บทที่ 606 ซ่งชิงอยู่ที่ใด?
บทที่ 606 ซ่งชิงอยู่ที่ใด?
วันต่อมาลู่หยวน กู้ชิงหรัน ฮ่วนซิงไป๋และเซียวเทียนก็ออกมาจากกระโจมแต่เช้าและรออยู่ด้านนอก
ทั้งสี่ไม่อยู่ในอาการรีบร้อนนัก จากนั้นไม่นานเฟยซิงผู้มาจากที่อื่นก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าคนทั้งสี่ เขายกมือขึ้นคำนับ “ข้าเตรียมพร้อมแล้ว ออกเดินทางได้ทุกเมื่อ!”
สิ่งที่เฟยซิงเอ่ยถึงก็คือ การจัดแจงพวกที่เป็นภาระทั้งหมดไว้ที่ฐานแห่งนี้ รวมถึงเสบียงในบริเวณใกล้เคียงด้วย
การเดินทางร่วมกับลู่หยวนในครั้งนี้ มุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของเกาะสังหารเซียน ซึ่งเฟยซิงก็เคยสำรวจมาแล้วหนึ่งหรือสองครั้งจึงรู้ดีถึงอันตรายที่ซ่อนอยู่และความเป็นไปได้ในการเอาชีวิตรอดนั้นก็ไม่แน่ชัด
ลู่หยวนพยักหน้ารับคำแล้วก็ไม่เอ่ยอันใดอีก
เฟยซิงขยับกายไปด้านข้างเล็กน้อยแล้วก็มายืนอยู่ด้านหลังลู่หยวน
ฮ่วนซิงไป๋มองไปยังลู่หยวนแล้วเอ่ยว่า “ท่านคงไม่ได้รอท่านลุงใช่หรือไม่?”
ลู่หยวนพยักหน้า “ข้ารอท่านลุงอยู่”
สีหน้าฮ่วนซิงไป๋เปลี่ยนไปเล็กน้อย “เอ่อ…ท่านลุงเฟิ่ง เมื่อคืนคงเหนื่อยไม่น้อย วันนี้ยังต้องเข้าไปในส่วนลึกอีก ทข้าว่า… ท่านว่าอย่ารอเลยดีกว่า”
เมื่อฮ่วนซิงไป๋เอ่ยจบก็ได้ยินเสียงของลู่เทียนเฟิ่งดังมา
“มานั่นแล้ว!”
ทุกคนต่างหันไปมอง ก็เห็นลู่เทียนเฟิ่งกำลังรีบรุดมา พบความอิดโรยปรากฏอยู่บนใบหน้าของชายชรา
เซียวเทียนสะพายกระบี่ขนาดใหญ่ไว้บนหลัง ไขว้แขนทั้งสองเข้าด้วยกันแล้วก็เอ่ยประโยคหนึ่งออกมาทันที “หึ มันสายเกินไปสำหรับวีรบุรุษ”
รอยยิ้มที่ฮ่วนซิงไป๋พยายามกลั้นไว้เมื่อครู่นี้ก็กลั้นไม่อยู่อีกต่อไป
ลู่เทียนเฟิ่งมาถึงตรงหน้าทุกคน ถึงจะไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาเอ่ยกันเมื่อครู่นี้ แต่ก็รู้ดีว่าฮ่วนซิงไป๋กำลังเยาะเย้ยอะไร
เขาถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “ข้ามาแล้ว เตรียมตัวกันได้”
ลู่หยวนกระแอมเบา ๆ เพื่อให้ฮ่วนซิงไป๋หยุดหัวเราะแล้วเอ่ยว่า “ไปกัน”
ทุกคนเดินตามเฟยซิงมุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของเกาะสังหารเซียน
เฟยซิงอยู่ที่นี่มานานและยังเป็นระดับสูงในฐานทัพของฟางฉง เขามักจะเดินทางระหว่างพื้นที่รอบนอกและส่วนลึกของเกาะพร้อมกับคนของเขาสองสามคน
เวลานี้เฟยซิงกล้าเอ่ยได้เต็มปากว่าเขารู้จักเส้นทางลัดเข้าสู่ส่วนลึกภายในเกาะดีที่สุด!
เฟยซิงไม่กล้าคิดคดทรยศต่อลู่หยวน จึงพาลู่หยวนและคณะเดินตามความทรงจำของตนเองมุ่งหน้าไปยังส่วนลึกบนเส้นทางที่สั้นที่สุด!
ทุกคนรวมกันเป็นกลุ่มเดินทางต่อไปข้างหน้า
ทันใดนั้น ลมปราณของลู่หยวนก็โอบล้อมทุกคนอย่างรวดเร็วแล้วก็พัดพานำทุกคนออกจากจุดเดิม ม้วนตัวเข้าไปยังที่ซ่อน
ทุกคนต่างพากันสับสนแต่ก็ถูกลมปราณของลู่หยวนกดไว้จนกล่าวอะไรไม่ได้
ขณะนี้ได้ยินเสียงดังมาจากข้างหน้ามีคนกลุ่มหนึ่งเดินผ่านป่าไม้และตรงมาทางนี้
ฟังจากเสียงแล้วคนที่มาไม่ได้มีคนเดียว
ลู่หยวนซ่อนตัวอยู่ในความว่างเปล่ามองดูคนกลุ่มนั้น
พบว่าผู้ผ่านมานั้นสวมใส่อาภรณ์สะอาดสะอ้านถืออาวุธอยู่ในมือและพูดคุยกันไม่หยุด
ถึงกระนั้น คนกลุ่มนี้ก็ไม่คู่ควรให้ลู่หยวนลงมือเพียงเพราะลู่หยวนได้ยินวาจาของพวกเขาก่อนหน้านี้ว่า ‘ซ่งชิง’
“พวกที่มาในครั้งนี้คือคุณชายแห่งตำหนักประตูสวรรค์!”
หนึ่งในกลุ่มคนที่เดินมานั้นเอ่ยขึ้นอย่างภาคภูมิใจว่า “พวกเจ้ารู้ความหมายของเรื่องนี้หรือไม่?”
คนอื่น ๆ เอียงหูเข้ามาพร้อมรอยยิ้มประจบ “พี่ใหญ่บอกพวกเราหน่อยเถิดว่าหมายความว่าอย่างไร?”
ชายผู้นำกลุ่มเริ่มทำสีหน้าจริงจัง “มันหมายความว่า พวกเราจะสามารถออกจากหลุมผีแห่งนี้ได้แล้ว!”
“จริงรึ?!”
ชายคนหนึ่งกระโดดออกมาใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจที่ไม่อาจซุกซ่อนเอาไว้ได้
เมื่อครั้งที่พวกเขามาถึงที่นี่ คืนวันพ้นผ่านไปจนไม่รู้ว่าผ่านมากี่ปีแล้ว ครั้งแรกที่พวกเขามาถึงยังเป็นหนุ่มน้อยแต่ปัจจุบันเส้นผมสีขาวก็เริ่มปรากฏขึ้น…บ่งบอกถึงวัยที่ร่วงโรยลงไปแล้ว
การออกจากที่แห่งนี้คือสิ่งที่พวกเขาคิดถึงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ตอนนี้พวกเขาไม่กล้าคิดถึงมันอีกแล้ว
“แน่นอนอยู่แล้ว!”
ชายผู้นำกลุ่มยืนยัน “คนที่มานั้นคือ คุณชายแห่งตำหนักประตูสวรรค์ของเรา! อนาคตของตำหนักประตูสวรรค์จะอยู่ในมือของเขา เขากลับไปได้ไม่ใช่รึ?! หากเขามีหนทางกลับไป พวกเราก็จะกลับไปได้ใช่หรือไม่?”
ทุกคนคิดกันในใจว่า ใช่แล้ว ถ้าหากมีหนทางกลับพวกเขาก็ต้องกลับไปได้อยู่แล้ว
ชายผู้นำกลุ่มเอ่ยต่อ “พวกเจ้าจงทำตัวฉลาดเฉลียวเอาไว้ ในอีกไม่กี่วันนี้ให้แสดงความสามารถต่อหน้าคุณชายให้มากที่สุดเพื่อที่คุณชายจะได้จำพวกเจ้าได้ เมื่อถึงเวลาที่คุณชายจะนำผู้คนกลับไปคุณชายจะได้ระลึกถึงพวกเจ้า!”
“พี่ใหญ่พูดถูกแล้ว! ขอบคุณที่ชี้แนะ!”
คนทุกคนยิ้มแย้ม “ถ้าหากว่าพวกเราออกไปได้ ในภายภาคหน้าพี่ใหญ่ต้องการอะไรพวกเราจะจัดหาให้!”
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องการออกไปใบหน้าของทุกคนก็เต็มไปด้วยความหวัง
ชายผู้นำกลุ่มยืนเท้าสะเอวใบหน้าเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “แผ่นดินหยวนหงในเวลานี้ตกต่ำลงมาก ปรมาจารย์ยุทธ์และจ้าวยุทธ์ล้วนแล้วแต่เป็นเจ้าเหนือหัวในแต่ละดินแดน พวกเราได้รับการฝึกฝนมาเป็นเวลานาน จ้าวยุทธ์ทั้งหลายในแผ่นดินหยวนหงคงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเรา พวกเขาจะต้องตั้งใจฟังคำสั่งของเราเป็นอย่างดี!”
“ใช่แล้ว! ข้าได้ยินคนสนิทของคุณชายคุยกัน เขาบอกว่าที่หุบเขาบูรพาเผ่าสัตว์ร้ายและเผ่าจิ้งจอกสวรรค์กำลังแย่งชิงความเป็นใหญ่กัน หึ…ถ้าข้ากลับไป ข้าจะไปจัดการที่นั่นก่อนแล้วตั้งธงของตนเองเป็นจ้าวแคว้น!”
“เจ้าจะไปเป็นจ้าวแคว้นที่เขาบูรพา เช่นนั้นข้าก็จะไปเป็นจ้าวแคว้นที่แดนมัชฌิม ฮ่า ๆ…”
ทุกคนต่างก็หัวเราะอย่างมีความสุข
ชายผู้นำกลุ่มกำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่างแต่เขาก็รู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกจากด้านหลัง ทันใดนั้นคนที่อยู่รอบ ๆ ตัวก็มีสีหน้าแข็งค้างหยุดนิ่งไปชั่วขณะ
ชายผู้นั้นตกใจรีบหุบยิ้มทันที “พวกเจ้าเป็นอะไรอย่างนั้นรึ?”
แต่ก็ไม่มีผู้ใดตอบเขา
เขาเอื้อมมือไปแตะคนที่อยู่รอบข้างแล้วก็เห็นเปลวไฟสีม่วงแดงพุ่งออกมาจากร่างของพวกเขาอย่างกะทันหัน ไฟนั้นฉีกร่างออกเป็นชิ้น ๆ ทันที!
ชายผู้นั้นตกใจกลัวรีบกลิ้งลงกับพื้นและพยายามหลบหนี แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงลมปราณที่มองไม่เห็นคอยขังเขาไว้ ปราณวิญญาณทั้งหมดในร่างกายของเขากระจัดกระจายหายไปในพริบตา!
“ซ่งชิงอยู่ที่ใด?”
เสียงแผ่วเบาดังมาจากด้านหลังของชายผู้นั้น
ชายผู้นั้นตัวสั่นเทาด้วยความกลัว เขาเข้าใจดีว่าบุคคลที่ขังเขาในเวลานี้เหนือกว่าทั้งในด้านการฝึกฝนและพลังปราณ เมื่ออยู่ต่อหน้าบุคคลผู้นี้ เขาก็ไม่ต่างอะไรกับเศษขยะ!
“ท่าน… ท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์ ข้าไม่เข้าใจที่ท่านเอ่ย ท่านหมายถึงซ่งชิงใด?”
ชายผู้นั้นก็ฉลาด เขาเข้าใจดีว่าเจ้าของเสียงนี้คงจะมีความแค้นกับคุณชายของเขา ถ้าหากเขาบอกทางไปจริง ๆ คุณชายของเขาต้องแย่แน่ ๆ!
เขาคือ ตู้หวงผู้ไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากความจงรักภักดี!
คนผู้นี้อย่าได้หวังจะล้วงความลับจากปากตู้หวงเลย!
ร่างของลู่หยวนปรากฏกายอยู่ตรงหน้าของตู้หวง ทันใดนั้นดวงตาก็แฝงไปด้วยความดูถูก “โอ้…นี่มันสุนัขผู้จงรักภักดี”
ตู้หวงกลืนน้ำลายตัวเอง เขาก็รู้ตัวดีว่าวันนี้คงจะหนีไม่พ้นความตาย แต่ก็ยังคงรวบรวมพลังใจอดทนไม่ให้ตัวสั่น
ตัวข้า ‘ตู้หวง’ จะไม่มีวันทรยศคุณชาย!
ลู่หยวนหัวเราะในลำคอ มือขวาเลื่อนไปที่ด้านข้างลำตัวของตู้หวงปล้วชักกระบี่ของตู้หวงออกมา จากนั้นก็เอาปลายกระบี่จ่อไปที่ระหว่างขาของอีกฝ่าย
“ข้าชอบคนที่จงรักภักดีเช่นเจ้าที่สุด เอาละลองทำให้ข้าดูหน่อยปะไรว่าเจ้าจงรักภักดีขนาดไหน!”
สีหน้าของตู้หวงซีดลง ขาทั้งสองข้างของเขาก็เริ่มสั่นเทา
ความเย็นเยียบนี้บอกให้ตู้หวงรู้ได้อย่างชัดเจนว่าถ้าเขายังตัวสั่นต่อไป เขาคงต้องจากลูกหลานไปแน่
ตู้หวงกัดฟัน เขาเป็นคนของตำหนักประตูสวรรค์จะไม่มีทางคิดคดทรยศอย่างเด็ดขาด!
ทันใดนั้น ตู้หวงก็เงยหน้าขึ้นมองลู่หยวนอย่างซึ่งหน้า “เจ้าคิดว่าข้าจะบอกที่อยู่ของคุณชายออกมาเพียงเพราะการข่มขู่ของเจ้าอย่างนั้นรึ ฝันไปเถิด!”
“จริงรึ?”
ลู่หยวนหัวเราะในลำคอ มือขวาของเขายกกระบี่ขึ้นอีกระดับ
“ท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์!”
เสียงของตู้หวงดังขึ้น แล้วเขาก็กัดฟันเอ่ย “ไป ข้าจะพาท่านไป!”