สวี่อี้หานและสวี่อี้ฝานจ้องเขม็งไปที่ชุดเดรสที่สวี่รั่วฉิงสวมใส่อยู่ด้วยดวงตากลมโตเช่นเดิม
สวี่รั่วฉิงเอากระเป๋าถือวางไว้บนโต๊ะในห้องรับแขก พร้อมกับเดินเท้าเปล่าไปยังตู้เย็นแช่แข็งที่อยู่ข้างๆโทรทัศน์ พร้อมก้มตัวลงไปหยิบขวดน้ำลูกท้อแช่เย็นออกมา
เธอเปิดฝาขวดออก พร้อมกับก้มลงดื่ม อุณหภูมิในร่างกายเริ่มลดลงบ้างแล้ว
“เป็นอะไรไป? ทำไมมองแม่แบบนี้ล่ะ?” สวี่รั่วฉิงเงยหน้า มองไปที่สายตาประหลาดๆของลูกๆทั้งสองคน ในใจนึกสงสัยเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
สวี่อี้หานและสวี่อี้ฝานสบตาอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดสวี่อี้หานก็อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นถาม “แม่คะ ปากของแม่โดนยุงกัดมาเหรอคะ?”
สวี่รั่วฉิงหายใจออกมาแรง”พรืด” อีกนิดน้ำที่เพิ่งดื่มเข้าไปก็เกือบจะพุ่งพรวดออกมา
โดนยุงกัดเหรอ…ปากของเธอคงไม่ได้โดนลี่ถิงเซิ่งจูบจนบวมหรอกใช่ไหม? สวี่รั่วฉิงรู้สึกลำบากใจ ถ้าลูกของเธอรู้ว่าเธอไปจูบกับคนอื่นมา คงจะอับอายมากแน่ๆ
แต่เธอยังคงพยายามบังคับสีหน้าให้ดูเป็นปกติดังเดิม พร้อมดื่มน้ำลูกท้อต่ออย่างพยายามคุมสติ “ฤดูร้อนยุงเยอะ คงจะโดนยุงกัดจริงๆแหละ เพราะฉะนั้นช่วงนี้พวกลูกๆก็ต้องใช้ยากันยุงฉีดด้วยนะ ป้องกันไม่ให้ยุงกัดนะ รู้ไหม? ยุงน่ะชอบเลือดของเด็กๆอย่างพวกลูกมากเลยแหละ!”
สวี่อี้หานพยักหน้าเหมือนว่าเข้าใจ พร้อมพูดอย่างน่าเอ็นดู “รู้แล้วครับ หม่ามี๊วางใจได้เลย”
แต่สายตาของสวี่อี้ฝานที่มองมาที่สวี่รั่วฉิงนั้นกลับยิ่งจ้องมองอย่างละเอียดเข้าไปอีก
เขานั้นโตกว่าสวี่อี้หานขึ้นมาหน่อย และรู้เรื่องมากกว่าสวี่อี้หานค่อนข้างมาก
ถ้าเป็นยุงจริงๆ ทำไมแม่ถึงดื่มน้ำลูกท้อได้อย่างสบายๆ? จริงๆต้องคันจนทนไม่ไหว ต้องทายาแก้คันแล้ว สวี่อี้ฝานจ้องเขม็งไปที่สวี่รั่วฉิงสักพัก จึงค่อยๆละสายตาออกแล้วกลับไปดูการ์ตูนเช่นเดิม
หรือไม่ซักไซ้แม่คงจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นแผนการที่จะทำให้หม่ามี๊กับแด๊ดดี้คืนดีกันนั้นคงจะยืดเยื้อนานออกไปอีก สวี่อี้ฝานคิดอยู่เงียบๆ
สวี่รั่วฉิงที่โดนสวี่อี้ฝานมองแบบนั้นก็แอบกลัวในใจ สวี่อี้ฝานอายุไม่มากแต่ก็ฉลาดสุดๆ สติปัญญาของเขานั้นราวกับว่าได้รับการถ่ายทอดมาจากลี่ถิงเซิ่งหมดทุกอย่าง
เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อครู่นั้นใจลอยจนคล้ายๆว่ารู้สึกเหมือนลี่ถิงเซิ่งกำลังมองเธออยู่
สวี่รั่วฉิงคิดถึงตรงนี้ ก็ไม่สามารถควบคุมสีหน้าของตัวเองได้อีกต่อไป เธอดื่มน้ำลูกท้อจนหมดอย่างเงียบๆ เธอก็ลุกขึ้นและไปที่ห้องนอนเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าหยิบอุปกรณ์เตรียมอาบน้ำ
เมื่อมาถึงห้องน้ำ สวี่รั่วฉิงก็มองปากที่บวมเป่งของเธอในกระจก แล้วก็เงียบไปชั่วขณะ
ไม่เหมือนรอยยุงกัดแน่เหรอ?
มิน่าล่ะ สวี่อี้ฝานกับสวี่อี้หานถึงมองเธอแบบนั้น!
อำนาจความเป็นแม่ของเธอในบ้านนี้คงไม่เหลือแล้ว น่าขายหน้าจริงๆ!
หลังจากสวี่รั่วฉิงอาบน้ำเสร็จ ก็ประโคมครีมบำรุงผิวลงบนร่างกายจนทั่ว เดินไปห้องรับแขกด้วยผมหมาดๆ ดูการ์ตูนเป็นเพื่อนลูกชายทั้งสองอยู่ครู่หนึ่ง ก็เรียกให้พวกเขารีบเข้านอน พรุ่งนี้เธอต้องประชุมผู้ปกครอง
หลังจากพาลูกๆทั้งสองเข้านอน สวี่รั่วฉิงก็กลับมาที่ห้องนอน เธอเปิดคอมพิวเตอร์พร้อมกับเป่าผมไปด้วยพร้อมจัดการงานอยู่ครู่หนึ่ง
โทรศัพท์มือถือสีดำก็สั่นขึ้นมา เธอปล่อยเมาส์แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เห็นว่าลี่ถิงเซิ่งโทรมา เธอไม่แปลกใจแม้แต่น้อย พร้อมกับกดรับ “ประธานลี่ ดึกขนาดนี้แล้วคงไม่มีงานอะไรหรอกใช่ไหมคะ?”
น้ำเสียงหลังจากอาบน้ำของสวี่รั่วฉิงนั้นแปรเปลี่ยนเป็นนุ่มนวลขึ้นมาเล็กน้อย น้ำลูกท้อที่เธอดื่มไปเมื่อตอนเย็นนั้นมีแอลกอฮอล์อยู่ นั่นยิ่งทำให้น้ำเสียงของเธอนั้นนิ่มนวลอ่อนหวานชวนฟัง
มือที่กำลังถอดเนกไทของลี่ถิงเซิ่งหยุดชะงักลง น้ำเสียงนุ่มนวลของหญิงสาวที่ลอยผ่านมาในโทรศัพท์นั้น ทำให้เขากลืนน้ำลายลงคอ และพูดด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน “ไม่มีงาน”
สวี่รั่วฉิงโดนเขาเย้าแหย่เสียแล้ว
ในโทรศัพท์นั้นนอกจากเสียงหายของลี่ถิงเซิ่งแล้ว ก็คล้ายกับว่ามีเสียงของหลี่อานด้วย “ประธานลี่ ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วค่ะ”
สวี่รั่วฉิงยิ้มออกมา “ประธานลี่ ฉันได้ยินเสียงหลี่อานแล้ว ดูเหมือนว่าพวกคุณยังมีเรื่องที่ต้องพูดคุยกันอยู่นะ?”
ลี่ถิงเซิ่งเหลือบมองไปทางหลี่อาน พร้อมเม้มปาก “อือ” พร้อมตอบออกมานิ่งๆ “พักผ่อนเถอะ”
หลังจากเขาวางสายไป ก็หันไปถามหลี่อาน “เขาจะกลับมาเมืองหลินชวนตอนไหน?”
“อีกไม่กี่วันนี้ จะเป็นงานวันเกิดของคุณผู้หญิงตระกูลฉินดังนั้นก็คงใกล้จะกลับมาแล้ว” หลี่อานเปิดดูแฟ้มเอกสาร กวาดตามองแล้วก็พูดรายงานต่อ “ไม่กี่ปีมานี้ฉินซวี่ถูกท่านปู่ของตระกูลฉินส่งตัวให้ไปฝึกประสบการณ์ที่นอกประเทศ รับผิดชอบพวกโครงการต่างๆในต่างประเทศของตระกูลฉินการกลับมาครั้งนี้ เกรงว่าจะเป็นความตั้งใจของท่านปู่ฉิน เดาว่าคงจะวางแผนให้เขานั้นรับช่วงต่อของตระกูลฉินอย่างเป็นทางการ”
ลี่ถิงเซิ่งขมวดคิ้วนิ่ง ส่งสัญญาณให้หลี่อานพูดต่อ
“เขากับแอนนาไม่ได้ติดต่ออะไรกัน เพียงแค่เคยเจอหน้าแอนนาเมื่อสองปีก่อน” หลังจากหลี่อานพูดจบ ก็มองไปทางลี่ถิงเซิ่ง “ประธานลี่ นี่เป็นเรื่องราวของฉินซวี่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา”
ลี่ถิงเซิ่งไม่ได้ถามอะไรตามมา เขายกมือขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณบอกให้หลี่อานออกไปได้แล้ว
พ่อบ้านรับสูทที่ลี่ถิงเซิ่งส่งให้ไป พร้อมก้มหัวให้อย่าสุภาพ “คุณชายครับ เมื่อครู่คุณผู้หญิงโทรมาหา ให้คุณผู้ชายโทรกลับด้วยครับ”
คิ้วเรียวสวยของลี่ถิงเซิ่งขมวดแน่นอีกครั้ง นัยน์ตาดำขลับคู่นั้นปรากฏเห็นว่ากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
เขาเม้มปากแล้วพูดออกมานิ่งๆ “รู้แล้ว”
พูดจบ เขาก็เดินขึ้นบันไดตรงไปยังห้องของตัวเองทันที
หลังจากนั้นสักพัก เสียงน้ำไหลเป็นสายๆก็ดังขึ้นมาจากห้องน้ำในห้องนั้น
…
วันรุ่งขึ้น สวี่รั่วฉิงก็นอนหลับอย่างขี้เกียจแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เมื่อวานเธอเหนื่อยมาก หลังจากวางสายลี่ถิงเซิ่งแล้ว ก็หยิบเอาแล็บท๊อปขึ้นมาทำงานบนเตียง หลังจากนั้นไม่นานก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว
รู้ตัวอีกทีก็เช้าแล้ว
สวี่รั่วฉิงลืมตาอย่างยากลำบาก พร้อมควานหาโทรศัพท์มือถือที่อยู่ข้างเตียง หยิบขึ้นมาดู ใกล้จะสิบโมงแล้ว ก็รีบร้อนลุกขึ้นจากเตียงแล้วตรงไปยังห้องน้ำทันที
เธอใช้เวลาในห้องน้ำค่อนข้างนาน เมื่อออกมา สายตาแห่งความง่วงนั้นก็เลือนหายไปเยอะแล้ว
เมื่อถึงห้องครัว เธอเปิดตู้เย็น หลับตาลงพร้อมกับสุ่มหยิบขวดเครื่องดื่มขึ้นมา แล้วดื่มไปนิดหน่อย
ปกติสวี่รั่วฉิงมักจะทำเป็นขรึมและเย็นชา แต่เวลานี้นั้นเหลือไว้เพียงแค่ความเกียจคร้าน เธอยืนพิงตู้เย็นในห้องครัว พร้อมดื่มเครื่องดื่มอย่างตามอำเภอใจ ชุดนอนที่สวมใส่อยู่นั้นค่อนข้างบาง
เธอนั้นอยากผ่อนคลายเสียหน่อย และตอนที่กำลังตัดสินใจจะกดสั่งอาหารกลางวันมาทาน โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้นมา
สวี่รั่วฉิงก็เริ่มมีพลังเริ่มตื่นตัวขึ้นมา
วันนี้เป็นวันประชุมผู้ปกครองของลูกชายสองคน เธอรับปากแล้วว่าจะต้องไปให้ได้ ถึงแม้ว่าบริษัทจะมีงานแต่เธอก็ลาไว้แล้ว
หลังจากเห็นว่าเป็นชื่อของซูจิ่วเอ๋อร์ปรากฏขึ้น สวี่รั่วฉิงก็รู้สึกเหมือนใจตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มขึ้นมา
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ในใจเธอนั้นรู้สึกโหวงเหวง
สวี่รั่วฉิงส่ายหน้า เอาความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นในใจโยนทิ้งออกจากหัวไป แล้วรับโทรศัพท์
ฝั่งซูจิ่วเอ๋อร์นั้นเสียงดังจอแจ สวี่รั่วฉิงได้ยินไม่ค่อยชัดเจน “รั่วฉิง เรื่องของป้าหวังฉันให้คนไปสอบถามมาให้แล้วนะ ได้ยินว่าที่อิตาลีมีนักปรุงน้ำหอมที่น่ากลัวอยู่ท่านหนึ่ง เคยเจอนักปรุงน้ำหอมระดับนานาชาติคนนั้นมาก่อน และเป็นนักปรุงน้ำหอมของป้าหวังที่พวกเราสงสัยด้วย”
เสียงลมหายใจของสวี่รั่วฉิงนั้นเริ่มไม่ค่อยสม่ำเสมอ
เธอมีลางสังหรณ์ใจบางอย่าง บางทีครั้งนี้ เธออาจจะหาเบาะแสที่เกี่ยวข้องกับป้าหวังเจอ