ใบหน้าของสวี่รั่วฉิงนั้นแนบชิดอยู่บนเสื้อสูทของลี่ถิงเซิ่ง
น้ำหอมที่เขาใช้วันนี้ มีกลิ่นเบสโน๊ตที่หนักลึกมาก หนักจนเมื่อสวี่รั่วฉิงได้กลิ่นเพียงอ่อนๆ ยังรู้สึกเริ่มเวียนหัวจนแทบจะหายใจไม่ออกกับกลิ่นนั้น
ราวกับว่าลี่ถิงเซิ่งอ่านใจของเธอออก “ปกติก็เป็นคนฉลาดนี่ ทำไมตอนนี้เดาไม่ออกล่ะ?”
สวี่รั่วฉิงได้ยินเพียงเสียงทุ้มต่ำของลี่ถิงเซิ่ง ได้กลิ่นน้ำหอมบนตัวเขาผสมปนเปกับลมหายใจเย็นๆของเขา
จนลืมไม่รู้จะเอามือไปวางไว้ตรงไหนอยู่ครู่หนึ่ง ได้เพียงแต่วางมือไว้ข้างลำตัวเช่นเดิม
“ประธานลี่ เดี๋ยวก็มีคนมาเห็นหรอก” น้ำเสียงของสวี่รั่วฉิงนั้นดูไม่สบายใจ
เขาไม่กลัวว่าเรื่องนี้จะมีคนถ่ายรูปเอาไปเผยแพร่ลงอินเทอร์เน็ตบ้างเลยเหรอ?
ดวงตาของลี่ถิงเซิ่งนั้นดูลึกซึ้งกว่าปกติ
เขาพูดนิ่งๆ “อือ” ออกมาเพียงคำเดียว คิดถึงที่ฉินซวี่ยั่วยุปลุกปั่นเมื่อก่อนหน้านี้ “เธอถือสาเหรอถ้าโดนคนเห็นเข้า?”
สวี่รั่วฉิงนิ่งไปพักหนึ่ง ขดตัวอยู่ในอ้อมแขนเขาพร้อมกับส่ายหัว
เธอจะถือสาอะไรถ้ามีคนเห็น เธอเป็นเพียงแค่นักปรุงน้ำหอมคนหนึ่งที่ไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังอะไรในเมืองหลินชวน ถ้ามีคนเข้ามาเห็นจริงๆ ก็คงไม่ได้ส่งผลอะไร
แต่กับลี่ถิงเซิ่งนั้นไม่เหมือนกัน
เธอคิดแล้วคิดอีก พร้อมเงยหน้าขึ้นมาจากอ้อมแขนของลี่ถิงเซิ่ง
หลังจากสวี่รั่วฉิงเห็นแววตาของลี่ถิงเซิ่ง เพียงเท่านั้นก็กลืนน้ำลายลงคอทันที
สายตาของเขานั้นมันช่างลึกซึ้งเกินไปแล้ว ราวกับว่าอีกสักพักก็จะสามารถมองเห็นทะลุเข้าไปในใจเธอได้
เสียงของลี่ถิงเซิ่งนั้นลอยลงมาจากบนหัวของเธอ นำพาซึ่งบรรยากาศกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้จะทำอย่างไร “ไม่ว่าเธอจะอยากจะยั่วยุคนอื่นยังไง ฉันก็สามารถดูแลปกป้องเธอได้”
สวี่รั่วฉิงยืนนิ่ง “อ่า” ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ควรจะพูดอะไรดี
คำพูดของลี่ถิงเซิ่งทำให้สวี่รั่วฉิงนั้นสมองโล่งกลวง เธอหันไปทางลี่ถิงเซิ่งแล้วพูด “ประธานลี่ หรือว่าเพราะว่าฉันลืมตัวเสียกิริยาท่าทางไป จึงทำให้คุณไม่พอใจใช่ไหม?”
ลี่ถิงเซิ่งมองสวี่รั่วฉิง และพูดอย่างไม่เร็วไม่ช้า “ทำไมเธอถึงคิดสรุปว่าเป็นเพราะแบบนั้นล่ะ”
หรือว่าไม่ใช่เหรอ? สวี่รั่วฉิงกะพริบตาด้วยความสับสนงงงวย
ลี่ถิงเซิ่งสามารถควบคุมจิตใจตัวเองได้ดีมาก ตอนที่หญิงในอ้อมแขนเขานั้นทำสายตาไร้เดียงสาราวกับกระต่ายน้อยตัวหนึ่งนั้น เขาคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ จูบที่ดีบนริมฝีปากเธอนั้น ทำให้เธอเปล่งเสียงนั้นที่ใครฟังก็รู้สึกชอบ
ลี่ถิงเซิ่งกุมมือเล็กของสวี่รั่วฉิงเบาๆ
เทียบกับเขาแล้วมือเธอเล็กและนุ่มนวลกว่ามาก
“ฉันไม่พอใจที่เธอไม่ได้รับความเป็นธรรมและยังอดกลั้นต่อไปแบบนี้” สายตาและคิ้วของลี่ถิงเซิ่งนั้นคลายลงดูอ่อนโยน เขาก้มหัวลง ไม่สนใจว่าจะมีใครเห็น พร้อมพูดด้วยเสียงทุ้ม
ไม่ไกลนั้น ฉินซวี่กำลังพูดคุยกับประธานบริษัทใหญ่ของเมืองหลินชวนท่านหนึ่งอยู่
สายตาของเขานั้นจับจ้องมาที่ลี่ถิงเซิ่งและสวี่รั่วฉิง
“ประธานฉิน ถ้าพวกเรานัดพบกันครั้งหน้าที่โรงแรมเทียนรุ่ยเป็นไง?”
ฉินซวี่ยิ้มหัวเราะอยู่เช่นนั้น เขาวางแก้วไวน์ในมือลงบนโต๊ะ พร้อมเบนสายตากลับมามองไปที่ชายตรงหน้า แล้วพูด “ได้สิ”
หลังจากนั้น เขาก็พูดอย่างสุภาพ “งั้นก็พอเท่านี้ก่อนละกัน ผมไม่มีกะจิตกะใจจะคุยต่อแล้ว”
ฉินซวี่ทำประธานที่อยู่หน้าเขานั้นสีหน้าตะลึง แววตาปรากฏความไม่พอใจขึ้นมาแวบหนึ่ง แต่ปกติฉินซวี่ก็เป็นคนพูดแบบนี้อยู่แล้ว เขาก็นับว่าเป็นคนที่มีฐานะทางสังคมเช่นกัน จึงทำได้เพียงแค่พยักหน้าอย่างฝืนๆ ทำเป็นเหมือนว่าเข้าใจเป็นอย่างมาก “ไม่มีปัญหาครับ เอาตามที่ประธานฉินว่าแล้วกัน”
หลังจากที่ชายคนนั้นออกไป สายตาที่เจือไปด้วยความเยือกเย็นของฉินซวี่ก็มองไปที่ลี่ถิงเซิ่งและสวี่รั่วฉิง
ทั้งสองคนดูท่าทางรักกัน ทำให้ความอิจฉาในหัวเขานั้นยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
“ประธานฉิน ตอนนี้คุณอยากจะกลับแล้วเหรอ?” พ่อบ้านของตระกูลหลินพบว่าฉินซวี่ดูท่าทางรีบร้อนอยากกลับ จึงรีบชิงถามขึ้นเสียก่อน คิดว่าคนรับใช้ในคฤหาสน์นี้บริการเขาบกพร่อง จึงทำให้เขาโมโห
มุมปากของฉินซวี่นั้นยกขึ้นยิ้ม แกล้งทำเป็นเหมือนอ่อนโยน “ที่บริษัทมีประชุมน่ะ”
“ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง” พ่อบ้านถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ประธานฉินคงลำบากแย่ เดี๋ยวผมบอกคุณผู้ชายและคุณนายให้แทนประธานฉินเองครับ”
หลังจากที่พ่อบ้านมองตามหลังฉินซวี่ที่เดินจากไป ลึกๆในใจก็รู้สึกแปลกๆ
ประธานลี่ออกไปอย่างกะทันหัน แล้วทำไมประธานฉินก็ออกไปอย่างกะทันหันเช่นกัน?
ฉินซวี่มาถึงที่โรงจอดรถเร็วกว่าลี่ถิงเซิ่งเล็กน้อย หลังจากเขาเห็นลี่ถิงเซิ่งและสวี่รั่วฉิงออกไป เขาจึงออกจากคฤหาสน์นี้มาเช่นกัน
เขานั่งอยู่ในรถเก๋งสีดำ มองเห็นลี่ถิงเซิ่งและสวี่รั่วฉิงหยุดอยู่ข้างหน้ารถเบนท์ลีย์สีดำคันนั้น
ฉินซวี่แค่มองก็จำได้ทันทีว่านั่นเป็นรถใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวในปีนี้ได้ไม่นาน
ลี่ถิงเซิ่งหยิบกุญแจรถออกมาพร้อมกดเปิด หลังจากนั้นเขาก็อ้อมไปอีกฝั่งเพื่อช่วยเปิดประตูรถให้สวี่รั่วฉิงอย่างสุภาพบุรุษ รอหลังจากเธอนั่งลงที่ฝั่งข้างคนขับ จึงอ้อมกลับมาที่เดิม
สวี่รั่วฉิงคิดอะไรขึ้นมาได้ หยุดมือที่กำลังจะคาดเข็มขัดนั้นไว้
พร้อมกับกะพริบตาปริบๆราวกับไร้เดียงสา “ประธานลี่ พวกเราดื่มเหล้ามากันทั้งคู่เลยนะ”
เสี่ยงของสวี่รั่วฉิงนั้นไร้เดียงสาเสียจริง
ลี่ถิงเซิ่งนิ่งไปพักหนึ่ง
แม้ว่าโรงจากรถจะมีแอร์ แต่ในรถนั้นกลับร้อนนิดหน่อย เขาเอื้อมมือไปเปิดแอร์ พร้อมกับชำเลืองมองไปทางผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ
คล้ายกับจะถามว่าดื่มเหล้าแล้วมันยังไง
สวี่รั่วฉิงเปิดมือถือ พร้อมกับร้องเรียกหาคนขับรถแทนอย่างชำนาญ จากนั้นก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าดังเดิม “ดื่มเหล้าแล้วยังขับรถ คุณมีคะแนนมากแค่ไหนให้หักกัน?”
ลี่ถิงเซิ่งพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ต้องยอมให้สวี่รั่วฉิงเรียกคนมาขับรถแทน
สวี่รั่วฉิงเล่นมือถืออยู่บนรถสักพัก ก็คล้ายกับว่าคิดอะไรออกอีกอย่าง เธอเงยหน้าหน้า สายตานั้นเปล่งประกายแบบมีนัย “ลี่ถิงเซิ่ง คุณรีบพาฉันออกมา เพียงแค่เพราะว่ารู้สึกว่าฉันไม่ได้รับความเป็นธรรมงั้นเหรอ?”
เห็นสวี่รั่วฉิงรู้ตัวช้าขนาดนี้ เขาก็วางนิ้วเขาขึ้นมาไว้บนพวงมาลัยเบาๆ
เย็นวันนี้ เธอเรียกชื่อเป็นครั้งแรก
ลิปสติกบนปากของสวี่รั่วฉิงเหลืออยู่ไม่มากแล้ว ในเมื่อไม่ได้อยู่ในงานเลี้ยงราตรีนั้นต่อแล้ว เธอจึงไม่ได้แต่งเติมเข้าไปเพิ่ม
ภายใต้สีของลิปสติกนั้น เผยให้เห็นปากสีชมพูอ่อน
ลี่ถิงเซิ่งไม่อยากควบคุมจิตใจตัวเองอีกต่อไปแล้ว หน้าต่างรถนั้นเป็นแบบมองเห็นได้ทางเดียว ปกติคนด้านนอกรถจะมองไม่เห็นว่าในรถนั้นเกิดอะไรขึ้น
เขายกมือขึ้น พร้อมกับลูกคลำริมฝีปากของสวี่รั่วฉิง พร้อมกับค่อยๆออกแรงใช้นิ้วโป้งเช็ดสีลิปสติกที่หลงเหลือบนปากเธอออกไป สีปากที่แท้จริงของเธอก็ค่อยๆปรากฏขึ้นมา
ลี่ถิงเซิ่งไม่คิดเยอะอีกต่อไป ตัดสินใจปลดเข็มขัดนิรภัยออก ก้มหัวมุ่งตรงไปพร้อมหยุดอยู่บนริมฝีปากของสวี่รั่วฉิง
ในรถนั้นเงียบสงัด สวี่รั่วฉิงไม่ได้ตอบสนองอะไรกลับ เธอมองใบหน้าของชายที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้ ดวงตาคู่นั้นค่อยๆปิดลงอย่างช้าๆ
จูบของเขาที่ต้องการเรียกร้องตลอดมา และราวกับว่าความรักของเขานั้นเชื่อมต่อผ่านทางจูบนี้เพื่อบอกรักเธอ
เธอรู้สึกว่าอุณหภูมิบนใบหน้าของเธอนั้นร้อนผ่าวขึ้นเรื่อยๆ จูบบนริมฝีปากนั้นเริ่มด้วยความแข็งแรงเผด็จการ แต่ก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน
เขาลังเล แต่ก็ไม่หยุดที่จะแสดงความรู้สึกต่อไป
มือข้างหนึ่งของเขาโอบเอวเธอไว้ ส่วนอีกข้างนั้นวางพาดไว้บนพวงมาลัย
และไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่ตอนไหน ที่สวี่รั่วฉิงนั้นเริ่มตอบสนองต่อจูบของเขาอย่างช้าๆ
เธอไม่มีประสบการณ์ใดๆ การจูบตอบเช่นนั้นจึงดูเงอะงะเก้งก้าง แต่ก็ทำให้จูบของเขานั้นหยุดชะงักไปเบาๆ
จากนั้น ท่าทางการจูบของเขาที่จูบเธอจึงค่อยๆอ่อนโยนลงกว่าเมื่อครู่ ปฏิบัติต่อเธอราวกับเธอนั้นคือสิ่งของล้ำค่าที่สุดในโลกใบนี้ แผ่วเบาอ่อนโยน ทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้ม