลาหรือสั่นสะเทือนห้วงมิติ ทั้งสองก็ล้วนแต่เป็นเครือสายของมหาเต่าแห่งกาลเวลาและมหาเต๋าแห่งมิติขั้นสูง ไม่มีสิ่งใดที่แตกต่างอย่างเหนือกว่าในหมู่พวกมัน หากเปรียบเทียบในเรื่องของความแข็งแกร่งแล้ว ทุกสิ่งล้วนขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้เพียงประการเดียว
แกร้ง! แกร้ง! แกร้ง! แกร้ง!
ทันทีที่เฉินซีใช้สั่นสะเทือนห้วงมิติ ปราณกระบี่ที่อัดแน่นไปด้วยพลังกาลเวลาก็ดูเหมือนจะมีท่าทีประหวั่น กายของพวกมันเริ่มสั่นเทาในขณะที่เสียงการปะทะค่อย ๆ ดังอื้ออึงยิ่งขึ้น
สำหรับพลังของสั่นสะเทือนห้วงมิตินั้น มันเป็นเหมือนกับหินโม่ที่มีจุดมุ่งหมายเพียงทำลายล้างและบดขยี้ปราณกระบี่ให้สิ้นซากเท่านั้น แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น อย่างไรปราณกระบี่เหล่านี้ก็แฝงซึ่งพลังกาลเวลา พวกมันจึงสามารถหลบเลี่ยง ‘การบดขยี้’ ที่ค่อย ๆ กดทับพวกมันได้
ครั้นกาลเวลาและห้วงมิติปะทะกัน ความรู้สึกประหลาดใจพลันบังเกิดขึ้นในห้วงความคิดของเฉินซี หากพูดกันไปตามความรู้สึก พวกมันทั้งสองเป็นเหมือนเส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบกันได้ ไม่แม้จะมีโอกาสได้ตัดผ่านซึ่งกันและกันแม้เพียงเศษเสี้ยว
สำหรับเฉินซี มันเป็นเรื่องยากที่จะทำความเข้าใจต่อความลึกล้ำที่เกิดขึ้นนี้โดยอาศัยเพียงความรู้ที่มีปัจจุบัน ทว่าชายหนุ่มก็ตระหนักอย่างชัดเจนว่าหากต้องการทำลายซึ่งความสมดุลนี้ กุญแจสำคัญนั้นหาได้อยู่ในการต่อสู้ระหว่างกฎทั้งสองไม่ หากแต่เป็นความเข้าใจในเต๋าแห่งกระบี่ของตนและอวิ๋นฝูเซิง!
เต๋าแห่งกระบี่!
มันเป็นเคล็ดวิชาเต๋ารู้แจ้งที่เกี่ยวพันกับการควบคุมความแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นที่ยอมรับในหมู่ผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งหลายว่ามันเป็นมหาเต๋าขั้นสูงที่มีพลังทำลายล้างยิ่งใหญ่ที่สุด!
บนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะนี้ เฉินซีได้บรรลุมาหลายขั้นจนจวนจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนกระบี่แล้ว
เซียนกระบี่นับเป็นสิ่งที่ไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานได้!
เมื่อกระบี่นั้นฟาดฟันลงไปยังที่ใด เพียงรัศมีพลังอันสง่างามของมันอย่างเดียวก็ยิ่งใหญ่พอที่จะทำให้กระบี่ทั้งหลายต้องยอมจำนน หมดสิ้นซึ่งความคิดต่อต้าน เรียกได้ว่ายากที่จะมีสิ่งใดมาต่อกรหรือรุกรานการโจมตีเช่นนี้ได้
ทันใดนั้น ความเข้าใจทั้งหลายที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาหลายปีของการบ่มเพาะเต๋าแห่งกระบี่ก็พุ่งผ่านเข้ามาในหัวใจอย่างรวดเร็ว
ตอนนั้นเอง เฉินซีมีท่าทีเคร่งขรึมขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งจิตวิญญาณ พลัง และแก่นแท้เดือดพล่านคล้ายลุกโชนด้วยเปลวเพลิง ทั้งร่างทรงพลังอย่างกระบี่อันไร้เทียบทานซึ่งถือกำเนิดขึ้นภายใต้หุบเหวลึก แสงจากกระบี่นั้นลุกโชติช่วงอย่างเป็นอนันต์
ทว่าเพียงแค่ครู่เดียว รัศมีอันสง่างามจากร่างกายของเฉินซีก็ดับมอดลง แม้แต่แสงกระบี่ที่ฉาบทับเรือนร่างพลันเลือนหาย บัดนี้ มีเพียงความสงบอันล้ำลึกเท่านั้นที่กอดกุมห้วงวิญญาณของเฉินซี ยามความร้อนรุ่มถูกชะล้าง จิตใจจึงรู้ตื่นสู่ความนุ่มลึกดั่งเคย
ตอนนั้นเอง เฉินซีจรดนิ้วดุจกระบี่ยื่นมันออกไปเบื้องหน้า
ปราณกระบี่ที่มีรูปลักษณ์ธรรมดาตัดผ่านท้องฟ้าด้วยความรวดเร็ว ทุกที่ที่มันผ่าน ทั้งกระแสลม ปราณเซียน ฝุ่นละออง แสง เสียง หรือสรรพสิ่งใด ๆ ล้วนถูกบดขยี้ท่ามกลางความเงียบสงัด
หึ่ง! หึ่ง! หึ่ง!
ท่ามกลางความเงียบสงบนี้ แม้แต่เสียงสั่นสะเทือนห้วงมิติก็ไม่พ้นถูกกลืนกินสิ้น ทั่วทุกสารทิศตกอยู่ภายใต้ความเงียบงัน สายใยปราณกระบี่เหลือคณานับที่เต็มไปด้วยพลังกาลเวลาบัดนี้ถูกบดขยี้เป็นชิ้น ๆ พวกมันกลายเป็นฝนแสงประกายไปยังพื้นที่โดยรอบก่อนจะสูญสลายไปในความว่างเปล่า
ช่างเป็นการโจมตีอย่างฟ้าคำรามทว่าไร้เสียงกัมปนาท!
ตอนนี้เอง เต๋าแห่งกระบี่ทั้งหลายที่อวิ๋นฝูเซิงทิ้งไว้ในเคหาบ่มเพาะเมื่อหลายปีก่อนพลันถูกลบล้างไปสิ้นด้วยการโจมตีอันเงียบสงบของเฉินซี!
อย่างไรก็ตาม การโจมตีเมื่อครู่นี้ก็สูบกลืนความแข็งแกร่งของเฉินซีไปจนหมดสิ้น ใบหน้าซีดเซียวเด่นชัด ร่างกายชโลมไปด้วยเหงื่อกาฬแตกพลั่ก ร่างสูงสง่านั้นล้มลงไปกองกับพื้นทั้งหน้าอกที่กระเพื่อมด้วยอาการหอบถี่
แม้แต่พลังจากดวงจิตแห่งเต๋าที่บรรลุถึงขอบเขตวิญญาณดวงใจก็ยังถูกใช้ไปจนหมดภายในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ส่งผลให้เหนื่อยล้าไปทั้งสรรพางค์กาย
บัดนี้ มีเพียงดวงตาอันลึกล้ำที่พร่างพราวอย่างผืนฟ้าแห่งหมู่ดาราของเขาเท่านั้นที่ยังคงวาวโรจน์กระจ่างชัด
ในที่สุดเขาก็สัมผัสได้ถึงร่องรอยความลึกล้ำของขอบเขตเซียนกระบี่! แม้ว่ามันจะเป็นเพียงร่องรอยอันเลือนราง แต่ก็มีพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่แฝงเร้นอยู่ภายในนั้น ทำเอาหัวใจของเขาสั่นสะท้านเกินกว่าจะยับยั้งได้