เมื่อการประชุมเศรษฐกิจสิ้นสุดลง ท้องฟ้าก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นพลบค่ำ
มันเป็นช่วงกลางฤดูร้อน สวี่รั่วฉิงปรับอากาศในรถลงหนึ่งองศา
เธอจ้องไปข้างหน้าอย่างมั่นคง มือทั้งสองของเธอจับพวงมาลัย เสียงของเธอพูดเบา ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อหกปีที่แล้ว “ข่าวของประธานลี่นี่ละเอียดจริงๆ ตระกูลซูไม่ได้รับเลี้ยงลูกสาวหรอกค่ะ แต่ว่าเมื่อหกปีก่อนพวกเขาได้ช่วยชีวิตฉันไว้ต่างหาก สำหรับฉันแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้ต่างจากพ่อแม่จริงๆสักเท่าไหร่”
ลี่ถิงเซิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาหรี่ตาเมื่อได้ยินเรื่องนั้นเมื่อหกปีที่แล้ว แต่ไม่นานก็ถูกดึงดูดด้วยคำพูดของสวี่รั่วฉิงอีกรอบ
ริมฝีปากของเขาขยับ “แล้วพ่อแม่ที่ให้กำเนิดของเธออยู่ที่ไหนกัน?”
สวี่รั่วฉิงยิ้มอ่อนๆ “ไม่รู้สิคะ ครั้งนี้ฉันไม่ได้หลอกท่านแล้วนะ ฉันไม่รู้ว่าจริงๆว่าพ่อแม่ที่ให้กำเนิดฉันเป็นใคร”
ขณะที่พูด เธอก็เหลือบตาไปมองลี่ถิงเซิ่ง ชายคนนั้นก็มองกลับมาหาเธอด้วยแววตาที่มั่นคง ราวกับว่าเขากำลังตัดสินอยู่ว่าสิ่งที่เธอพูดมานั้นใช่ความจริงหรือไม่
ผ่านไปครู่หนึ่ง สวี่รั่วฉิงก็ได้ยินลี่ถิงเซิ่งถามเธอ “นั่นคือทำไมเธอถึงไปคุยงานเรื่องน้ำหอมที่ปารีสได้อย่างราบรื่นสินะ”
“ก็เป็นเหตุผลหนึ่งนะคะ ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งก็คือระดับน้ำหอมของฉันอยู่ระดับสูงเสียด้วยสิ ลุงซูเลยไม่กลัวว่าฉันจะทำแบรนด์ตระกูลซูพังน่ะค่ะ”
ลี่ถิงเซิ่งเงียบ “…..”
เขาไม่เคยเห็นบุคคลที่มีความมั่นใจในตนเองสูงเกินจริงเช่นนี้มาก่อน
หลังจากที่สวี่รั่วฉิงพูดเรื่องของตนจบแล้ว เธอก็ถึงนึกถึงคำถามที่ดูผิดปกติที่ลี่ถิงเซิ่งถาม “ฉันพูดเรื่องของฉันจบแล้ว แล้วประธานลี่ล่ะคะ?ทำไมเมื่อกี้ถึงเดินออกมาแบบนั้น?ฉันเองก็ยังไม่ได้ตอบรับอะไรลุงซูเลย?”
ลี่ถิงเซิ่งสำลักจากคำพูดของสวี่รั่วฉิง
เขาไม่สามารถพูดออกไปได้ว่า เขาคิดว่าสวี่รั่วฉิงกับประธานซูนั้นมีความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนต่อกัน
ตระกูลซูเก็บความลับเบื้องหลังของสวี่รั่วฉิงไว้เป็นอย่างดี แม้ว่าลี่ถิงเซิ่งจะให้คนของบริษัทไปตรวจสอบ แต่มันก็ยากที่จะหาสิ่งที่น่าสงสัยนั้น
เมื่อสวี่รั่วฉิงเห็นความเงียบของลี่ถิงเซิ่ง เธอจึงพูดติดตลกว่า “ประธานลี่ ท่านคงไม่ได้คิดว่าฉันกับลุงซูมีอะไรต่อกันใช่ไหม?”
ลี่ถิงเซิ่ง :“…..”
เมื่อสวี่รั่วฉิงเห็นเขาเงียบ เธอเองก็เริ่มเงียบขึ้นมาเช่นกัน หลังจากนั้นไม่นาน เธอแทบจะไม่อยากเชื่อ “เดี๋ยวก่อนนะ นี่ประธานลี่คิดแบบนั้นจริงๆเหรอคะ?”
สวี่รั่วฉิงนั้นพูดไม่ออกบอกไม่ถูก เธอกับลุงซูอายุห่างกันก็มาก ซูจิ่วเอ๋อร์เองก็เป็นเพื่อนรักของเธอ ไม่ว่ายังไง เธอก็ไม่มีทางมีความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงแบบนั้นกับลุงซูแน่นอน
ไม่รู้จริงๆว่าทำไมสมองของลี่ถิงเซิ่งถึงเติมเต็มเข้าไปอย่างงั้น
หรือว่าหึงงั้นเหรอ?
……
สวี่รั่วฉิงออกจากคฤหาสน์เฉินซาน และกลับไปที่อพาร์ตเมนต์ของเธอ ถอดรองเท้าส้นสูงออก วางกระเป๋าของเธอไว้ที่โถงทางเดิน วิ่งแบบเด็กๆไปที่ตู้เย็นแล้วหยิบไอศกรีมกล่องหนึ่งออกมา หลังจากกินไปครึ่งหนึ่งแล้ว เธอก็ได้พักผ่อน
เธอยืดเอว พร้อมกับถามสวี่อี้หานและสวี่อี้ฝานว่าเย็นนี้อยากกินอะไร
แม้ว่าวันนี้จะเหนื่อย แต่ก็ยังพอมีแรงที่จะทำกับข้าว
อย่างไรก็ตาม เด็กสองคนแนะนำอย่างว่านอนสอนง่ายว่าเธอควรจะซื้ออาหารข้างนอกมา ในที่สุดสมาชิกในครอบครัวทั้งสามคนก็ได้สั่งหม้อไฟมากินกันที่บ้าน
หลังจากจัดการโต๊ะอาหารเสร็จเรียบร้อย สวี่รั่วฉิงก็ได้ไปอาบน้ำ ใช้เสื้อคลุมอาบน้ำห่มไว้แล้วกลับไปที่ห้องของเธอ
เกือบจะสี่ทุ่มแล้ว เป็นเวลาที่ซูจิ่วเอ๋อร์ส่งข้อความวีแชทมาให้เธอ สวี่รั่วฉิงรู้สึกประหลาดใจจึงหยิบขึ้นมาดู พบว่ามันเป็นภาพสองสามรูปของเธอกับลุงซู
ในรูปภาพนั้น เธอยิ้มอย่างมีความสุขมาก
ถ้าคนอื่นมาเห็นล่ะก็ ต้องคิดว่าระหว่างเธอกับลุงซูต้องมีอะไรกันแน่ๆ
ไม่น่าแปลกใจเลยที่หลังประชุมจบลงแล้วลี่ถิงเซิ่งจะมองไปที่ลุงซูด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ถ้าเปลี่ยนเป็นเธอล่ะก็ เธอคงคิดว่าเธอเป็นคนรักของประธานซูซื่อกรุ๊ปที่มีชื่อเสียงก็เป็นได้
สวี่รั่วฉิงหรี่ตาลง เห็นได้ชัดว่านี่เป็นภาพที่แอบถ่าย
ซูจิ่วเอ๋อร์ไม่น่าจะให้ใครมาสอดแนมเธอ สวี่รั่วฉิงเชื่อใจเพื่อนเธอมาก
ตามที่คาดไว้ ซูจิ่วเอ๋อร์ได้ถามว่า “รั่วฉิง เธอเดาสิว่าใครส่งภาพพวกนี้มาให้ฉัน?”
รั่วฉิงยังไม่ทันได้ตอบอะไร ซูจิ่วเอ๋อร์ก็ได้ส่งมาอีกประโยคหนึ่งว่า “มันถูกส่งมาจากน้องสาวแสนดีของเธอ สวี่รั่วยีน่ะ จุ๊จุ๊ ดูหล่อนทำงานหนักมากเลย ตั้งแต่เธอไปรับพ่อฉัน หล่อนก็สะกดรอยตามและก็ยังแอบถ่ายรูปอีกต่างหาก เป็นวิธีที่เก่งกาจพอตัวเลยนะ”
เมื่อสวี่รั่วฉิงเห็นสิ่งนี้ เธอจึงขมวดคิ้วแล้วถามว่า “หล่อนจะมาแอบถ่ายฉันกับลุงซูทำไมกัน?”
ซูจิ่วเอ๋อร์ :“นี่เธอยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?หล่อนคิดว่าเธอกับฉันเป็นพี่น้องกัน แล้วเธอก็มายั่วยวนพ่อลับหลังฉัน เป็นชู้รักของพ่อฉันน่ะ!”
ขณะที่พูด ซูจิ่วเอ๋อร์ก็ได้ส่งรูปภาพหน้าจอระหว่างสวี่รั่วยีกับตัวเธอ
“พรวด–” สวี่รั่วฉิงพ่นน้ำที่ดื่มออกมาหมด
ในหัวของสวี่รั่วยีที่แท้เป็นการวิเคราะห์คุยกับซูจิ่วเอ๋อร สวี่รั่วฉิงนั้นใช้มิตรภาพของเธอกับซูจิ่วเอ๋อร์ในการเข้ามาตีสนิทกับตระกูลซู เข้าใกล้คุณผู้ชายซู และกลายเป็นคนรักของคุณผู้ชายซูในที่สุด
สวี่รั่วฉิง :“…ละครตอนแปดโมงเช้ายังไม่ขนาดนี้เลยใช่ไหมนะ?”
ซูจิ๋วเอ๋อร์ :“จะไม่ใช่ได้ยังไงกัน แถมยังจะมายั่วยุความสัมพันธ์ของเราสองคนอีก!แต่ว่านี่ก็แสดงให้เห็นชัดเลยนะว่าสวี่รั่วยีนั้นยังไม่ได้หาสืบหาตัวตนที่แท้จริงของเธอ ยังไม่รู้ว่าเธอคือใคร แต่ว่าในมือหล่อนมีรูปเยอะขนาดนี้ ฉันคิดว่าจุดประสงค์คงไม่ใช่แค่ยั่วยุความสัมพันธ์ของเราแน่..”
ซูจิ่วเอ๋อร์หยุดและพูดต่อ “ฉันเดาว่า หล่อนต้องใช้ภาพพวกนี้มายั่วยุความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับลี่ถิงเซิ่งแน่ๆ”
สวี่รั่วฉิงพิมพ์ส่งคำถามเครื่องหมายคำถามออกไปจำนวนมาก
ระหว่างเธอกับลี่ถิงเซิ่งมีอะไรน่ายั่วยุงั้นเหรอ?
ตอนนี้ก็เป็นเพียงความสัมพันธ์ระหว่างผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชาเท่านั้น
หรือว่ายังจะมาสนใจการเข้าสังคมของเธอด้วย?
แต่หลังจากคิดอีกครั้ง หลังจากการประชุมสิ้นสุดลงในตอนบ่าย ลี่ถิงเซิ่งก็ดูมีท่าทีที่แปลกไป มีคำถามเกิดขึ้นภายในใจของสวี่รั่วฉิงเพิ่มมากขึ้น
คำพูดของซูจิ่วเอ๋อร์นั้นได้ช่วยคลายความสงสัยของเธอ
ซูจิ่วเอ๋อร์พูด “สวี่รั่วยีเป็นคู่หมั้นในนามของลี่ถิงเซิ่ง ในสายตาของหล่อน เธอเป็นคู่แข่งด้านความรักอันดับหนึ่งเลยล่ะ ถ้าในมือมีรูปที่ดูกำกวมของเธอกับชายอื่นแล้วส่งให้กับลี่ถิงเซิ่งล่ะ เธอคิดว่ามันจะเป็นยังไง?ลี่ถิงเซิ่งจะต้องสงสัยอย่างแน่นอน!เขาต้องคิดว่าเธอเข้าหาเขาด้วยเป้าหมายอย่างอื่น”
สวี่รั่วฉิงร้อนตัว “…แต่การเข้าหาลี่ถิงเซิ่งก็มีเป้าหมายอย่างอื่นจริงๆนี่”
ซูจิ่วเอ๋อร์กลอกตา “ที่เธอเข้าหาลี่ถิงเซิ่งมันเป็นเพราะต้องการแก้แค้นสวี่รั่วยี แต่ลี่ถิงเซิ่งไม่รู้นี่!เขาเพียงแค่คิดว่าเธอกับพ่อของฉันนั้นมีความสัมพันธ์ที่ผิดปกติต่อกัน!”
สวี่รั่วฉิง :“…”
แถมซูจิ่วเอ๋อร์ยังเดาออกอีกด้วยนะ ว่าลี่ถิงเซิ่งคิดว่าเธอกับลุงซูนั้นมีความสัมพันธ์ที่ผิดปกติต่อกัน
แต่ว่าก็ได้อธิบายกับเขาไปหมดแล้ว ก็ไม่น่าจะมีอะไรแล้วไม่ใช่เหรอ?
ซูจิ่วเอ๋อร์เป็นห่วงเพื่อนรักของตนที่ถูกสวี่รั่วลอบกัด สั่งสอนไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ดังนั้นช่วงสองสามวันนี้เธอจะต้องระวังให้มาก ใครจะไปรู้ว่าหล่อนจะเตรียมทำเรื่องไม่ดีอะไรอีก!”
ในเวลาเดียวกัน หลังจากที่ลี่ถิงเซิ่งอาบน้ำเสร็จแล้ว ก็ได้สั่งให้คนรับใช้ของเขาไปนำกาแฟโปเลียนมาให้ที่ห้องสมุด
เขาเพิ่งจะมานั่งที่โต๊ะ เปิดคอมพิวเตอร์ เตรียมตัวที่จะทำงาน
โทรศัพท์ดังขึ้น
ลี่ถิงเซิ่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วพบว่าเป็นเบอร์ที่ไม่รู้จัก เขาขมวดคิ้ว
มีคนจำนวนไม่มากที่รู้หมายเลขโทรศัพท์ส่วนตัวของเขาได้
เขาปลดล็อกหน้าจออย่างไม่เร่งรีบและพูดด้วยเสียงต่ำ “ฮัลโหล”
เสียงที่คุ้นเคยมาออกจากโทรศัพท์ “ประธานลี่ สวัสดีค่ะ”