ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนที่เมื่อกี้กำลังซุบซิบนินทาอยู่ที่บริเวรพักผ่อน ต่างก็ปิดปากกันหมด
ตั้งแต่เมื่อสี่ปีก่อนที่ลี่ถิงเซิ่งบอกกับสื่อของหลินชวน ว่าคนที่ช่วยเขาไว้คือสวี่รั่วยี ก็มีข่าวลือออกมาไม่รู้จบว่าทั้งสองคนหมั้นกัน
แม้ว่าจะไม่ได้มีการจัดพิธีหมั้น แต่สื่อหลายแห่งก็ถูกสวี่รั่วยีซื้อไป รายงานว่าทั้งสองหมั้นกันอย่างลับๆมาตั้งนานแล้ว สวี่รั่วยีเองก็ย้ายเข้าไปในคฤหาสน์ของลี่ถิงเซิ่งแล้ว
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นในแวดวงไฮโซของหลินชวน หรือว่าในโลกน้ำหอม ล้วนแต่ยอมรับกันว่าสวี่รั่วยีคือคู่หมั้นของลี่ถิงเซิ่ง
แต่คำพูดของลี่ถิงเซิ่งเมื่อครู่ ได้ทำลายความเข้าใจของทุกคนไปหมดสิ้น
ผู้หญิงที่ถูกสวี่รั่วยีสาดไวน์แดงใส่เมื่อกี้เป็นคนของลี่ถิงเซิ่ง? นั่นแปลว่าสวี่รั่วยีไม่ได้หมั้นกับลี่ถิงเซิ่งหรอ?
กฎเกณฑ์ในโลกของผู้รากมากดีนั้นซับซ้อน ไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คนภายนอกคิด ในบ้านมีผู้หญิงหนึ่งคน ก็ยังสามารถออกไปมั่วซั่วข้างนอกได้
ถ้าหากลี่ถิงเซิ่งหมั้นหมายกับสวี่รั่วยีแล้ว ยังกล้าพาคนรักของเขามาร่วมงานเลี้ยง เกรงว่าหุ้นของลี่ซื่อกรุ๊ปจะร่วงหนักในวันถัดไป
สวี่รั่วยีเงยหน้าขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ มองไปที่ชายหนุ่มตรงหน้า
“ถิงเซิ่ง ทำไมนายถึงพูดแบบนี้!”
ริมฝีปากของสวี่รั่วยีสั่นเทา ไม่รู้ว่าตกใจหรือเกรงกลัว
ใช่ เธอคิดเอาเองว่าอยู่ในฐานะคู่หมั้นของลี่ถิงเซิ่งมาโดยตลอด แต่แล้วยังไงล่ะ?
คุณนายลี่ยอมรับกับปากเอง ว่าจะรับแค่เธอเป็นลูกสะใภ้!
แม้แต่คุณนายใหญ่ตระกูลลี่ที่เริ่มแรกไม่เห็นด้วยจนถึงตอนนี้มากินข้าวกับเธอ ท่าทีเริ่มอ่อนลง
แต่ก่อน ลี่ถิงเซิ่งไม่เคยหักหน้าเธอในที่สาธารณะมาก่อน แต่วันนี้กลับเพราะแอนนา—
เธอรู้แต่แรกแล้วว่าแอนนาไม่ใช่เรื่องเล่นๆ!
ลี่ถิงเซิ่งสีหน้าเย็นชา แม้แต่ความรู้สึกเล็กน้อยก็ขี้เกียจจะมอบให้สวี่รั่วยี
แม้ว่าทั้งสองจะไม่ใช่คู่หมั้นกัน แต่เห็นแก่หน้าคุณนายสวี่ เขาก็จะไว้หน้าสวี่รั่วยีเสียหน่อย
แต่สวี่รั่วยีลืมไป ว่าลี่ถิงเซิ่งถือหางมาโดยตลอด
เมื่อใดที่คนที่อยู่ในการดูแลของเขาถูกทำร้าย ไม่ว่าคนที่ทำร้ายเธอเป็นใคร ท้ายที่สุดก็จะได้รับการปฏิบัติที่โหดร้าย
สวี่รั่วฉิงประหลาดใจเล็กน้อย
เดิมทีเธอนึกว่าลี่ถิงเซิ่งกับสวี่รั่วยีหมั้นหมายกัน แต่ชายหนุ่มไม่มีความรู้สึกใดๆต่อสวี่รั่วยี
ตอนนี้ดูเหมือน เรื่องราวจะต่างไปจากที่เธอจินตนาการไว้
เลขาของสวี่รั่วยีเห็นว่าบรรยากาศไม่ถูกต้อง ก็คิดอยากจะรีบดึงสวี่รั่วยีออกไป
“ประธานลี่ ขอโทษด้วยครับ คุณหนูของบ้านเราดื่มไวน์เยอะเกินไป ทำเรื่องโง่ๆ คุณได้โปรดอย่าเก็บไปใส่ใจ!”
ลี่ถิงเซิ่งเหลือบมองเลขาที่โค้งตัวกล่าวขอโทษ ริมฝีปากกระตุกเบาๆ
“นายขอโทษผิดคนแล้ว”
เลขาชะงักเล็กน้อย
เขามองไปที่สวี่รั่วฉิงที่สวมสูทของชายหนุ่มอยู่
เพียงแวบเดียว เขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมลี่ถิงเซิ่งถึงปกป้องเธอ
แม้ว่าจะโดนไวน์สาด การแสดงออกบนใบหน้าก็ยังคงเย่อหยิ่งเย็นชา ราวกับเพียงแค่ถูกหมากัด
โดนหมากัด จำเป็นต้องกัดตอบไหม?
ไม่จำเป็น
เธอเพียงแค่ต้องให้เจ้าของหมาชดใช้
เลขาของสวี่รั่วยีตัวสั่นเทาโดยไม่รู้ตัว
เขาเพียงแค่รู้สึกว่าผู้หญิงข้างกายลี่ถิงเซิ่ง ซักวันหนึ่งจะคืนความอัปยศที่ได้รับในวันนี้ให้กับสวี่รั่วยีเป็นร้อยเท่า
“คุณแอน” เลขาโค้งตัวลง พูดอย่างจริงใจ “ขอโทษด้วยครับ คุณหนูของเราดื่มไวน์มากไป ทำเรื่องไม่ดีกับคุณไป ได้โปรดอย่าเก็บไปใส่ใจ”
สวี่รั่วฉิงยกดวงตาที่โปร่งแสงเย็นชาขึ้นมา รอยยิ้มตรงมุมปากเงียบมาก
เธอราวกับไม่ได้รับผลกระทบจากลมพายุเมื่อครู่ บนใบหน้าขาวนวลไม่มีอารมณ์ใดๆ
แสงสาดส่องลงบนใบหน้าของเธอ ราวกับสามารถเห็นขนปุยสั้นๆได้อย่างชัดเจน
“ฉันไม่เก็บมาใส่ใจ” ริมฝีปากบางของสวี่รั่วฉิงขยับขึ้นลงเบาๆ น้ำเสียงรื่นหูไหลเข้าไปในหูของทุกคนช้าๆ
เลขาถอนหายใจอย่างโล่งอก
วินาทีต่อมา เสียงของสวี่รั่วฉิงก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง เส้นประสาทของเลขาก็กระตุกขึ้นมาทันที
“หนี้ต้องชำระ เป็นหลักการในการทำเรื่องต่างๆของฉัน”
พูดจบ เธอก็ไม่มองเลขาอีกเลย ไม่กระทั่งชำเลืองมองสวี่รั่วยี
เธอเย่อหยิ่งราวกับดอกไม้ที่เบ่งบานท่ามกลางลมหนาวบนหิมะ
……
สวี่รั่วฉิงกลับมาที่ห้องพักผ่อน ถอดสูทของลี่ถิงเซิ่งออก
เพราะปรุงน้ำหอม ประสาทรับกลิ่นของเธอจึงอ่อนไหวมาก
ไม่รู้ว่าปกติแล้วชายหนุ่มใช้เครื่องหอมอะไร กลิ่นบนสูททำให้คนมึนเมาราวกับไวน์ที่บ่มมานาน
วันนี้ตอนที่จูบก็ใช่ เธอไม่สามารถต้านทานลมหายใจของเขาได้เลย ห่อหุ้มเธอไว้ตรงกลาง บุกรุกเข้าไปยังประสาทของเธอ
ถอดชุดเดรสที่เหนียวเหนอะหนะบนตัว โยนลงไปในตะกร้าไม้ไผ่หน้าประตูห้องน้ำ ผ่านไปสักพัก เสียงน้ำไหลก็ดังมาจากในห้องน้ำ
สวี่รั่วฉิงอาบเสร็จอย่างรวดเร็ว ในตอนที่ออกมา หมอกควันสีขาวก็พุ่งออกมาพร้อมกับเธอ
ผมสีดำยาวเปียกปอน ปล่อยอยู่ด้านหลัง หยดน้ำไหลลง
ไม่นานนัก ก็มีแอ่งน้ำปรากฏอยู่บนพรม
สวี่รั่วฉิงครุ่นคิด รีบใช้ไดร์เป่าผมเป่าให้กึ่งแห้ง แล้วรวบขึ้น จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นชุดสูทที่ใส่มาที่ตึกวันนี้
เธอนั่งลงข้างเตียง ส่งข้อความไปให้ฟ่านเซียวเซียว เธอดื่มไวน์ไป ไม่สามารถขับรถไปส่งหล่อนได้ ช่วยเรียกแท็กซี่ให้หล่อนแล้ว
ในตอนที่เตรียมจัดเก็บข้าวของของตนเอง แล้วเรียกรถอีกคันให้มารับตนกลับ ประตูห้องนอนก็ถูกผลักออก
ลี่ถิงเซิ่งมองไปที่สวี่รั่วฉิงที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย การแสดงออกในแววตาก็ค่อยๆหนาขึ้น
ตอนกลางวันวันนี้เขาได้เห็นหน้าสดของหญิงสาวไปแล้ว
เทียบกับเธอที่เข้างานในทุกวัน ดูสมจริงขึ้นมาเล็กน้อย
แต่นี่เป็นครั้งแรก ที่เห็นท่าทางที่มีหยดน้ำบนเส้นผม และใบหน้าแดงระเรื่อ
นึกถึงคำพูดของผู้ชายเหล่านั้นที่พูดว่า “สาวงามที่เย็นชา” ลี่ถิงเซิ่งก็ยิ้มเยาะ สายตาหันไปที่โทรศัพท์บนมือของสวี่รั่วฉิง
โทรศัพท์ของหญิงสาวสว่างขึ้นเล็กน้อย
เธอก้มหน้าลง เห็นเนื้อหาที่ไม่รู้ว่าใครตอบเธอมา ริมฝีปากสีอ่อนก็เผยรอยยิ้ม
“ยิ้มอะไรอยู่?” ลี่ถิงเซิ่งเอ่ยถามอย่างมีความไม่เหมาะสม
คำพูดที่ผู้ชายเหล่านั้นพูดถึงสวี่รั่วฉิงเมื่อกี้ เขาได้ยินอยู่คำสองคำ
ทำยังไงถึงจะทำให้สาวงามเย็นชายิ้มได้
“ฉันดื่มไวน์ไป ไปส่งฟ่านเซียวเซียวกลับไม่ได้ ก็เลยช่วยเรียกแท็กซี่ให้เธอ ส่งเธอกลับ” หลังจากสวี่รั่วฉิงพูดจบ เก็บกระเป๋าเครื่องสำอางของตน “ประธานลี่ เมื่อกี้ยืมใช้ห้องน้ำในห้องพักผ่อนของคุณไป”
พูดจบ เธอก็เตรียมที่จะลุกจากไป แต่กลับถูกชายหนุ่มดึงไว้กะทันหัน
แสงไฟในห้องสลัว ลมหายใจบนตัวของชายหนุ่มนั้นราวกับดอกป๊อปปี้พัวพันไว้ไม่สามารถหลบหนีได้
“ก็ดูออกอยู่” ลี่ถิงเซิ่งพูดขึ้นนิ่งๆ
เขาจ้องไปที่หญิงสาวอย่างมุทะลุ
ออร่าความก้าวร้าว แผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าของสวี่รั่วฉิงราวกับกำลังบังคับให้เธอมองตรง
เพราะว่าสวมรองเท้าส้นสูงนานจนน่องเกร็ง สวี่รั่วฉิงจึงเปลี่ยนไปสวมรองเท้าที่จะกลับไปทำงาน สัดส่วนจึงเตี้ยกว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย
ท่าทางที่เงยศีรษะทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยมาก
“ประธานลี่ คุณเมาไวน์แล้วหรือเปล่า? ฉันเรียกรถส่งคุณกลับ—“
วินาทีต่อมา ลมหายใจของชายหนุ่ม ก็ได้บุกรุกทุกพื้นที่ทุกตารางนิ้วที่เธอจะสามารถสัมผัสได้
ระหว่างปากและฟันเป็นกลิ่นไวน์ แล้วยังมีลมหายใจเย็นเยือกของชายหนุ่ม ส่งผ่านไปยังเส้นประสาทของเธออย่างไม่สามารถควบคุมได้
กลางดึก มักจะทำให้คนสับสน