ผู้จัดการร้านให้พนักงานเอาชาร้อนมาเสิร์ฟให้ลี่ถิงเซิ่งกับสวี่รั่วฉิงอีกครั้ง
ลี่ถิงเซิ่งเป็นลูกค้าประจำของร้าน แต่ก็ไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนมาที่นี่เลยสักครั้ง
วันนี้ถือเป็นครั้งแรก ผู้จัการก็ต้องส่งคนมาบริการอย่างทั่วถึง
พนักงานที่ยกกาน้ำชาเข้ามา เพิ่งเดินเข้ามาได้ไม่ทันไร ก็ได้ยินคำพูดนั้นของลี่ถิงเซิ่งเข้าพอดี จนเกือบทำชาหก
เลี้ยง เลี้ยงดู? ไม่ใช่ว่าประธานลี่คนนี้เป็นคุณชายที่โด่งดังในเมืองหลินชวนหรอกหรือ ต้องให้คนอื่นเลี้ยงดูด้วยเหรอ?
ถ้าคนอย่างตระกูลลี่ยังต้องให้คนอื่นเลี้ยงดู แล้วคนธรรมดาๆอย่างพวกเขานี่ต้องใช้ชีวิตกันยังไง
พนักงานพยายามเก็บข้อสงสัยเอาไว้ในใจ “ประธานลี่ ขอโทษที่ขัดจังหวะนะครับ ชาได้แล้วครับ”
น้ำเสียงของลี่ถิงเซิ่งไม่ปรากฏอารมณ์ยินดีหรือโกรธใดๆ เขาเพียงแค่มองมาที่พนักงานที่เข้ามาขัดจังหวะ แล้วตอบอืมเสียงเบา
เมื่อพนักงานเดินกลับมา ผู้จัดการก็ถามเขาว่า “เมื่อกี้ประธานลี่พูดว่าอะไรเหรอ?”
พนักงานเสิร์ฟมีสีหน้าสนุก เขานำเรื่องที่ลี่ถิงเซิ่งพูดกับสวี่รั่วฉิงเมื่อสักครู่นี้มาเล่าให้ผู้จัดการฟังอีกครั้ง หลังจากได้ฟังสีหน้าของผู้จัดการก็เปลี่ยนไปเหมือนพนักงานเสิร์ฟในทันที
“ประธานลี่ คืนนั้นฉันเมา คุณอย่าเก็บเอาคำพูดของคนเมามาใส่ใจเลยนะ…..”
ไม่คิดเลยว่าลี่ถิงเซิ่งจะจำคำพูดตอนเมาได้แม่นขนาดนี้
ลี่ถิงเซิ่งนิ่งเงียบ นิ้วมือลูบแก้วน้ำชาช้าๆ ผ่านไปสักพักเขาถึงได้หัวเราะเสียงหนักออกมา จากนั้นก็นำเรื่องที่สวี่รั่วฉิงบอกว่าจะให้สมบัติเขามาเล่าอีกครั้ง
สวี่รั่วฉิงแอบบ่นในใจ ให้ตาย ประธานลี่ความจำดีขนาดนี้เลยเหรอ ขนาดเธอเองยังจำไม่ได้เลยว่าเธอมีรถกี่คัน! ความจำของคนเราตอนเมาดีกว่าตอนไม่เมาหรือไง?
ลี่ถิงเซิ่งชื่นชมใบหน้าขึ้นสีของสวี่รั่วฉิงจนพอใจ ก็เรียกพนักงานมาคิดเงิน หลังจากนั้นก็หยิบสูทขึ้นมาใส่ช้าๆ
หลังจากที่เขาติดกระดุมครบทุกเม็ด ก็เหลือบมองหญิงสาวที่ยังคงเหม่อลอยอยู่ จากนั้นก็เอ่ยพูดอย่างจนใจว่า “ผมจะไปส่งคุณก่อนก็แล้วกัน”
ระหว่างเดินทาง สวี่รั่วฉิงไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว เพราะกลัวว่าลี่ถิงเฉิ่งจะเอ่ยถึงเรื่องเลี้ยงดูขึ้นมาอีกครั้ง
เธอไม่น่าพูดเรื่องลี่ถิงเซิ่งกับจิ่วเอ๋อร์เลย ตอนนี้แค่มองหน้าเขา ในหัวของเธอก็มีแต่เรื่องนั้นผุดขึ้นมา
หนึ่งล้านพอไหมนะ?
สวี่รั่วนิ่งเงียบ พยายามสลัดความคิดบ้าๆออกไปจากหัว
ในที่สุดรถออดี้คันสีดำก็ขับมาจอดที่หน้าคอนโดของสวี่รั่วฉิง
“วันนี้ขอบคุณนะคะ ประธานลี่” สวี่รั่วฉิงมองสายฝนที่ตกลงมาข้างนอกหน้าต่างรถ ถ้าไม่ได้ลี่ถิงเซิ่งมาส่ง เธอก็คงต้องรอคนขับรถมาส่งที่สนามบินแล้ว
สวี่รั่วฉิงก้มหน้าลง กำลังจะถอดเข็มขัดออก แต่จู่ๆมือเย็นๆของเขาก็เชยคางของเธอขึ้น
นิ่งไปชั่วครู่ ซ้ำยังไม่ทันได้ตั้งตัว กลิ่นบีหรี่จางๆและกลิ่นสมุนไพรผสมปนเปกับกลิ่นเย็นๆบนร่างกายของลี่ถิงเซิ่ง ก็โอบล้อมเธอเอาไว้อย่างไม่มีเหตุผล
แก้มของสวี่รั่วฉิงร้อนผ่าว หัวใจเต้นสะเปะสะปะไปหมด
ทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก แถมยังใกล้ขึ้นเรื่อยๆ มือที่กำลังเชยคางของเธออยู่ขยับเลื่อนขึ้นเล็กน้อย
สวี่รั่วฉิงสบนัยน์ตาดำขลับที่เยือกเย็นและลุ่มลึกคู่นั้นของลี่ถิงเซิ่ง
วินาทีนี้เธอไม่กล้าแม้แต่หายใจออกมา กลัวว่าลมหายใจจะทำลายความสั่นไหวที่มีอยู่ในขณะนี้
ในตอนที่สวี่รั่วฉิงคิดว่าชายหนุ่มกำลังจะจูบตัวเองแน่ๆ มือเย็นๆของเขาก็ลูบมุมปากของเธออย่างแผ่วเบาราวกับขนนกจากนั้นก็ผละออกไป แล้วนำเศษผลไม้ทิ้งลงในที่เขี่ยบุหรี่บนรถ
สวี่รั่วฉิงเหมือนเม่นขนยุบ
อาการที่หัวใจกำลังเต้นแรงเมื่อกี้หายวับไปกับตา
อะไรเนี่ย ที่แท้ก็เศษอาหารหรอกเหรอ เมื่อกี้เธอใช้ผ้าเช็ดออกหมดแล้วไม่ใช่หรือไง ทำไมยังเหลือติดปากอยู่ล่ะ……
สวี่รั่วฉิงพูดอะไรไม่ออก
เสียงขำๆของลี่ถิงเซิ่งดังขึ้นมาว่า “เมื่อกี้คิดอะไรอยู่?” เขาเอ่ยถาม
สวี่รั่วฉิงเอ่ยพูดอย่างฮึดฮัด “ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น” เธอพูดพร้อมกับแกะเข็มขัดออก เตรียมตัวเปิดประตูลงจากรถ
วินาทีนั้นเอง ชายหนุ่มที่เมื่อกี้ยังหัวเราะขำอยู่ เปลี่ยนมือที่เชยคางของเธอ ขยับเข้ามาพร้อมกับออกแรงเบาๆ
สวี่รั่วฉิงเบิกตากว้าง
ภายในรถของลี่ถิงเซิ่งมีกลิ่นจันทน์ขาว ท่ามกลางกลิ่นอันหนาแน่น กลิ่นบนตัวของเขาก็ยังคงอบอวลอยู่รอบๆตัวเธออย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ริมฝีปากเย็นเฉียบ เจือปนไปด้วยรสชาติขมฝาดของบุหรี่ ราวกับว่าตอนอยู่ที่สนามบินชายหนุ่มเพิ่งสูบมา
ลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลง ริมฝีปากเย็นปิดกั้นปากที่เผยออย่างตกใจของสวี่รั่วฉิงเอาไว้อย่างไม่เหลือช่องว่างใดๆ ด้วยแรงที่ไม่หนักไม่เบา
ไม่นานสวี่รั่วฉิงก็เริ่มรู้สึกขาดอากาศหายใจ ดวงตาเป็นประกายค่อยๆเอ่อคลอไปด้วยน้ำ เธอส่งเสียงอื้ออึงออกมาในลำคอ จากนั้นชายหนุ่มก็ปล่อยเธอออก
ทั้งสองหอบหายใจอย่างหนักหน่วง
ลี่ถิงเซิ่งส่งเสียงออกมาว่า “ตอนนี้พอใจแล้วหรือยัง?”
สวี่รั่วฉิงรู้สึกว่าลำคอทั้งแห้งผากและเจ็บแสบ ราวกับว่าจูบเมื่อกี้ยังไม่สิ้นสุดและยังไม่พอ
ประกอบกับการกระทำที่จงใจของลี่ถิงเซิ่งก่อนจูบเธอ สวี่รั่วฉิงก็ยิ่งกำหมัดแน่น เหมือนถูกสุมเปลวไฟในอกขึ้นมา เธอจึงกระชากคอเสื้อของเขาเข้ามาใกล้
เธอลุกนั่งคุกเข่าบนเบาะ ใช้มือออกแรงก้มหน้าลงไปกัดริมฝีปากหยักของลี่ถิงเซิ่งอย่างแรง
นอกจากลี่ถิงเซิ่งแล้ว สวี่รั่วฉิงก็ไม่เคยจูบใครมาก่อน
เธอเลยจูบไม่ค่อยเป็น หลังจากที่เธอระบายอารมณ์ลงบนริมฝีปากของชายหนุ่มจนเป็นรอย เธอถึงได้ปล่อยคอเสื้อเขาออกช้าๆ
นัยน์ตาของลี่ถิงเซิ่งทอแววลุ่มลึก
สวี่รั่วฉิงทิ้งรอยมากมายไว้บนริมฝีปากของเขา
ไม่ต้องดูก็พอจะรู้ว่า ทิ้งเอาไว้ทั่วทั้งปาก
ทักษะการจูบของเธอเข้าขั้นแย่ กัดเป็นอย่างเดียว ไม่รู้เลยว่าจูบจริงๆเขาทำกันยังไง
สวี่รั่วฉิงทำใจกล้า “ก่อนหน้านี้ประธานลี่ถามฉันว่าต้องมีเงินเท่าไหร่ถึงจะเลี้ยงคุณได้ใช่ไหม? จูบเมื่อกี้ฉันพอใจมาก เพราะงั้นนี่ถือเป็นค่าตอบแทนก็แล้วกัน”
ลี่ถิงเซิ่งเงียบ จากนั้นก็ถอนหายใจออกมา
เคยมีผู้หญิงคนไหนให้ค่าตอบแทนเป็นจูบห่วยๆแบบนี้กัน
หลังจากที่ลี่ถิงเซิ่งกลับมาถึงคฤหาสน์ของตัวเอง เขาถอดเสื้อสูทส่งไปให้พ่อบ้าน แล้วจึงเดินเข้าไปในห้องนอน
เขาถอดเสื้อเชิ้ตลงบนพื้น แล้วเดินเข้าห้องน้ำ
เมื่ออาบน้ำเสร็จ เขาก็ใส่ชุดคลุมอาบน้ำมาที่ห้องหนังสือ
เมื่อเปิดคอมพิวเตอร์ก็พบว่าหลี่อานกดวิดีโอคอลมาหา
ลี่ถิงเซิ่งกดรับอย่างไม่ค่อยสนใจนัก “มีเรื่องอะไร?”
หลี่อานเงียบ “…………….”
เขาจดจ้องรอยบนปากของลี่ถิงเซิ่งด้วยสีหน้าเริ่มพิลึก
มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นรอยที่ผู้หญิงทิ้งเอาไว้
แล้ววันนี้ใครอยู่กับประธานลี่ล่ะ?
นอกจากแอนนาก็ไม่มีคนอื่นแล้วนะ
นี่แอนนาจูบห่วยขนาดนี้เลยเหรอนี่?
หลี่อานรีบสลัดความคิดของตัวเองทิ้งไป อยู่ดีไม่ว่าดี คิดจะไปกระตุกต่อมโมโหประธานลี่หรือไง
หลังจากที่หลี่อานรายงานเอกสารเสร็จสรรพ กระนั้นก็ยังไม่สามารถข่มความสงสัยเอาไว้ได้ เขารวบรวมความกล้าเอ่ยถามว่า “ประธานลี่ รอยบนปากของคุณ………”
ลี่ถิงเซิ่งเหลือบตาขึ้นมาอย่างขี้เกียจ “เสือกัดน่ะ”