บทที่ 589 ครองกระบี่ไท่อี
บทที่ 589 ครองกระบี่ไท่อี
กู้ชิงหรันได้ยินก็ขมวดคิ้วแน่นเช่นกัน เรื่องของตระกูลลู่ นางก็ไม่รู้รายละเอียดเท่าไรนัก ด้วยสถานการณ์ในขณะนี้ นางจึงไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร
“ไม่เป็นไร เรื่องความเปลี่ยนแปลงในตระกูลคงไม่กระทบถึงข้าหรอกกระมัง หากเกิดผลกระทบขึ้นมาจริง ๆ ก็ช่างเถิด โลกทั้งใบจะตกอยู่ในกำมือข้าแล้วตระกูลลู่จะทำอันใดได้”
มุมปากของลู่หยวนปรากฏรอยยิ้มแห่งความมั่นใจ
ตระกูลลู่ถือเป็นกำลังหนุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของลู่หยวนในโลกนี้ ด้วยสถานะบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งตระกูลลู่จึงสะดวกมากในหลาย ๆ เรื่อง
แม้แต่บุคคลที่ลู่หยวนเคยมองว่าเก่งกาจและไม่อาจถูกเขาสังหารด้วยตนเองได้เพียงลำพังอย่างเช่นบรรพชนเสวียนแห่งสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ก็ยังต้องเกรงขามต่อสถานะบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งตระกูลลู่
ลู่หยวนต้องยอมรับว่าตระกูลลู่แห่งนี้เป็นที่กำบังชั้นยอดเลยทีเดียว
ทว่าสถานการณ์ในปัจจุบันต่างออกไปแล้ว ลู่หยวนมิได้เป็นที่เกรงขามของผู้คนเพียงเพราะว่าเป็นคุณชายน้อยแห่งตระกูลลู่ แต่เพราะเขาคือลู่หยวน! ต่างหาก
เขาคือผู้ที่อยู่เหนือบัลลังก์ของแดนมัชฌิม!
ผู้ที่เป็นจ้าวแห่งแดนตะวันออก ผู้ครองเผ่าจิ้งจอกสวรรค์แต่เพียงผู้เดียว!
และยังเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์อู๋ซวงที่ได้ผนวกรวมดินแดนต่าง ๆ เข้าด้วยกันและปรากฏตัวต่อสายตาผู้คนอีกครั้ง!
ตอนนี้มิใช่แดนเหนือแห่งทะเลเวิ้งว้าง มิใช่ตระกูลลู่ มิใช่ลู่หยวน แต่คือจ้าวแห่งแผ่นดินผู้สืบทอดเทพลู่หยวน!
ลู่หยวนได้สร้างรากฐานความมั่นคงของตนเองขึ้นแล้ว ตระกูลลู่ผู้ต่ำต้อยในสายตาของลู่หยวนนั้นแทบไม่มีสิ่งใดเลย!
หากตระกูลลู่เกิดความวุ่นวายขึ้น และคิดจะร่วมมือกันเพื่อทำอะไรกับลู่หยวนเข้าจริง ก็ไม่มีทางเป็นไปได้!
กู้ชิงหรันมิได้เอ่ยอันใดมาก “เมื่อเจ้าเอ่ยเช่นนี้ ข้าย่อมวางใจได้แล้ว”
ลู่หยวนยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ พลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงถามขึ้นว่า “งานแต่งงานของเจ้ากับข้าถูกกำหนดไว้นานแล้วมิใช่หรือ อันที่จริงบรรพชนเป็นผู้ไปตกลงกันใช่หรือไม่”
“เรื่องของตระกูลของเจ้า ข้ามิเคยได้ยินเจ้าเอ่ยถึงมาก่อน”
ลู่หยวนยังไม่เคยซักถามเรื่องราวในตระกูลของกู้ชิงหรันอย่างจริงจัง ตอนนี้เมื่อนึกถึงเรื่องการแต่งงาน จึงเพิ่งรู้สึกตัวว่าตนยังไม่รู้จักตัวตนของกู้ชิงหรันสักเท่าไรนัก
กู้ชิงหรันหลุบสายตาลง “เรื่องในตระกูล จริง ๆ แล้วข้าก็จำได้ไม่ค่อยชัดนัก รู้เพียงคร่าว ๆ เท่านั้น”
“ตั้งแต่ที่ข้าเกิดมา ตระกูลก็พลันเสื่อมโทรมลง เล่ากันว่าต้องเผชิญกับศัตรูบ้าง หรืออาจจะเป็นภัยพิบัติที่ไม่อาจล่วงรู้ก็เป็นได้ เพียงชั่วข้ามคืน สมาชิกหลายพันคนล้วนล้มหายตายสิ้น อมตยุทธ์และบรรพชนของตระกูลก็ถูกฆ่าตายในสนามรบ ในดินแดนอันกว้างใหญ่ของตระกูลก็พลันพังทลายลงไป”
“มีคนในตระกูลเพียงไม่กี่คนที่หนีออกมาได้ หนึ่งในนั้นก็คือสายตระกูลของข้า บิดามารดาของข้าพาข้าหนีออกมาโดยไม่หยุดพัก แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ทั้งที่ท่านทั้งสองก็เป็นนักพรตอยู่เช่นกัน แต่กลับล้มป่วยและเสียชีวิตลงด้วยความเจ็บปวด”
“ในตอนนั้นข้าอายุประมาณสิบขวบ เมื่อยามบิดามารดาสิ้นชีวิต ก็ได้บอกเล่าเรื่องงานแต่งงานระหว่างเจ้ากับข้าให้ฟัง ข้าจึงพเนจรไปในโลกเพียงลำพัง จนกระทั่งถึงวัยที่กำหนด จึงคิดว่าเมื่อครั้งนั้นเป็นคำสัญญาของสองตระกูล หากไม่ทำตามก็ถือเป็นการผิดสัญญา จึงได้มาหาเจ้า”
ลู่หยวนได้ยินเช่นนี้จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วก็ครุ่นคิดในใจ
“วันเกิด… แผ่นดินถล่ม… อมตยุทธ์ตาย… สมาชิกในครอบครัวก็ตายเกือบหมด ซ้ำพ่อแม่ยังเป็นนักพรตกลับล้มป่วยตาย…”
ลู่หยวนเงยหน้าขึ้นมองค่าโชคชะตาที่ระบบแสดงเหนือศีรษะของกู้ชิงหรัน เขาจึงเริ่มมีความคิดบางอย่างขึ้นมา
กู้ชิงหรันมิได้สังเกตเห็นว่ามีสิ่งใดผิดปกติในสายตาของลู่หยวน จึงยังคงเล่าต่อไป “ชะตาชีวิตของข้าเรียบง่ายมาตั้งแต่กำเนิด พเนจรไปทั่วมิเคยมีเพื่อนสักคน เคยมีเพียงหญิงสาวคนหนึ่งที่นิสัยใจคอดี อยากจะร่วมเดินทางไปด้วย แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหลังจากที่เพิ่งนัดหมายกันเสร็จสิ้น ก็เกิดฟ้าผ่าลงมาจากฟ้าจนหญิงสาวผู้นั้นตายไป”
“ตอนนั้นข้ายังฝึกฝนไม่มากพอ จึงไม่สามารถช่วยเหลือนางได้ ทว่าสายฟ้านั้นแปลกประหลาดมาก…”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ ดวงตาของกู้ชิงหรันก็หม่นลง ดูคล้ายจะยังทำใจไม่ได้
มุมปากของลู่หยวนปรากฏรอยยิ้มบาง ๆ ขึ้น เขาจำได้ถึงสิ่งที่ระบบบอกไว้ก่อนหน้านี้ ว่ากู้ชิงหรันมีโชคชะตาที่ใหญ่หลวงเกินกว่าผู้ใดจะแบกรับได้
แม้แต่เฝยเฝยก็แทบจะสิ้นใจเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของกู้ชิงหรัน ช่างสุดแสนจะยากเย็นจริง ๆ!
คนที่มีความคิดเช่นเดียวกับกู้ชิงหรัน อาจจะถูกพลังแห่งโชคชะตานี้กดขยี้จนตาย!
ยิ่งบิดามารดาของนาง ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเลย!
“เรื่องในอดีตได้ผ่านพ้นไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องหวนคิดถึงมันอีก”
ลู่หยวนโอบกู้ชิงหรันเข้ามาในอ้อมกอด
กู้ชิงหรันยังคงหลุบตาลงเล็กน้อย “แต่ก่อนนั้นข้าก็ไม่เข้าใจเหตุผล แต่เดี๋ยวนี้ข้าได้รู้แล้ว”
“เรื่องเมื่อสามแสนปีก่อน ไม่มีผู้ใดตัดสินได้ ถึงแม้ความทรงจำบางส่วนของข้ายังไม่กลับคืนมา แต่ข้าก็รู้ว่าภาระแห่งโชคชะตานี้ เป็นสิ่งที่ข้าเลือกเอง”
เมื่อเอ่ยจบกู้ชิงหรันก็ขัดขืนออกเล็กน้อย จากนั้นก็ได้หยิบกล่องกระบี่ไท่อีที่ลู่หยวนชิงมาได้เพื่อคืนให้กับลู่หยวนอีกครั้ง “สิ่งลี้ลับที่อยู่ในนี้ ข้าได้เรียนรู้ไปมากแล้ว ส่วนที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของเจ้าแล้ว”
ลู่หยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย “จะมอบมันให้แก่บุตรศักดิ์สิทธิ์เช่นข้าหรือ?”
ประวัติความเป็นมาของกู้ชิงหรันในแผ่นดินหยวนหงก็เป็นเพียงแค่เรื่องราวทางโลก เช่นเดียวกับลู่หยวนที่จิตวิญญาณของเขาก็มิใช่ของโลกนี้เลย
จากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ กู้ชิงหรันควรจะเป็นจิตวิญญาณแห่งกระบี่ของกระบี่ไท่อี!
กระบี่เล่มนี้คือกระบี่ไท่อี เป็นกระบี่ประจำกายของ ‘เทพสงคราม’ ซึ่งสองนักบวชหญิงที่ต่อสู้กันก่อนหน้านี้เคยเอ่ยถึง!
กระบี่เล่มนี้ทรงพลังเพียงใดลู่หยวนก็ไม่อาจหยั่งรู้ แต่หากเป็นจิตวิญญาณแห่งกระบี่แล้ว ก็จะสามารถแบกรับโชคชะตาทั้งหมดเมื่อสามแสนปีก่อนได้อย่างสบาย!
ขณะนี้ ลู่หยวนยังไม่กล้าที่จะเอ่ยเลยว่ากระบี่เทวผนึกสวรรค์ที่ตนมีอยู่จะสามารถรองรับโชคชะตาอันยิ่งใหญ่นี้ได้!
แม้แต่เยวี่ยอู๋ฉือที่ถูกกักขังอยู่ในกระบี่เทวะผนึกสวรรค์ในขณะนี้ก็ยังมิอาจทำได้
จะเห็นได้ว่ากระบี่ไท่อีนั้นอยู่เหนือกว่ากระบี่เทวะผนึกสวรรค์!
ขณะนี้ ลู่หยวนถือกระบี่เทวะผนึกสวรรค์อยู่ ก็สามารถใช้เพียงกระบี่เดียวกระทำลายสวรรค์ได้แล้ว ในโลกนี้มิมีผู้ใดเทียบเท่าเขาได้ แม้กระทั่งเงาของจักรพรรดิเซียนที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ ก็ยังไม่เท่ากับกระบี่เดียวของลู่หยวน!
แต่ถ้าหากเปลี่ยนเป็นกระบี่ไท่อีเล่า?
ลู่หยวนหรี่ตาลง มองดูนักบวชหญิงคนก่อนหน้าที่แสดงความเคารพอย่างนอบน้อม เพียงจะต้านทานลมปราณของ “ดาบไท่อี” ที่ถูกหยิบกล่องขึ้นมาก็ยังทำไม่ได้ กระบี่เล่มนี้จึงน่าจะเป็นกระบี่ที่ไร้เทียมทานในดินแดนเซียน!
ลู่หยวนมองกล่องกระบี่ที่อยู่ต่ำลงเล็กน้อย จากนั้นก็ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง “กระบี่ไท่อีเล่มนี้บรรจุอยู่ในกล่องเก็บกระบี่มาโดยตลอดเลยหรือ?”
กู้ชิงหรันขมวดคิ้ว ราวกับจะนึกย้อนไปถึงเรื่องราวต่าง ๆ ก่อนจะกล่าวออกมา “ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ กล่องกระบี่กล่องนี้เองก็ดูเหมือนจะมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา โอกาสที่ซ่อนอยู่ภายในนั้นคงมีมากมาย”
“เจ้ามอบกล่องกระบี่นี้ให้แก่ข้า หากข้ารับรู้สิ่งที่แฝงอยู่ภายใน แล้วกระบี่ไท่อีเล่มนี้จะไม่ตกอยู่ใต้การควบคุมของบุตรศักดิ์สิทธิ์เช่นข้าหรือ?”
กู้ชิงหรันเงยหน้าขึ้นมองเข้าไปในดวงตาของลู่หยวน ดวงตาของทั้งคู่ต่างก็เริ่มปรากฏจำนงต่อสู้ขึ้น
กู้ชิงหรันค่อย ๆ ยื่นมือขวาออกไปกำกระบี่ไท่อีไว้แน่น กระบี่เล่มนั้นถูกกู้ชิงหรันจับไว้ครึ่งหนึ่ง ยังคงเหลือพื้นที่ว่างอีกครึ่งหนึ่ง
“กระบี่ไท่อีเล่มนี้สั่นสะเทือนแผ่นดินได้ แม้ว่าจะเป็นปราณของเจ้าในตอนนี้ แต่หากฟาดมันลงไป ใต้บัญชาของจักรพรรดิแห่งดินแดนเซียน เจ้าก็สามารถสังหารได้ทั้งหมด!”