ซูจิ่วเอ๋อร์รู้สึกเย็นสันหลังว๊าบ“ว่ามาเถอะ ตกลงยังไง”
เธอช่างคุ้นเคยกับท่าทีสวี่รั่วฉิงยิ่งนัก เมื่อก่อนขอเพียงสวี่รั่วฉิงทำหน้าแบบนี้ ประเดี๋ยวต้องมีเรื่องคิดบัญชีกับหล่อนแน่!
สวี่รั่วฉิงนั่งอยู่ที่คนขับ มองทัศนียภาพบนท้องถนนที่แล่นฉิว พูดพึมพ“ครั้งนี้ที่พาอี้หานกับอี้ฝานออกมา เพราะทิ้งเขาสองคนให้อยู่เมืองหลินชวนฉันไม่ไว้ใจ แต่ลี่ถิงเซิ่งก็มีถามถึงวันที่ฉันจะกลับไป และยังบอกจะไปรับที่สนามบินอีกด้วย……”
สวี่รั่วฉิงพูดยังไม่ทันจบ ซูจิ่วเอ๋อร์ก็เข้าใจความหมายของเธออย่างชาญฉลาด
ซูจิ่วเอ๋อร์แอบกลอกตาขาว“ฉันเข้าใจ เธออยากจะให้ฉันไปเมืองหลินชวนเป็นเพื่อนใช่ไหม เธอกลัวว่าลี่ถิงเซิงจะรู้เรื่องอี้ฝานกับอี้หานมากหรือไง ถ้าไม่ไหวจริงๆบอกว่าเป็นน้องสาวน้องชายก็ได้นี่”
“จะไปมีน้องชายกับน้องสาวที่หน้าเหมือนลี่ถิงเซิ่งอย่างกับแกะได้ไง!”สวี่รั่วชิงอ่อนแรง เอามือปิดหน้า
โดยเฉพาะสวี่อี้ฝาน ตอนเด็กๆยังไม่ค่อยรู้สึกอะไร พอโตขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งโตยิ่งเหมือน
ตั้งแต่ตายันจมูก ราวกับโขกกันออกมาจากภาพวาด
ถ้าไม่ใช่เพราะว่ายิ้มแล้วมีลักยิ้มนะ จุดนี้น่ะเหมือนสวี่รั่วฉิง จนสวี่รั่วฉิงยังต้องสงสัยเองเลยว่าตกลงสวี่อี้ฝานเป็นลูกของเธอจริงๆหรือเปล่า
“ตกลง ฉันเข้าใจแล้ว งั้นวันที่เธอไป ฉันก็จองตั๋วเครื่องบินกลับเมืองหลินชวนกับพวกเธอก็แล้วกัน ”ซูจิ่วเอ๋อร์หมุนพวงมาลัยอย่างชำนาญ สายตาไม่คลาดเคลื่อน จ้องเขม็งไปที่รถคันหน้า พูดเล่นว่า“แต่ว่านะรั่วฉิง ถ้าเธอสนใจลี่ถิงเซิ่ง สู้หาโอกาสงามๆ แล้วเปิดอกคุยกับเขาเลย ถ้าเป็นสวี่รั่วยี ให้หล่อนมีลูกเข้าหน่อยนะ ป่านนี้คงติดหนึบไปแล้ว”
สวี่รั่วฉิงมองไปนอกหน้าต่าง สีหน้านิ่งสงบ
“พวกเขาสองคนจะไม่เป็นอะไรกับฉันตลอดไป”สวี่รั่วฉิงมือค้ำคาง พูดพึมพำ“ต่อให้ฉันชอบลี่ถิงเซิ่งเข้าจริงๆนะ ก็มีความมั่นใจที่จะได้เขามา ไม่ต้องใช้ลูกด้วยซ้ำ”
“ใช่ ใช่ เธอพูดถูกแล้วล่ะ ถ้าฉันเป็นผู้ชายนะ ฉันต้องชอบสาวสวยแบบเธอแน่”ซูจิ่วเอ๋อร์ผิวปาก
เธอไม่ได้โกหก ไฮโซปารีสตามสวี่รั่วฉิงมีไม่น้อย
เพียงแต่สวี่รั่วฉิงไม่ชายตามองสักคน
แม้แต่คุณผู้หญิงซูยังเคยขอร้อง สวี่รั่วฉิงทั้งสวยทั้งมีความสามารถ ไม่มีผู้ชายดีๆสักคนน่าเสียดายออก ตอนอยู่บ้านซูจิ่วเอ๋อร์ฟังบ่นมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง บางทีรำคาญจนซูจิ่วเอ๋อร์อยากจะหอบสวี่รั่วฉิง สวี่อี้หาน และสวี่อี้ฟานไปกองไว้ตรงหน้าลี่ถิงเซิ่ง จากนั้นตะโกนบอกลี่ถิงเซิ่ง“เนี่ยผู้หญิงของแก และนี่ก็ลูกชายลูกสาวแก”
หลังจากที่สวี่รั่วฉิงกับซูจิ่วเอ๋อร์มาที่สวนตระกูลซูแล้ว คุณผู้หญิงซูเห็นทั้งคู่ตากแดดจนตัวแดง จึงรีบร้องเรียกสาวใช้ให้ไปเตรียมผ้าประคบน้ำแข็ง“ออกไปก็ไม่หัดทากันแดด สาวสวยๆตากแดดซะดำเมี่ยมแล้วเป็นไง”คุณผู้หญิงซู นึกถึงเรื่องที่อยากถาม“รั่วฉิง เรื่องเครื่องหอมจัดการเรียบร้อยแล้วนะ”
สวี่รั่วฉิงพยักหน้า รับผ้าน้ำแข็งที่สาวใช้ยื่นให้“จัดการเรียบร้อยแล้วค่ะ ทั้งหมดคิดราคาท้องตลาด”
“ราคาท้องตลาดงั้นเหรอ”พอคุณผู้หญิงซูได้ฟัง ไม่ค่อยเต็มใจ คิดว่าธุรกิจครอบครัวทำไม่ดีกับสวี่รั่วชิง“ทำไมเป็นราคาท้องตลาดล่ะ ทำไมไม่คิดราคาคนในบ้าน เครื่องหอมพวกนั้นน่ะทั้งหมดเป็นของหนู แล้วทำไมไปได้ราคาท้องตลาด ฉันจะไปโทรหาพวกเขาเดี๋ยวนี้!”
“แม่คะ ไม่ต้องค่ะ!”ซูจิ่วเอ๋อร์รีบเรียกคุณผู้หญิงซูเอาไว้ “แม่คิดว่าเธอโง่หรือคะ ฉลาดเป็นกรดป่านนั้น อย่างกับนางจิ้งจอก ถ้าไม่ใช่ว่าใช้เงินของลี่ถิงเซิ่ง เธอต้องต่อราคาแน่ๆ!”
คุณผู้หญิงซูตะลึงไปสองวินาที ยังไม่เรียงลำดับความสัมพันธ์ได้เรียบร้อย
สวี่รั่วฉิงยิ้มแล้วพูด“คุณน้าคะ เครื่องหอมคราวนี้ลี่ซื่อกรุ๊ปเป็นคนซื้อ ไม่ใช่หนูเป็นคนซื้อ ในเมื่อบริษัทออกเงิน แน่นอนว่าย่อมต้องเดินตามกฏระเบียบ”
คุณผู้หญิงซูเริ่มเข้าใจ จากนั้นจึงส่ายหน้าเบาๆ
จู่ๆเธอรู้สึกว่า ถ้ามีวันหนึ่ง เธอเห็นสวี่รั่วฉิงแต่งงานกับลี่ถิงเซิ่ง เธอคงไม่ต้องเป็นห่วงว่าสวี่รั่วฉิงจะเสียเปรียบแน่นอน
ยัยหนูนี่ฉลาดเป็นกรด
ลี่ถิงเซิ่งต่างหาก……
บริษัทน้ำหอมอนุญาตให้สวี่รั่วฉิงซื้อเครื่องหอมมากขนาดนี้
ไม่รู้ว่าเพราะจะหาเงิน หรือเพราะอยากเอาใจสวี่รั่วฉิง
คุณผู้หญิงซูเม้มปาก ครุ่นคิดชั่วครู่
แม้ว่าสวี่รั่วฉิงจะไม่ได้แสดงความชอบลี่ถิงเซิ่งอย่างออกนอกหน้า แต่เธอจะต้องคิดเผื่อลูกสาวที่จะอยู่ต่อไปในตระกูลลี่
กลางดึกหลังอาหาร สวี่รั่วฉิงกลับมาถึงห้อง โทรหาคุณหญิงโทมัส
น้ำเสียงของเธอเจื้อยแจ้ว คุณหญิงโทมัสฟังแล้วปลื้มใจ
“แอน ฉันได้ยินมาว่าน้ำหอมขายดีระเบิดระเบ้อที่เมืองหลินชวน ไม่รู้ว่าฉันจะขอลองหน่อยได้ไหม”
สวี่รั่วฉิงยิ้มอ่อน เธอใช้ภาษาฝรั่งเศสที่เป็นมาตรฐานตอบกลับคุณหญิงโทมัส“คุณหญิงคะ กลับมาปารีสคราวนี้ ก็เพื่อเรื่องน้ำหอมนี่แหละค่ะ”
คุณหญิงโทมัสได้ฟังแล้วตะลึง ชะงักเล็กน้อย“แอน เธอบอกมาในเมลล์ว่าขาดเครื่องหอม ก็เพราะน้ำหอมรุ่นนี้น่ะเหรอ”
“ใช่ค่ะ เครื่องหอมอีกชนิดซื้อเรียบร้อยแล้ว ถ้าเครื่องหอมนี้ก็ซื้อเรียบร้อย ก็จะปรุงน้ำหอมสูตรพิเศษนี้ให้คุณหญิงได้ค่ะ”
“ดอกไลลักใช่ไหมจ๊ะ แอน สบายใจนะ เรื่องเครื่องหอมฉันบอกคนในบ้านแล้วล่ะ พรุ่งนี้เธอมาเราก็มาเซ็นสัญญากันได้เลย เธอก็ถือว่ามาดื่มน้ำชาแล้วกัน”
มีคำมั่นสัญญาจากคุณหญิงโทมัส ในที่สุดสวี่รั่วฉิงก็สบายใจ
คุยกับคุณหญิงโทมัสอยู่พักหนึ่ง จึงวางสาย
หลังจากอาบน้ำเสร็จ เธอเปลี่ยนชุดนอน ปีนขึ้นเตียง ในขณะที่กำลังเปิดคอมเพื่อเตรียมคุยกับหลี่อาน เครื่องหอมก็ได้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว คาดว่ามะรืนคงจะถึงเมืองหลินชวน การผลิตก็เริ่มได้
จู่ๆมีคนๆหนึ่งสั่นกระจกเธอ
สวี่รั่วฉิงเห็นชื่อแล้วอึ้งไปหนึ่งวินาที
จากนั้น เธอจึงพิมพ์ตอบไปในกรอบว่า“ประธานลี่ ประเทศเราน่าจะตีสี่มั้งคะ คุณไม่นอนเหรอ”
หนึ่งนาทีให้หลัง สวี่รั่วฉิงเห็นคำตอบฝ่ายตรงข้าม
“อืม”
สวี่รั่วฉิง“……”
หลี่อานล่ะ เขาจะไม่มาใส่ใจผู้บริหารผู้ไม่ดูแลตัวเองคนนี้หน่อยเหรอ
สวี่รั่วฉิงกระตุกมุมปาก“ประธานลี่ คุณนอนไม่หลับเหรอ หรือเพราะทำงานดึก”
ลี่ถิงเซิ่งพิงโซฟา ยืดแข้งยืดขา
เขาปลดกระดุมเสื้อทุกเม็ด เห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ
นิ้วเรียวยาวพิมพ์แป้นคีย์บอร์ด เสียงในที่มืดนั้นแจ่มชัด
“นอนไม่หลับ”
นอนไม่หลับเหรอ สวี่รั่วฉิงเห็นคำๆนี้ จึงพูดไม่ออก
เธอจำได้ว่าเคยปรุงน้ำหอมแก้นอนไม่หลับไม่ลี่ถิงเซิ่งนี่
หรือไม่ได้ผล