รอบข้างนั้นสงบนิ่งไปสองวินาที
คุณนายลี่คิดไม่ถึงเลยว่า ลูกชายของเธอนั้นจะกล้าตอกหน้าเธอในงานเลี้ยงราตรีเช่นนี้ ตอนเธอมองไปที่สวี่รั่วฉิง ใบหน้าที่ฉาบไปด้วยความไม่เป็นสุข นั้นก็ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
กลับกันนั้นคุณสวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆนั้นก็ค่อยๆพูดขึ้นมา “ในเมื่อหญิงข้างกายของถิงเซิ่งนั้นไม่ค่อยสบายตัว งั้นก็พอเท่านี้เถอะ ถึงยังไงวันนี้ก็เป็นงานเลี้ยงราตรีวันเกิดของคุณนายหลิน ไม่จำเป็นต้องทำให้ใครไม่มีความสุข”
ใบหน้าของคุณสวี่นั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นเป็นกันเอง เขายื่นมือมาพร้อมกุมมือของลี่ถิงเซิ่งไว้สักพัก พร้อมกับทักทายผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างกายของลี่ถิงเซิ่ง
หญิงสาวที่สวยงามโดดเด่นคนนี้ เขามองแล้วช่างคุ้นหูคุ้นตาเสียจริง รู้สึกราวกับว่าเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน
อาจเป็นเพราะว่าสวี่รั่วฉิงเป็นผู้หญิง เธอจึงมองเห็นความหมายลึกซึ้งในดวงตาของคุณสวี่ที่มองมา
หลังจากที่เธอทักทายคุณสวี่ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลอย่างผิดปกติ เธอพูดเพียงไม่กี่คำด้วยท่าทางที่เกรงอกเกรงใจ และยอมให้ผู้ชายที่ยืนข้างเธอนั้นโอบเอวพาเธอออกไป
มือคู่นั้นที่โอบเอวบางของสวี่รั่วฉิงไว้ นำพาความอบอุ่นมาสู่เธอ
มืออันแข็งแรงนั้นประคับประคองร่างที่ใจลอยของเธอไว้
คุณนายลี่หรี่ตามองไปที่ร่างของสองคนนั้นที่กำลังเดินจากไป สีหน้าไม่พอใจนั้นเด่นชัดขึ้นมา แต่เมื่อตอนที่พนักงานที่อยู่ข้างๆเธอนั้นส่งไวน์แดงแก้วหนึ่งให้เธอ เธอก็ถอนหายใจออกมาอย่างท้อใจ
คุณนายสวี่เห็นท่าทางนั้นก็เดินไปข้างหน้าอย่างรู้ใจเพื่อปลอบใจคุณนายลี่ “เธอก็อย่าถือสามากนักเลย ชายหนุ่มอายุยังน้อยก็ต้องชอบผู้หญิงสวยหลายคนเป็นธรรมดา แต่ก็ไม่สามารถที่จะแต่งงานเข้าบ้านทุกคนได้หรอก แต่เรื่องหมั้นระหว่างถิงเซิ่งและรั่วยี จำเป็นต้องให้เธอพูด ถ้าไม่เช่นนั้นคงต้องรอหลังจากรั่วยีท้อง…”
ใบหน้าของคุณนายลี่ก็ปรากฏรอยยิ้มไม่ค่อยหน้าดูเท่าไหร่ พร้อมก้มหน้าจิบไวน์แดงในแก้วนั้นช้าๆ “ฉันนั้นพอใจในเด็กรั่วยีคนนั้นเป็นอย่างมาก คนที่จะเข้ามาในบ้านตระกูลลี่ได้นั้น มีเพียงรั่วยีคนเดียวเท่านั้น”
คุณนายสวี่ได้ยินเช่นนี้ ก็วางใจเป็นอย่างมาก
แต่ในใจลึกๆของเธอก็รู้สึกแปลกๆเหมือนกับคุณสวี่ หญิงสาวงามคนเมื่อครู่นั้นดูแล้วช่างคุ้นหูคุ้นตาเสียจริงๆ
แท้ที่จริงแล้วเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนนะ?
…
หลังจากที่ลี่ถิงเซิ่งนั้นโอบเอวสวี่รั่วฉิงออกมาจากงานเลี้ยงราตรีนั้นแล้ว ก็หาที่สงบๆอยู่ คนรับใช้ที่อยู่ข้างๆนั้นเห็นสีหน้า ก็รีบนำกาน้ำร้อนมา เพื่อรินชาแดงลงแก้วให้สวี่รั่วฉิง เสร็จแล้วก็เดินออกไป
มือคู่นั้นของสวี่รั่วฉิงค่อยๆจับแก้วขึ้นมาอย่างอ่อนแรง กลิ่นหอมของชานั้นลอยอบอวลออกมาจากในแก้ว เธอก้มหัวลงดื่ม สีหน้าที่ดูสติหลุดลอยนั้นแทบจะกลับมาเป็นปกติแล้ว
ลี่ถิงเซิ่งเอนตัวพิงกำแพง สายตาลึกซึ้งนั้นมองไปที่หญิงสาวน่ารักตัวเล็กที่นั่งอยู่บนโซฟานั่น
ตั้งแต่ที่สวี่รั่วฉิงมาที่ลี่ซื่อ ร่วมเดินทางออกงานไปกับเขาไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงเล็กๆหรือใหญ่โต
ก่อนที่จะรู้ว่าเธอคือลูกเลี้ยงของตระกูลซู ครั้งแรกที่ลี่ถิงเซิ่งสงสัยสวี่รั่วฉิงเพราะว่าการปฏิบัติตัวและการวางตัวของเธอที่ดูมีสง่าล้ำค่านั้น ไม่ใช่ครอบครัวธรรมดาที่จะปลูกฝังกันได้เช่นนี้
ต้องใช้เงินทองมากมายเพื่ออบรมบ่นเพาะขัดเกลาออกมาให้เป็นความคุ้นชินเช่นนี้
ดังนั้นเธอจึงมีโอกาสพัวพันอยู่ในหลายๆงานเลี้ยง ราวกับปลาได้รับน้ำ
ถึงแม้ว่าจะมีคนกลั่นแกล้ง เธอก็ทำให้มันเป็นเรื่องง่ายๆได้ราวกับรำไทเก๊ก ตอกหน้าคนที่กลั่นแกล้งเธอจนพูดไม่ออก
ลี่ถิงเซิ่งเม้มปาก พร้อมกับมองไปที่สวี่รั่วฉิง
เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นผู้หญิงคนนี้สติหลุด
หลังจากที่สวี่รั่วฉิงดื่มชาแดงในแก้วหมดไปอย่างเงียบๆ วางแก้วเปล่าลงบนโต๊ะ
“ประธานลี่ ขออภัยด้วย วันนี้ทำให้คุณลำบากซะแล้ว” สวี่รั่วฉิงเม้มปากแดงระเรื่อนั้นเบาๆ ลึกๆในใจนั้นคิดถึงคำพูดที่ตัวเองนั้นเสียสติพูดไปเมื่อครู่นี้ สายตานั้นปรากฏความสำนึกผิดขึ้นมาแวบหนึ่ง
ลี่ถิงเซิ่งนั้นควบคุมจิตใจตัวเองได้ดีมากมาตลอด แต่เมื่อครู่ตอนที่เผชิญหน้ากับคุณนายลี่ เนื่องจากคำพูดของสวี่รั่วฉิง เพียงพริบตาเขาก็โดนร่างกายของตัวเองควบคุม ต้องแข็งกร้าวเพื่อพาเธอออกมา เพียงเพราะแค่ต้องปกป้องเธอ
ถ้านี่ไม่ใช่งานเลี้ยงราตรีวันเกิดของคุณนายหลิน เกรงว่าเขาจะคงจะไม่ไว้หน้าคุณนายลี่จนแตกเป็นเสี่ยงๆแน่ๆ
ลี่ถิงเซิ่งนับว่าเป็นผู้ชายที่หยิ่งและอวดดี ปกติแบบนี้คงไม่เอ่ยปากบอกสวี่รั่วฉิง
ใบหน้าหล่อเหลาและฉลาดนั้น ค่อยๆปรากฏรอยยิ้มแบบฝืนๆไม่รู้จะทำเช่นไร ยื่นมือไปจะหยิบบุหรี่ออกมาอย่างเคยชิน แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าผู้หญิงไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ สุดท้ายจึงทำได้เพียงปล่อยมือลงเช่นเดิม
ปากเรียวบางของลี่ถิงเซิ่งนั้นค่อยๆเอ่ยพูด “เธอรู้จักคนตระกูลสวี่”
เขาใช้น้ำเสียงที่มั่นใจ และไม่ใช่การถาม
สวี่รั่วฉิงเงยหน้าขึ้น สบตากับนัยน์ตาดำขลับของลี่ถิงเซิ่ง
สายตาของเขานั้นสงบนิ่งเป็นอย่างมาก แต่ก็ทำให้เชื่อใจได้
เหมือนกับว่าเพียงแค่เธอพูดออกมา เขาก็เต็มใจจะเชื่อทั้งหมด
สวี่รั่วฉิงไม่รู้จะพูดอธิบายอย่างไร เธอไม่สามารถบอกเรื่องที่เธอต้องการจะแก้แค้นสวี่รั่วยีและตระกูลสวี่กับลี่ถิงเซิ่งได้ เมื่อคิดได้เช่นนี้ ปากก็ตอบรับความทุกข์ของจิตใจที่ท่วมท้นไปด้วยความขมขื่น
ความรู้สึกนั้นรุนแรงจนเธอไม่สามารถเก็บกดความรู้สึกได้อีกต่อไป
ถึงขนาดที่จู่ๆเธอก็รู้สึกกลัวขึ้นมา
ถ้าลี่ถิงเซิ่งรู้ว่าเธอหลอกใช้ประโยชน์จากเขาแล้วจะทำยังไง?
ตอนเธอเริ่มเข้าใกล้ลี่ถิงเซิ่งนั้นเพราะว่าเธอต้องการจะใช้ประโยชน์จากเขา
แม้ว่าตอนนี้เธอจะไม่ได้ต้องการจะปิดบังความจริงในใจตัวเอง แล้วใช้ประโยชน์ต่อไป แต่ด้วยวิธีการติดต่อคนในสังคมของลี่ถิงเซิ่งและลักษณะนิสัยของเขานั้น มันทำให้เธอพบว่าเธอเข้าใกล้เป้าหมายของเธอแล้ว
สวี่รั่วฉิงไม่เคยกล้าคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ลี่ถิงเซิ่งมองลึกลงในตาของสวี่รั่วฉิง ปากบางนั้นค่อยๆพูดขึ้น “เธอไม่อยากพูดก็ไม่ต้องบอกฉัน”
ในใจลึกๆของสวี่รั่วฉิงนั้นเจ็บปวดเล็กน้อย แต่ใบหน้านั้นยังคงควบคุมให้ดูสุขุมต่อไปเช่นเดิม “ขอบคุณนะคะ”
ลี่ถิงเซิ่งมองเข้าเข้าไปในความรู้สึกลึกซึ้งที่แสดงออกจากแววตาคู่นั้นของสวี่รั่วฉิง
แววตาของเขานั้นตรงไปตรงมาและร้อนแรงเกินไป ดูสวี่รั่วฉิงที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ เธอคิดที่จะพูดอะไรสักอย่างเพื่อทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดนี้ แต่ด้านข้างนั้นก็มีเสียงผู้ชายที่ค่อนข้างจะคุ้นเคยดังขึ้นมา “พี่ลี่ นี่พี่ก็มาด้วยเหรอเนี่ย”
ลี่ถิงเซิ่งตอบกลับด้วยเสียงนิ่งๆ “อือ”
เขาไม่ได้ตะโกนตอบกลับแบบที่เพื่อนตะโกนเรียกเขา
สวี่รั่วฉิงที่อยู่ต่อหน้าเขา ก็เงยหน้ามองไปทางชายคนนั้น ที่จริงแล้วเป็นชายหนุ่มคนนั้นที่เจอกันที่ถนนใหญ่ชายหาด และเป็นคนเดียวกันกับที่ชวนเธอคุย
ชายหนุ่มคนนั้นเงยหน้าขึ้นมา แล้วเพ่งมองมาที่สวี่รั่วฉิง ก็จำได้ทันทีว่าเป็นผู้หญิงที่เขาชวนคุยในวันนั้น ก็รีบเปลี่ยนมาเป็นท่าทางสุภาพโดยทันที “สวัสดีพี่สะใภ้”
สวี่รั่วฉิง “…” เงียบ
คำพูดก่อกวนจากเพื่อนของลี่ถิงเซิ่งที่เธอโดนเมื่อครู่ตอนนี้หายไปหมดแล้ว
ลี่ถิงเซิ่งไม่ได้ถือสาเพื่อนของเขาที่เรียกสวี่รั่วฉิงเช่นนี้ พร้อมกลับค่อยๆหมุนตัวกลับไป พร้อมมองไปที่เพื่อนของตนแล้วพูดถาม “แกมาได้ยังไง?”
เขาเม้มปากพร้อมพูดเซ็งๆ “โดนที่บ้านบังคับให้มาน่ะสิ”
“อ่อ” แม้น้ำเสียงของลี่ถิงเซิ่งจะไม่ได้รู้สึกว่าทำให้เขาเป็นทุกข์ แต่ประโยคนั้นก็ทำให้เขาไม่รู้จำพูดอะไร “เพราะงั้นแกเลยมาก่อกวนฉันงั้นเหรอ?”
ชายคนนั้นอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา
เขานั้นพบเจอพวกพี่ชายของตัวเองในงานเลี้ยงราตรีนั้นเพียงไม่กี่ครั้ง จึงมาทักทาย ทำไมถึงมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ได้นะ
หรือว่า เมื่อครู่นี้พี่สะใภ้ถูกคนอื่นทำให้ลำบากใจเข้าแล้ว?
หรือว่า แท้จริงแล้วพี่สะใภ้ไม่ใช่คนในแวดวงนั้น จึงโดนคนอื่นทำให้รู้สึกลำบากใจได้ง่าย ยิ่งกว่านั้นพี่ลี่ของเขานั้นไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย นั่นยิ่งดึงดูดความสนใจสายตาของผู้หญิงไม่น้อยเลย
เมื่อคิดได้เช่นนี้ การที่พี่สะใภ้โดนคนในงานเลี้ยงราตรีนั้นรังควาน ก็คงเป็นเรื่องที่ยอมรับได้