วันนั้นอยู่ที่ร้าน สวี่รั่วฉิงได้มองสำรวจผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคร่าวๆ ในใจก็ได้ตั้งข้อสรุปมาข้อนึง
ถ้ามีผู้หญิงมองดวงตาของเขา จะต้องถูกสายตาอบอุ่นละมุนละม่อมของเขาดึงดูดแน่นอน และตกอยู่ในความอ่อนโยนของเขา
เป็นผู้ชายที่น่ากลัวจริงๆ สวี่รั่วฉิงแอบคิดอยู่ในใจ จากนั้นได้ก้มหน้าจิบไวน์แดงในแก้วคำนึง
ฉินซวี่หยุดลงมาที่ตรงหน้าเธอ พร้อมพูดอย่างอ่อนโยน:“บังเอิญจังเลยนะครับ”
สวี่รั่วฉิงเงยหน้าขึ้น ยกแก้วขึ้นมาส่งสัญญาณให้เขาเล็กน้อย:“ควรเรียก……คุณฉิน?บังเอิญจังเลยค่ะ ไม่นึกเลยว่าจะเจอคุณที่นี่”
สวี่รั่วฉิงย่อมไม่มีอารมณ์สบายๆพูดคุยกับฉินซวี่อยู่ที่นี่อยู่แล้ว คนส่วนใหญ่ในงานราตรีล้วนเป็นคนในแวดวงไฮโซแถวหน้าของเมืองหลินชวน สามารถเลี่ยงไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเขา ก็อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาเลย
รอวันที่เธอชำระแค้นเสร็จ ในเมืองหลินชวนยิ่งมีคนรู้จักเธอน้อยยิ่งดี
หลังจากที่สวี่รั่วฉิงได้ตอบด้วยมารยาท ก็หันหลังเตรียมจากไป กลับได้ยินคนที่อยู่ข้างหลังพูดว่า:“ลี่ถิงเซิ่งไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนคุณเหรอครับ?”
สวี่รั่วฉิงหยุดฝีเท้าลงมา หันมามองฉินซวี่แว๊บนึงพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย
เขาเป็นเพื่อนของลี่ถิงเซิ่งเหรอ?
สวี่รั่วฉิงเม้มริมฝีปากแดงเบาๆ จากนั้นได้ยิ้มอ่อนๆพร้อมพูดว่า:“คุณฉิน ถ้าคุณจะหาประธานลี่ ตอนนี้เขากำลังพูดคุยกับประธานหลินอยู่ คงต้องรออีกสักพักค่ะ”
ฉินซวี่ยกแก้วไวน์ในมือไปวางที่ถาดของพนักงาน จากนั้นได้อมยิ้ม:“คุณแอนเข้าใจผิดแล้วครับ ผมมาหาคุณครับ”
หาเธอ?
สวี่รั่วฉิงเอาแก้วไวน์ที่ดื่มหมดยื่นให้กับพนักงานที่อยู่ข้างๆ หลังจากยิ้มอ่อนๆให้พนักงานแล้ว ได้เงยหน้าขึ้นมามองฉินซวี่ที่อยู่ตรงหน้าอย่างจริงจัง
เธอรู้จักเขาเหรอ?
สวี่รั่วฉิงหรี่ตาลง ผ่านไปสักพักเธอพูดว่า:“คุณฉิน คุณจำผิดคนหรือเปล่าคะ ฉันไม่เคยเจอคุณมาก่อน ยิ่งอย่าบอกว่าเคยมีความขัดแย้งอะไรกับคุณเลย”
ฉินซวี่ยักคิ้วเล็กน้อย
ผู้หญิงคนนี้จำเขาไม่ได้แล้วจริงๆด้วย
วันนั้นตอนที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า ตอนที่ผู้หญิงคนนี้ดูไม่ออกว่าคือเขา ฉินซวี่ก็พิจารณาถึงผลลัพธ์แบบนี้แล้ว
ฉินซวี่หัวเราะอย่างไร้เสียง ริมฝีปากบางอ้าเล็กน้อย คอยเตือนสวี่รั่วฉิง:“Paris Fashion Weekของสองปีก่อนครับ”
สวี่รั่วฉิงอึ้งไปหนึ่งวิ และเข้าสู่การครุ่นคิด
Paris Fashion Weekเมื่อสองปีก่อน?
น้อยครั้งที่เธอจะไปแฟชั่นวีค แต่ซูจิ่วเอ๋อร์ชอบไปมาก ซูจิ่วเอ๋อร์สามารถเอาตั๋วรับชมที่ดีที่สุดของแฟชั่นโชว์ต่างๆได้อยู่เรื่อยเลย จึงลากตัวเธอไปดูด้วยเรื่อยเลย ได้ตั้งชื่อให้ว่าของดีๆทุกคนแบ่งปันด้วยกัน
อย่างไรก็ตามนอกจากนางแบบแล้ว ยังมีนายแบบที่ดูดีหล่อเหลาด้วย
มีสาวโสดที่ไหนบ้างไม่ชอบดูนายแบบที่หุ่นดีสุดๆ?สวี่รั่วฉิงก็เลยไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธซูจิ่วเอ๋อร์
Paris Fashion Weekเป็นงานเลี้ยงยิ่งใหญ่ของวงการแฟชั่นโลกในทุกปี แม้แต่เมืองหลินชวนก็มีลูกคุณหนูไม่น้อยที่มาร่วมParis Fashion Weekที่ปารีสโดยเฉพาะ
สองปีก่อนล่ะก็……
สวี่รั่วฉิงจำได้ วันนั้นหลังจากที่เธอคุยกับลูกค้าเสร็จ ได้เก็บข้าวของอย่างเร่งรีบไปครู่นึง ก็ได้ขับรถไปยังสถานที่ที่ซูจิ่วเอ๋อร์นัดเอาไว้
เพราะจะไปร่วมงานแฟชั่นวีค จะใส่เดรสของวันธรรมดาไม่ได้ สวี่รั่วฉิงได้เปลี่ยนเป็นเดรสสีแดงยาวโดยเฉพาะ ถือกระเป๋าคลัชไว้ และใส่ส้นสูงรีบไปที่งานอย่างเร่งรีบ
“ฉึก”เสียงนึง เดรสสีแดงยาวได้ข่วนใส่ราวกั้นที่แหลมคม
สวี่รั่วฉิงอึ้งไปครู่นึง ได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดในยามวิกฤตเตรียมฉีกทิ้งโดยตรง
แต่คิดไม่ถึง ตำแหน่งที่เดรสยาวถูกข่วนค่อนข้างอึดอัด ถ้าดันจะฉีกทิ้ง เกรงว่าแม้แต่ขาอ่อนก็บังไม่ได้แล้ว
สวี่รั่วฉิงค่อนข้างอึดอัด ในขณะที่เธอเตรียมจะโทรบอกซูจิ่วเอ๋อร์ว่าเธอเจอปัญหานิดหน่อยไปไม่ได้แล้ว มีเสียงที่ละมุนละม่อมดังขึ้นที่ข้างหลังเธอ:“ต้องการให้ช่วยมั้ยครับ?”
ว่าไปแล้ว หน้าตาของคนๆนั้นเหมือนจะมีคล้ายคลึงกับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้อยู่นะ……
สวี่รั่วฉิงค่อยๆดึงสติกลับมา
ฉินซวี่เห็นผู้หญิงค่อยๆดึงสติกลับมา ในใจลึกๆรู้สึกแน่ใจมากขึ้น:“จำได้แล้วเหรอครับ?”
“คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นคุณฉินของตอนนั้น” ใบหน้าสวี่รั่วฉิงรักษารอยยิ้มไว้ เนื่องจากความเก้อเขินสีหน้าจึงเปลี่ยนมาแดงก่ำ
วันนั้นถ้าไม่มีฉินซวี่ เธออาจจะผิดนัดกับซูจิ่วเอ๋อร์โดยตรงแล้ว
บังเอิญไซส์ชุดราตรีของน้องสาวฉินซวี่แทบจะไม่ต่างกับไซส์ของเธอเลย น้องสาวของฉินซวี่มีธุระอย่างอื่นเลยมาไม่ได้ พอดีฉินซวี่ก็เลยยืมชุดราตรีของหญิงสาวคนนั้นให้เธอใส่
ว่าไปแล้ว ตอนนั้นเธอยังไปคืนชุดราตรีด้วยตัวเองด้วยซ้ำ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าสองปีต่อมาก็ลืมคนอื่นไปซะแล้ว
สวี่รั่วฉิงรู้สึกละอายใจ
ถึงว่าล่ะวันนั้นเธอถึงได้รู้สึกคุ้นหน้าฉินซวี่มาก ที่แท้ตอนที่อยู่ฝรั่งเศสเคยเจอกันหลายครั้งนี่เอง
ฉินซวี่อดขำไม่ได้:“ไม่ว่าใครก็คงคิดไม่ถึงมั้งครับ ว่านักปรุงน้ำหอมที่ชื่อเสียงโด่งดังจะมีช่วงเวลาอย่างตอนนั้น”
สวี่รั่วฉิงยิ่งก้มหน้าต่ำลง:“คุณฉิน คุณก็อย่าหัวเราะเยาะฉันเลยค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่คือเมืองหลินชวน จะมีสักกี่คนเชียวที่รู้จักฉัน เป็นชื่อเสียงจอมปลอมทั้งนั้นค่ะ”
“ผมได้ดูประวัติย่อของคุณหลังจากที่มาเมืองหลินชวนแล้ว ตอนนี้คุณทำงานอยู่ที่ลี่ซื่อกรุ๊ป เพิ่งจะทำงานได้ไม่ถึงเดือน ก็ได้ส่งกระดาษคำตอบที่ปีนี้ล้วนยากที่จะมีคนทะลวงออกมาใบนึง ถึงดาวดวงใหม่ของวงการน้ำหอมยุโรปมาถึงเมืองหลินชวน ยังคงยากที่จะบดบังราศีของเธออีกเช่นเคย”
ที่ใบหน้าของสวี่รั่วฉิงยิ่งอยู่ยิ่งแดงก่ำไม่ใช่เพราะอาย แต่เพราะถูกชมจนยิ่งอยู่ยิ่งแดง
คำชมของเขานี่ไม่คิดตังค์เลยเหรอ!เธอยิ่งฟังยิ่งละอายใจแล้ว
ใบหน้าของสวี่รั่วฉิงค่อนข้างร้อนผ่าว:“คุณฉินคุณอย่าพูดมั่วเลยค่ะ ฉันมีความสามารถแค่ไหนฉันรู้ดีค่ะ”
สวี่รั่วฉิงมั่นใจมาก คนที่เธอไม่เห็นอยู่ในสายตา ก็จะไม่เห็นอยู่ในสายตา
เพราะฉะนั้นมีนักปรุงน้ำหอมบางคน
ให้ความเห็นว่าเธอเป็นคนค่อนข้างหยิ่ง
แต่คนอื่นยิ่งชมเธอ เธอยิ่งรู้สึกเก้อเขินทำอะไรไม่ถูก
ซูจิ่วเอ๋อร์บอก นี่เรียกว่าขี้ขลาดตาขาว
แววตาที่อ่อนโยนดั่งสายน้ำของฉินซวี่มองสวี่รั่วฉิงอย่างจริงจัง:“อยู่ในสายตาผม คุณเป็นคนที่สะดุดตาที่สุดในวงการน้ำหอมครับ”
วันนี้การแต่งกายของผู้หญิงคนนี้แตกต่างกับสไตล์ของคราวที่เขาเจอเธอในปารีสอย่างสิ้นเชิง
ครั้งนั้นเธอแฝงด้วยความเร่าร้อนของสเปน แต่ครั้งนี้กลับสวยแบบน่าค้นหา
สวี่รั่วฉิงเบิกตากว้างเล็กน้อย พร้อมสบตากับฉินซวี่
เธอกับเขานอกจากเจอกันที่ปารีสแค่ระยะเวลาสั้นๆนั้น น่าจะไม่มีโอกาสอะไรได้เจอกันอีกมั้ง?
ทำไมคำพูดที่ออกมาจากปากของเขา เหมือนดันต้องเธอให้ได้ยังไงอย่างงั้น
จู่ๆเธอไม่รู้จะพูดต่อจากเขายังไง
ในขณะที่สวี่รั่วฉิงกำลังเตรียมหาข้ออ้างจากไป ฝ่ามือใหญ่อันอบอุ่นได้จับไหล่เธอไว้:“ประธานฉิน หาคู่สาวของผมมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”
“ประธานลี่?”พริบตาเดียวสวี่รั่วฉิงก็ฟังออกว่าเสียงที่อยู่ข้างหลังคือเสียงของใคร ในใจจึงรู้สึกโล่งอกไปที
ในที่สุดเธอก็ไม่ต้องเผชิญหน้ากับฉินซวี่แล้ว
ฉินซวี่ต่างจากผู้ชายคนอื่น สายตาที่เขามองมาที่เธอ ไม่มีความต้องการที่เห็นได้ชัดเหล่านั้น แต่เป็นสายตาที่ทำให้เธอค่อนข้างลนลาน
แววตานั้นช่างจริงจังเหลือเกิน ราวกับว่าถ้าเธอทำอะไรลวกๆ ก็จะเหมือนหญิงเลวยังไงอย่างงั้น
ฉินซวี่เห็นลี่ถิงเซิ่งแล้วไม่รีบไม่ร้อน แววตาที่อ่อนโยนของเมื่อครู่มีดุร้ายแว๊บผ่านเสี้ยวนึง
“ประธานลี่ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ ไม่นึกเลยว่าจะเจอคุณที่นี่ เมื่อกี๊ได้คุยกับแอนนาไปสักพัก คงจะไม่ทำให้พวกคุณเสียเวลามากเกินไปนะครับ”
ฉินซวี่ชะงักแล้วยิ้ม รอยยิ้มของมุมปากยิ่งเห็นชัดเจนมากขึ้น
เขาคิดๆแล้วพูดอีก:“ประธานลี่นี่พูดจามั่นใจเกินไปหรือเปล่าครับ ไม่แน่คราวหน้าแอนนาอาจจะเป็นคู่สาวของผมก็ได้”