สองทุ่มของวันถัดไป
หลังจากที่สวี่รั่วฉิงกลับบ้านไปแต่งตัว จากนั้นขับรถไปที่Tivano
ตั้งแต่เด็ก เธอได้รับการอบรมมารยาท ซึ่งมันได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในตอนนี้
บริกรถามอย่างสุภาพ “ใช่คุณแอนไหมครับ?ตอนนี้คุณผู้ชายซูได้รออยู่ที่ห้องวีไอพีแล้วครับ”
สวี่รั่วฉิงยิ้มให้เล็กน้อยและถูกบริกรนำไปที่ห้องวีไอพี
ในห้องวีไอพีนั้นนอกจากคุณผู้ชายซูแล้ว ก็ยังมีเลขาของเขา
ตอนนี้คุณผู้ชายซูกำลังดูมือถือของเขาอยู่ เมื่อเห็นสวี่รั่วฉิงเข้ามา เขาเหมือนพ่อที่พูดอย่างใจดีว่า “ไม่ได้พาอี้ฝานอี้หานมาด้วยเหรอ?”
สวี่รั่วฉิงส่ายหัว “พอดีใกล้จะสอบปลายภาคแล้วน่ะค่ะ ต้องทบทวนบทเรียนอยู่ที่บ้าน แถมยังบอกฉันอีกนะว่า ฉันไม่อยู่ช่วยพวกเขาตรวจการบ้าน”
เมื่อคุณผู้ชายซูได้ยิน ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
เขาชี้ไปที่กล่องขนาดน้อยใหญ่ที่อยู่ในห้องวีไอพี “นั่น คือไวน์แดงที่จิ่วเอ๋อร์ยืนกรานให้ฉันเอามาให้ได้ บอกว่าเธอทำงานหนัก นอนไม่ค่อยหลับก็ต้องดื่มไวน์แดงเข้าไป”
สวี่รั่วฉิงมองไปที่กองกล่องแล้วเงียบไป อีกสักครู่ เธอจะย้ายของมากมายเข้าไปในรถได้ยังไงกัน
ดูเหมือนว่าคุณผู้ชายซูจะรับรู้ว่าสวี่รั่วฉิงว่ากำลังคิดอะไรอยู่ “ไม่ต้องกังวล อีกเดี๋ยวฉันจะให้คนส่งของพวกนี้กลับไปเอง”
จากนั้นคุณผู้ชายซูก็เริ่มสั่งอาหารกับบริกร หลังจากที่บริกรออกไป คุณผู้ชายซูและสวี่รั่วฉิงก็ได้คุยกันถึงเรื่องชีวิตในหลินชวน
ด้านนอกห้องวีไอพี ที่กั้นเสียงในห้องวีไอพีนั้นได้ผลดีมาก สวี่รั่วยีไม่รู้ว่าคนด้านในกำลังคุยอะไรกันอยู่ ดังนั้นเธอจึงสามารถใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่บริกรจากไป ได้ยินเสียงของสวี่รั่วฉิง
สวี่รั่วยีหรี่ตาลง เมื่อแน่ใจว่าสวี่รั่วฉิงและคุณผู้ชายซูอยู่ด้านในห้องวีไอพี จึงหยิบโทรศัพท์ออกมา
“แอนนากำลังรับประทานอาหารกับชายวัยกลางคนใน Tivano” กดส่ง
นี่คือโทรศัพท์มือถือส่วนตัวอีกเครื่องของสวี่รั่วยี นอกจากหล่อนแล้วก็ไม่มีใครที่รู้จักหมายเลขนี้อีก
ลี่ถิงเซิ่งขมวดคิ้วและมองรูปภาพในโทรศัพท์ เขาจำได้ว่าผู้หญิงที่อยู่ในรูปนั้นคือสวี่รั่วฉิง แต่หล่อนได้ปิดใบหน้าของชายอีกคนเอาไว้ เลยเดาไม่ออกว่าจริงๆเป็นใคร
ดวงตาของชายคนนั้นหรี่ลง แล้วถามกลับไปว่า “หล่อนคือใคร”
สวี่รั่วยียิ้มและตอบกลับไปว่า “นายไม่จำเป็นต้องสนใจว่าฉันเป็นใคร หากสนใจว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ มาดูด้วยตาตัวเองก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ?”
หลังจากตอบเสร็จ สวี่รั่วยีก็ปิดโทรศัพท์ลง แล้วเก็บลงไปในกระเป๋า
ความอยากรู้อยากเห็นเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด
ไม่มีใครต้านทานความอยากรู้ได้
ตราบใดที่ลี่ถิงเซิ่งเห็นสวี่รั่วฉิงทานอาหารเย็นกับผู้ชายคนอื่น เขาจะต้องเริ่มรู้สึกสงสัย
หล่อนไม่ต้องใช้วิธีการอะไร ก็สามารถทำลายความประทับใจที่มีต่อหญิงสาวในใจของลี่ถิงเซิ่งได้
“คุณสวี่ คุณมาทำอะไรที่นี่ครับ?” บริกรที่เห็นสวี่รั่วยีมายืนที่ด้านหน้าของห้องวีไอพี รู้สึกสงสัย
สวี่รั่วยีเป็นลูกค้าประจำของทางร้าน บริกรจึงรู้จักหล่อนไปโดยปริยาย
สวี่รั่วยียิ้มแล้วพูดว่า “พอดีไปห้องน้ำมาเมื่อสักครู่น่ะค่ะ ทำไมเรื่องแค่นี้ต้องมาสนใจด้วยคะ?”
หลังจากพูดจบ หล่อนก็เหยียบรองเท้าส้นสูงเดินไปที่โต๊ะของตนอย่างสบายใจ
หล่อนกำลังรอดูการแสดงที่จะฉาย
…..
ลี่ถิงเซิ่งวางโทรศัพท์ไว้ข้างๆ พร้อมกับแตะนิ้วบนแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์อย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่กี่นาที เขาปิดคอมพิวเตอร์ ลุกขึ้นสวมสูท จากนั้นหยิบมือถือกลับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ
พ่อบ้านถามอย่างเป็นกังวลว่า “คุณชายลี่ ดึกขนาดนี้จะออกไปข้างนอกหรือครับ??”
ลี่ถิงเซิ่งไม่ได้เรียกให้คนเตรียมรถเหมือนที่เคย เขาเดินตรงไปที่โรงรถ
ไม่กี่นาทีต่อมา รถมายบัคสีดำก็ขับออกจากโรงรถไป ความเร็วของรถเร็วมากจนพ่อบ้านตะลึง
หรือว่าจะเกิดเรื่องขึ้นที่บริษัท คุณชายถึงได้รีบร้อนขนาดนั้น?พ่อบ้านมองไปที่รถสีดำที่กำลังวิ่งออกไป ครุ่นคิดอย่างหนัก
หนึ่งชั่วโมงต่อมา รถสีดำก็มาจอดที่หน้า Tivano
เมื่อบริกรเห็นลี่ถิงเซิ่ง จึงเดินเข้ามาทักทายในทันที “ประธานลี่ วันนี้ท่านมาต้อง….”
ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ แววตาที่ดูเย็นชาของลี่ถิงเซิ่งก็มองกวาดไปรอบๆ “พาฉันไปที่ห้องวีไอพีหมายเลขเจ็ด”
บริกรตกใจ ห้องหมายเลขเจ็ดเป็นห้องที่คุณผู้ชายซูจองเอาไว้
ขณะที่บริกรกำลังจะชักชวนลี่ถิงเซิ่งไปที่ห้องวีไอพีอื่น ชายคนนั้นก็ได้ขยับขาเรียวของเขาไปที่ห้องวีไอพีหมายเลขเจ็ดเสียแล้ว
ห้องวีไอพีนั้นอยู่ด้านบน ลี่ถิงเซิ่งจะต้องผ่านร้านอาหารก่อน
เสียงที่คุ้นเคยและน่ารำคาญดังก้องอยู่ในหูของเขา “ถิงเซิ่ง บังเอิญอะไรขนาดนี้ มากินข้าวที่ Tivanoเหรอคะ?”
สวี่รั่วยีแสร้งทำเป็นแปลกใจขณะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา หล่อนโบกมือให้เขา จากนั้นลุกขึ้นมาพร้อมกับเดินไปตรงหน้าของเขา พูดด้วยน้ำเสียงที่หวานจนเลี่ยนว่า “ถ้านายจะมา ฉันจะได้ติดรถนายมาด้วย จะได้ไม่ต้องเปลืองขับรถเอง…”
ขณะที่สวี่รั่วยีพูด น้ำเสียงของหล่อนนั้นดูน้อยใจพอควร กล่าวหาลี่ถิงเซิ่งที่ไม่กลับไปที่คฤหาสน์เป็นเวลานานแล้ว
ลี่ถิงเซิ่งไม่มีเวลามากพอที่จะเสียเวลากับสวี่รั่วยีที่นี่ เขาเหลือบมองสวี่รั่วยีอย่างเฉยเมย “ฉันมีเรื่องต้องทำ กินเองไปก่อนก็แล้วกัน”
หลังจากนั้น เขาก็เตรียมที่จะขึ้นไปชั้นบน
สวี่รั่วยีเหยียดแขนออกไปหยุดเขา “เรื่องอะไรเหรอคะ?ไม่แน่ว่าฉันอาจช่วยได้นะ”
ลี่ถิงเซิ่งไม่ได้สนใจสวี่รั่วยีเลยสักนิด เขาเลี่ยงหล่อนและเดินขึ้นไปชั้นบน
แววตาของสวี่รั่วยีนั้นแสดงความไม่พอใจ
อดใจรออีกนิดก็จะได้เห็นแอนนาและคุณผู้ชายซูกินข้าวด้วยกันแล้ว ดูสิว่านายจะคิดยังไง!เมื่อคิดเช่นนี้ สวี่รั่วยีก็หยิบกระเป๋าของตนแล้วตามขึ้นไปข้างบน
หล่อนไม่อยากจะพลาดการแสดงใหญ่ครั้งนี้
ใครจะไปรู้ เมื่อหล่อนเดินไปที่ประตูห้องหมายเลขเจ็ด หล่อนก็พบว่าลี่ถิงเซิ่งยังไม่ได้ผลักประตูเข้าไปทันที
สวี่รั่วยีแกล้งทำเป็นไร้เดียงสาแล้วพูดว่า “ถิงเซิ่ง นายหาคนที่อยู่ในห้องอยู่เหรอ?”
ขณะที่พูด หล่อนก็ตรงเข้าไปเปิดประตู จึงทำให้เห็นห้องวีไอพีด้านใน สวี่รั่วฉิงหันกลับมา ดวงตาของคุณผู้ชายซูก็จ้องมองมาที่หล่อน
สวี่รั่วยีทำเป็นปิดปากด้วยความประหลาดใจ “แอนนาทำไมเธอถึงมาอยู่กับประธานซูได้ล่ะ หรือว่าพวกเธอ…”
ก่อนที่สวี่รั่วยีจะพูดจบ หล่อนก็ได้ยินชายที่อยู่ด้านข้างพูดด้วยเสียงต่ำว่า “สวัสดีครับลุงซู”
สวี่รั่วยีตกตะลึง
ทำไมหล่อนถึงไม่รู้ว่าลี่ถิงเซิ่งเป็นเพื่อนกับประธานซู?
ตระกูลลี่กับตระกูลซูไม่เคยทำงานร่วมกันมาก่อนนี่!
ตอนที่สวี่รั่วฉิงเห็นสวี่รั่วยีและลี่ถิงเซิ่ง เธอก็นึกไปถึงสิ่งที่ซูจิ่วเอ๋อร์เคยพูดกับเธอเมื่อครั้งก่อน ตระหนักได้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของสวี่รั่วยี
เดิมทีเธอต้องการที่จะอธิบาย แต่ไม่คิดว่าลี่ถิงเซิ่งจะพูดคำว่า ‘ลุงซู’ออกมา เกือบทำให้เธอพ่นไวน์แดงออกมา
ลุงซุ?เธอเรียกลุงซูก็พอแล้ว ทำไมเขาจะต้องมาเรียกลุงซูด้วย?
คุณผู้ชายซูรู้สึกประหลาดใจ เขามองไปที่ลี่ถิงเซิ่ง จากนั้นมองสวี่รั่วยีแล้วหัวเราะขึ้นมา “ประธานลี่มาแล้วเหรอ?วางใจได้ นายสามารถพาคนออกไปและก็สามารถหยิบของขวัญของซูจิ่วเอ๋อร์ไปได้ด้วย มีนาย ฉันก็วางใจ ตอนแรกก็กลัวว่าแอนนาจะเอากลับไปคนเดียวไม่ไหว”
ลี่ถิงเซิ่งเหลือบมองสวี่รั่วฉิงที่ดูตกตะลึง มุมของริมฝีปากที่ไม่แยแสของเขาค่อยๆเปิดออก
เดิมทีเขาคิดว่า…..
หลังจากที่ลี่ถิงเซิ่งตกลงกับคุณผู้ชายซูแล้ว สวี่รั่วยีก็พูดว่า “รอเดี๋ยว ถิงเซิ่งแอนนาเป็นคนของบริษัทนาย ทำไมนายถึงไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยเมื่อเห็นเธอกินข้าวกับประธานบริษัทอื่น?”
นี่ไม่เหมือนกับที่หล่อนคิดเอาไว้?
แผนที่หล่อนวางไว้คือลี่ถิงเซิ่งต้องเห็นแอนนากินข้าวกับประธานซู แล้วเกลียดแอนนาเข้าไส้สิถึงจะถูก!
ทำไมบรรยากาศตอนนี้ถึงดีขึ้นเรื่อยๆ?