สามีข้าคือขุนนางใหญ่ – บทที่ 342-2 ใกล้ชิด (2)

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 342 ใกล้ชิด (2)

พอเขาเดินเข้าไปที่ห้องเสวยอาหารในตำหนักเหรินโซ่ว พอได้เจอกับจวงไทเฮาที่นั่งทำหน้าเข้มงวดบนโต๊ะอาหาร ฉินฉู่อวี้ก็เกิดสะดุ้งจนเข่าอ่อนเกือบทรุดลงไปกองบนพื้น!

ใช่แล้ว แม้ตอนอยู่ข้างนอกจะทำตัวเป็นเด็กแสบแค่ไหน แต่พออยู่ต่อหน้าไทเฮา เขาก็เป็นแค่เจ้าเด็กอ้วนไร้พละกำลังคนหนึ่งเท่านั้น

จวงไทเฮาแทบไม่ได้มองฉินฉู่อวี้ด้วยซ้ำ ก่อนจะนั่งลงบนที่นั่งประจำของตัวเอง

กู้เจียวกับเสี่ยวจิ้งคงชินกับท่าทางของท่านย่าแล้วจึงไม่ได้ตกใจอะไร แต่กับฉินฉู่อวี้นั้นต่างออกไป เขาตกใจจนทั้งท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด เขารู้สึกกลัวยิ่งกว่าตอนโดนทำโทษด้วยการลงไม้เสียอีก!

กู้เจียวพาเด็กๆ ไปล้างมือ ก่อนจะพามานั่งที่โต๊ะ

เสี่ยวจิ้งคงนั่งลงตรงที่ประจำ

ฉินฉู่อวี้นั่งลงระหว่างเสี่ยวจิ้งคงและจวงไทเฮา เขากลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะหยิบตะเกียบขึ้นมา

ทุกครั้งที่คนจากตรอกปี้สุ่ยมาเยี่ยม แม่ครัวประจำตำหนักมักจะทำอาหารให้ถูกปากพวกเขา อีกทั้งพอรู้ว่าเสี่ยวจิ้งคงมาด้วย พวกเขาก็มักจะจัดวางอาหารให้ดูน่ารักและน่ารับประทานอีกด้วย

ฉินฉู่อวี้พอเห็นซาลาเปาที่ปั้นเป็นรูปกระต่าย ก็เกิดอาการน้ำลายสอขึ้นมา

ซาลาเปาไส้ถั่วแดง ตัวไส้นั้นมีความละเอียด เมื่อทานเข้าไปจะสัมผัสได้ถึงความละมุนของเนื้อสัมผัสราวกับว่ามันละลายได้

อีกทั้งในตัวไส้ยังสอดไส้เนยแข็งเข้าไปด้วย แม้กลิ่นจะไม่แรง แต่รสชาติของมันช่างหอมน่ากินมาก

นี่เป็นสูตรที่กู้เจียวสอนแม่ครัวของตำหนักเองกับมือ

ดังนั้นหาที่อื่นไม่ได้แน่นอน

พอฉินฉู่อวี้ได้ลิ้มลองก็ตกหลุมรักในทันที

ซาลาเปาเป็นแค่อาหารเรียกน้ำย่อยเท่านั้น ยังมีปลาต้มส้ม ไข่ตุ๋นรังนก แกงฟักทอง และอาหารที่มาจากชาติก่อนของกู้เจียว นั่นก็คือขนมเปี๊ยะไส้เนื้อและบ๊วย

“โอ้โห!” ฉินฉู่อวี้ตกตะลึงกับอาหารอันโอชะตรงหน้า!

เขาไม่เคยเห็นอาหารที่ทั้งดูน่ารักและน่าทานแบบนี้มาก่อนในชีวิต!

ฮือออ!

อร่อยชะมัด!

ฉินฉู่อวี้แทบจะร้องไห้ออกมา!

เขาเพลิดเพลินกับอาหารตรงหน้าจนลืมไปแล้วว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่ข้างๆ จวงไทเฮา!

ฉินฉู่อวี้แทบจะหยุดไม่ได้แล้ว

จวงไทเฮาหันไปหรี่ตามองเจ้าเด็กอ้วนอย่างอดไม่ได้

พลางนึกแม้เขาจะดูน่ารำคาญไปหน่อย แต่พอเห็นเวลากินกลับรู้สึกเจริญอาหารอย่างบอกไม่ถูก

เด็กน้อยทั้งสองกินอาหารอย่างอิ่มหมีพีมัน ที่จริงฉินฉู่อวี้ยังอยากจะกินต่อด้วยซ้ำ แต่กู้เจียวดันห้ามเขาไว้เสียก่อน เพราะเกรงว่าท้องของเขาจะรับไม่ไหว

“กระ กระหม่อม…ขอมาที่นี่อีกได้หรือไม่” ฉินฉู่อวี้มองตาปริบๆ

แน่นอนว่าประโยคนี้เขากำลังถามกับจวงไทเฮา

คำถามนี้ เสี่ยวจิ้งคงและกู้เจียวหมดสิทธิ์ตอบ

และแล้วห้องก็เงียบลง

เหล่าขันทีนางในต่างพากันกลั้นหายใจ

เพราะทุกคนรู้ว่าไทเฮาและตำหนักหวาชิงนั้นไม่กินเส้นกัน

ครั้งก่อนที่คนของตำหนักหวาชิงเข้ามาที่นี่ สุดท้ายก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้…

แม้ทุกคนจะไม่แสดงสีหน้าใดๆ แต่หูของพวกเขาตั้งใจฟังสุดๆ

“อืม” จวงไทเฮาเอ่ยตอบเสียงนิ่ง

เสี่ยวจิ้งคงเดินเข้าไปตบบ่าฉู่อวี้ “แบบนี้ก็ดีเลยสิ! ในเมื่อท่านย่าตกลงแล้ว ต่อไปเจ้าก็มาเล่นกับข้าที่นี่ได้แล้วสินะ!”

“อื้ออ!” ฉินฉู่อวี้ดีใจมากเสียจนไม่ทันระวังและเผลอปัดชามน้ำแกงตกลงจากโต๊ะ

ถ้วยตกพื้นไม่เท่าไหร่ แต่น้ำแกงเจ้ากรรมดันหกใส่ร่างของจวงไทเฮาเข้าเต็มๆ !

สีหน้าทุกคนเปลี่ยนทันควัน!

“ไทเฮา!” ฉินกงกงรีบเดินเข้ามา

กินกันมานานพอสมควร น้ำแกงจึงเย็นชืดหมดแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็เลอะกระเด็นไปทั้งชุด คงไม่สบายตัวน่าดู

ฉินกงกงรีบใช้ผ้าช่วยเช็ดให้จวงไทเฮา ก่อนจะพบว่า ไม่ว่าเช็ดอย่างไรก็ไม่มีทางซับหมด “กระหม่อมจะพาพระองค์ไปเปลี่ยนฉลองพระองค์พ่ะย่ะค่ะ!”

“สะ สะ เสด็จ เสด็จย่า…” ฉินฉู่อวี้หน้าซีด

เขาเคยได้ยินว่าเสด็จย่าชอบกินคน!

แถมยังชอบฆ่าคนอีกด้วย!

“เอาน่า ตกใจอะไรกัน” จวงไทเฮารีบปัดมือของฉินกงกงออก ก่อนจะเอ่ยเบาๆ “เดี๋ยวข้าไปเปลี่ยนชุดก่อน”

ฉินฉู่อวี้อึ้งชะงักไปจนพูดไม่ออก

แค่…แค่นี้เองรึ

เสด็จย่าไม่โกรธ ไม่ลงโทษเขาหน่อยรึ

ฟ้าเริ่มมืดลง ฉินฉู่ออวี้เดินออกจากตำหนักเหรินโซ่วพร้อมกับขันทีประจำกาย

ซูกงกงที่ยืนรอฉินฉู่อวี้เดินกลับมา พอเห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปคว้าไหล่ของเขา “องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ ทรงไม่เป็นอะไรใช่ไหม ไฉนถึงได้เข้าไปที่ตำหนักเหรินโซ่วได้ล่ะพ่ะย่ะค่ะ”

ซูกงกงคือขันทีคนสนิทของเซียวฮองเฮา

เรื่องที่ฉินฉู่อวี้ไปที่ตำหนักเหรินโซ่วก็ไม่ใช่ความลับอะไร แน่นอนว่าเซียวฮองเฮาต้องได้ข่าวแล้ว เพียงแต่อาจจะได้ข่าวช้าไปนิด

ซูกงกงคว้ามือของฉินฉู่อวี้มากุมไว้พลางเอ่ย “ฮองเฮาทรงเป็นห่วงองค์ชายมากเลยนะพ่ะย่ะค่ะ! รีบกลับไปรายงานพระองค์เถิด”

“เหตุใดเสด็จแม่ถึงได้เป็นห่วงข้าล่ะ” ฉินฉู่อวี้เอ่ยถามด้วยสายตามึนงง

ซูกงกงถอนหายใจ “จะเพราะอะไรอีกล่ะพ่ะย่ะค่ะ ที่อื่นมีตั้งเยอะไม่ไป องค์ชายเจ็ดดันไปที่ตำหนักเหรินโซ่ว ไม่รู้หรือขอรับว่าทรงไปที่ตำหนักนั้นไม่ได้น่ะพ่ะย่ะค่ะ”

ก่อนหน้านี้เซียวฮองเฮาเคยกำชับหนักหนาว่าห้ามให้ฉินฉู่อวี้เข้าใกล้ตำหนักเหรินโซว่ นั่นเป็นเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเซียวเหิงเมื่อสิบปีก่อน

เซียวเหิงเข้าไปที่ตำหนักเหรินโซ่วโดยไม่ได้ตั้งใจ สุดท้ายกลับถูกวางยาพิษจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด

ซูกงกงหันไปถลึงตาใส่ขันทีที่ยืนอยู่ด้านหลังของฉินฉู่อวี้ “เจ้าเองก็ไม่ห้ามองค์ชายเจ็ดเลยนะ! กลับไปข้าจะสั่งสอนเจ้า!”

“เจ้าห้ามทำอะไรเสี่ยวเต๋อนะ ข้าเป็นคนอยากไปที่นั่นเอง! มีหรือเสี่ยวเต๋อจะกล้าห้ามข้า” ฉินฉู่อวี้เถียงกลับ

“แต่อย่างน้อยเขาก็ควรส่งข่าวมาบอกฮองเฮาบ้างนะขอรับ”

ฉินฉู่อวี้โต้กลับด้วยท่าทางจริงจัง “เป็นข้าเองที่ไม่ให้เขาส่งข่าวให้เสด็จแม่! ไม่อย่างนั้นข้าได้โดนพวกเจ้าลากออกไปแน่ๆ แล้วข้าก็จะอดเล่นสนุก เสด็จย่าไม่เห็นจะน่ากลัวแบบที่พวกเจ้าว่าเลย”

“น่ากลัวอย่างไรหรือ”

เสียงของฮ่องเต้ดังลอดเข้ามากลางบทสนทนา

ฮ่องเต้มักจะอารมณ์ดีทุกครั้งเมื่อได้เห็นหน้าองค์ชายเจ็ด

“ฝ่าบาท!” ซูกงกงรีบหันไปถวายบังคมฮ่องเต้และจิ้งไท่เฟยที่อยู่ด้านหลัง “จิ้งไท่เฟย!”

เสี่ยวเต๋อเองก็ถวายบังคมด้วย

ฉินฉู่อวี้ตะโกนเรียนฮ่องเต้ “เสด็จพ่อ!”

“อืม” ฮ่องเต้โบกมือให้

“วางพระเกี้ยวลง” เว่ยกงกงออกคำสั่ง

พระเกี้ยวของฮ่องเต้และจิ้งไท่เฟยจึงลงสู่พื้น

ฉินฉู่อวี้เดินเข้าไปหาฮ่องเต้

ฮ่องเต้หัวเราะให้องค์ชายน้อยร่างท้วมที่กำลังเดินเข้ามา ก่อนจะเอ่ยทัก “ทักทายเสด็จย่าจิ้งแล้วหรือยัง”

“อ๋อ” ฉินฉู่อวี้ถอยหลังหนึ่งก้าว ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆ ที่พระเกี้ยวของจิ้งไท่เฟย และถวายบังคมให้ “ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ!”

“ช่างเป็นเด็กดีเสียจริง” จิ้งไท่เฟยยิ้มให้เขา สายตาจับจ้องไปที่พวงแก้มอันใหญ่กลมบนใบหน้าของฉินฉู่อวี้ “วันนี้ไปเล่นที่ไหนมารึ อารมณ์ดีเชียว”

ฉินฉู่อวี้ตอบไปตามตรง “ข้าไปที่ตำหนักเหรินโซ่วมาพ่ะย่ะค่ะ! ได้เจอกับเสด็จย่าด้วย!”

พอได้ยินคำตอบ สีหน้าจิ้งไท่เฟยเปลี่ยนทันควัน

ฮ่องเต้เองก็เช่นกัน “เจ้าว่าอย่างไรนะ ไหนบอกอีกทีซิว่าเจ้าไปไหนมา”

“ตะ ตำหนัก ตำหนักเหรินโซ่วพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ” ฉินฉู่อวี้เริ่มหดคอลง

สีหน้าของฮ่องเต้เริ่มน่ากลัวเข้าไปทุกที

“ใครใช้ให้เจ้าไปตำหนักเหรินโซ่วกัน” ฮ่องเต้เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ข้า ข้าอาสาไปเองพ่ะย่ะค่ะ” ฉินฉู่อวี้เอ่ยก่อนจะก้าวถอยหลังด้วยความกลัว

“มานี่ มาใกล้ๆ ข้าเร็ว” จิ้งไท่เฟยโบกมือเรียกฉินฉู่อวี้อย่างอ่อนโยน

ฉินฉู่อวี้ที่กำลังผวากับเสด็จพ่อ พอเห็นท่าทีต้อนรับของจิ้งไท่เฟยก็รู้สึกราวกับมีระฆังช่วยไว้ และเดินเข้าไปหาจิ้งไท่เฟยออย่างไม่ลังเล

“ฝ่าบาททรงอย่ากริ้วไปเลย องค์ชายน้อยไม่ได้ตั้งใจทำเช่นนั้นหรอก” จิ้งไท่เฟยเอ่ยกับฮ่องเต้

ฉินฉู่อวี้เดินเข้าไปซบที่อกของจิ้งไท่เฟยก่อนจะบ่นพึมพำเบาๆ ออกมา

“เจ้าว่าอะไรนะ” ฮ่องเต้ขมวดคิ้วเอ่ยถาม

อาจเป็นเพราะตอนนั้นเขารู้สึกเหมือนกำลังถูกปกป้องอยู่ ฉินฉู่อวี้จึงมีความกล้ามากขึ้น “ข้าบอกว่า เสด็จย่าไม่เห็นน่ากลัวเลย! เหตุใดเสด็จพ่อถึงไม่ยอมให้ข้าไปหาเสด็จย่า!”

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

Status: Ongoing

นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ ผู้เขียนเดียวกับเรื่องหมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม!

จากสายลับสาวสวยแห่งยุคปัจจุบันต้องทะลุมิติมาอยู่ในร่างของ กู้เจียว หญิงอัปลักษณ์สติไม่สมประกอบแห่งหมู่บ้านชนบทห่างไกล

แม้สติไม่สมประกอบแต่ชอบคนหน้าตาดี กรรมเลยไปตกที่ เซียวลิ่วหลัง ที่เจ้าของร่างช่วยเหลือเอาไว้โดยบังเอิญ

เพราะบุญคุณเซียวลิ่วหลังจึงต้องแต่งเข้าอย่างไม่เต็มใจและยังรังเกียจเจ้าของร่างเดิมสุดใจ

แต่เพราะ ‘ฝันบอกเหตุ’ ที่ร่างเดิมมีทำให้ กู้เจียวคนใหม่ได้รู้ว่าเซียวลิ่วหลังสามีของนางคนนี้ ในอนาคตจะได้กลายเป็นขุนนางใหญ่ของราชสำนัก

เพราะงั้นนางจะปกป้องเขาจากภัยร้ายทั้งหลายเพื่อประคองเขาขึ้นสู่ตำแหน่งอย่างราบรื่นเอง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท