สวี่รั่วฉิงเคลิบเคลิ้มกับจูบนั้น รถเก๋งสีดำนั้นขับออกไปอย่างรวดเร็วจากข้างรถของพวกเขา เธอยังคงไม่รู้สึกตัว ขนตาเรียวยาวนั้นสั่นเทาเล็กน้อยพร้อมจูบตอบกลับเขาอย่างเงอะงะ
เหมือนกับว่าลี่ถิงเซิ่งนั้นรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง นัยน์ตาลึกซึ้งสีดำนั้นเปิดขึ้นทันที สายตาเฉียบแหลมนั้นมองไปที่รถเก๋งคันนั้นที่วิ่งออกไปอยู่ไกลๆ
บนรถเก๋งสีดำนั้น ฉินซวี่นั้นหลบสายตาลง พร้อมสายตาค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น
เขาหยิบมือถือขึ้นมา เสียงพูดนั้นไม่อ่อนโยนเหมือนก่อนหน้านี้ “จัดทำข้อมูลของธุรกิจเกิดใหม่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีความเกี่ยวข้องกับลี่ซื่อกรุ๊ปในช่วงไม่กี่ปีมานี้ทำมาเป็นเล่มแล้วส่งมาให้ฉันทันที แล้วก็ ฉันต้องการรู้เรื่องราวทุกอย่างที่แอนนาพบเจอที่เมืองหลินชวน ระหว่างเธอและคนของตระกูลสวี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น รีบตรวจสอบให้ชัดเจนทันที”
“ครับ ประธานฉิน”
หลังจากฉินซวี่สั่งเสร็จ ก็โยนโทรศัพท์ทิ้งไปทางที่นั่งข้างๆ สองมือทุบตีพวงมาลัย พร้อมเหยียบคันเร่ง เพื่อเร่งความเร็วขึ้นสะพาน
รถของลี่ถิงเซิ่ง โดยปกติแล้วเป็นกระจกที่สามารถมองเห็นจากทางด้านในได้เพียงทางเดียว เขานั้นมองเห็นไม่ค่อยชัดว่าข้างในรถนั้นเกิดอะไรขึ้น
แต่เขานั้นคิดถึงเพียงแต่สิ่งที่เขาไม่รู้ เธอและลี่ถิงเซิ่งนั้นอาจจะจูบกัน หรืออาจจะโอบกอดกัน ฉินซวี่หัวร้อนจนอยู่ไม่เป็นสุขไม่สามารถเก็บกดความรู้สึกตัวเองได้
ในงานเลี้ยงราตรีวันนี้ ตอนที่เขายั่วยุลี่ถิงเซิ่ง คนที่สวี่รั่วฉิงมุ่งไปหานั้นคือลี่ถิงเซิ่ง ไม่ใช่เขา
ฉินซวี่ยิ้มหัวเราะเยาะตัวเอง รู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างชัดเจน
ในใจของเขานั้นก็ปรากฏความเก็บกดและความเศร้าขึ้นมา
…
ค่ำคืนฤดูร้อนของเหมืองหลินชวน อากาศนั้นอบอวลไปด้วยความร้อนอบอ้าว เมื่อสวี่รั่วฉิงลงจากรถ ก็ได้รับคลื่นความร้อนที่ค่อยๆเข้ากระทบบนใบหน้าในทันที
อุณหภูมิในรถต่ำมาก แต่ทันทีที่ลงรถก็รู้สึกไม่เคยชิน ลึกๆในใจของสวี่รั่วฉิงนั้นคิด แล้วไอออกมาเบาๆ “ประธานลี่ ส่งฉันตรงนี้ก็พอแล้ว!”
เมื่อคิดถึงจูบบนรถเมื่อครู่นี้ อุณหภูมิบนใบหน้าสวี่รั่วฉิงนั้นพุ่งขึ้นสูงยิ่งกว่าคลื่นความร้อนของฤดูร้อนเสียอีก
สายตาสงบนิ่งของลี่ถิงเซิ่งนั้นจ้องมองมาที่เธออย่างละเอียด ลิปสติกบนริมฝีปากของเธอนั้นถูกกินไปจนหมดแล้ว ตลอดทั้งทางเธอไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว หน้านั้นแดงราวกับดื่มเหล้าจนเมา
อยู่ๆเขาก็อารมณ์ดีขึ้นมา ผู้หญิงนั้นก็เปรียบเหมือนต้นกระบองเพชร ทั้งตัวนั้นเต็มไปด้วยหนามแหลม ชนเบาๆก็สามารถทิ่มแทงมือ ตอนที่ร่วมจูบกันทั้งตัวเขานั้นก็เหมือนโดนทิ่มแทง บนตัวของเขานั้นมีรอยเล็บของเธอที่จิกทิ้งไว้
ลี่ถิงเซิ่งนั้นยิ้มขึ้นมาอย่างมีความหมายลึกซึ้ง นัยน์ตาดำขลับของเขานั้นจ้องไปที่สวี่รั่วฉิงอย่างละเอียด เธอจ้องเขม็งไปที่เขา หูก็เริ่มแดงขึ้นมาอ่อนๆ “ประธานลี่ ถ้าหากว่าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”
ฝ่ามือของสวี่รั่วฉิงที่จับกุมกระเป๋าอยู่นั้น เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ไม่รู้ว่าเพราะอากาศหรือสาเหตุอะไร
เธอออกมาจากรถ ยืนอยู่ข้างนอกนั้นอยู่พักหนึ่ง และเริ่มรู้สึกว่าชุดนั้นเริ่มแนบรัดไปกับตัวเหลือเกิน
ร้อนเกินไปแล้ว ใจเธอนั้นไม่คิดที่จะอยู่ตรงนี้อีกต่อไป
สายตามที่ลี่ถิงเซิ่งมองสวี่รั่วฉิง นั้นเต็มไปด้วยความตลก เขาฉีกยิ้มเบาๆ “เธอกับคนตระกูลสวี่มีเรื่องบาดหมางกัน”
สวี่รั่วฉิงได้ยินคำนี้ สีหน้าท่าทางที่ร้อนเมื่อครู่นี้ก็เริ่มเย็นขึ้นมาบ้างแล้ว
เธอเงยหน้ามองลี่ถิงเซิ่ง แสดงออกถึงความลังเลเล็กน้อย
ลี่ถิงเซิ่งยังไม่รู้ ว่าประโยคเมื่อครู่ของเขาทำให้ในใจของสวี่รั่วฉิงนั้นเกิดความขัดแย้งขึ้นมา
เขาเพียงแค่จ้องมองสวี่รั่วฉิง อยากจะดูว่าอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงที่แสดงออกบนใบหน้าเธอนั้นมีอะไร
สวี่รั่วฉิงถอนหายใจออกมา เธอพยายามระงับอารมณ์และคำพูดไม่ให้ดูเกร็ง “ประธานลี่ ฉันกับคนตระกูลสวี่มีเรื่องบาดหมางกัน”
แววตาประกายของเธอนั้นมองลี่ถิงเซิ่งอย่างจริงจัง
ไม่อยากหลอกเขาอีกต่อไปแล้ว แต่ก็ไม่สามารถบอกความจริงทุกอย่างออกมาได้ สวี่รั่วฉิงรู้สึกได้ชัดเจนทุกอย่าง หลังของเธอนั้นเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น
ถ้าเธอหันหลังกลับตอนนี้ ลี่ถิงเซิ่งต้องรู้แน่ว่าเธอนั้นกังวลขนาดไหน
สวี่รั่วฉิงพยายามควบคุมหน้าตัวเองให้ดูสุขุมต่อไป พร้อมกัดฟันพูด “แต่ตอนนี้ฉันไม่สามารถบอกคุณได้ ระหว่างพวกเราเกิดเรื่องอะไรขึ้น ถ้าหากวันหนึ่ง เรื่องที่ฉันคิดจะทำนั้นสำเร็จหมดแล้ว…”
เธอเม้มปากแน่น ลำบากใจที่จะพูด “ฉันจะบอกทั้งหมดทุกอย่างกับคุณ”
ลี่ถิงเซิ่งขมวดคิ้วมองไปที่สวี่รั่วฉิง
สวี่รั่วฉิงรู้สึกกังวลเล็กน้อย ในใจเธอรู้ดีถ้าลี่ถิงเซิ่งคิดจะตรวจสอบเธอขึ้นมาจริงๆแล้ว เพียงแค่ใช้กำลังนิดหน่อยก็สามารถที่จะขุดค้นเรื่องราวบุญคุณความแค้นในอดีตระหว่างเธอและตระกูลสวี่ได้แล้ว
ขุดค้นเรื่องราวบุญคุณความแค้นของเธอและตระกูลสวี่เธอไม่กลัว แต่เธอกลัวลี่ถิงเซิ่งนั้นจะรู้ว่าจุดประสงค์ที่เธอมาพัวพันกับเขานั้นก็เพราะตระกูลสวี่
เมื่อสวี่รั่วฉิงคิดถึงตรงนี้ ความกระวนกระวายในใจเธอก็ค่อยๆมากขึ้นมากขึ้น
ลี่ถิงเซิ่งนั่งกอดอก พิงตัวกับรถอยู่เช่นนั้นอยู่เนิ่นนาน จากนั้นเขาก็ค่อยๆพูดขึ้น “แล้วแต่เธอ”
ใจที่แขวนอยู่ของสวี่รั่วฉิงในที่สุดก็ร่วงลงมา
ตอนนี้ขาของเธอสั่นไปหมด
ลี่ถิงเซิ่งที่เงียบไม่พูดไม่จาเมื่อครู่นั้นอึดอัดเกินไป จนทำให้เธอถึงขนาดที่แทบจะหายใจไม่ออก
ลี่ถิงเซิ่งเดินขึ้นมาข้างหน้าเพียงไม่กี่ก้าว พร้อมเหลือบตาลง ท่าทางของเขานั้นเปลี่ยนเป็นขรึมเล็กน้อย ไฟทางเดินตรงหน้าประตูคอนโดนั้นสาดส่องมาที่ใบหน้าเขา ทำให้ความกดดันนั้นยิ่งแสดงออกชัดผ่านใบหน้าหล่อเหลานั่น
เขาขยับเล็กน้อย ยื่นมือมาจิ้มหน้าผากของสวี่รั่วฉิงอย่างแรง
สวี่รั่วฉิงปิดหน้าผากของเธอที่กำลังเริ่มแดง พร้อมพูดออกมาเบาๆ “ประธานลี่ ฉันกวนโมโหคุณตอนไหนกัน”
“กวนโมโหฉันทุกที่เลย” ลี่ถิงเซิ่งพูดอย่างไม่สบอารมณ์ เธอไม่ยอมที่จะบอกความลับเกี่ยวกับตัวเธอให้เขารู้ เรื่องนี้มันทำให้วันนี้เขานั้นอารมณ์ไม่ค่อยดี
เธอนั้นยังไม่ได้เปิดกว้างให้เขาเข้าไปในหัวใจเธอได้อย่างเต็มที่
ถ้าเธอมีอะไรที่อยากจะรู้ เขาก็สามารถบอกเธอได้หมดทุกเรื่อง แต่แล้วเธอล่ะ?
ลี่ถิงเซิ่งคิดมาถึงตรงนี้ ความหงุดหงิดที่สุมอกก็ยิ่งมากขึ้น นัยน์ตาดำขลับนั้นเหลือบมองลง ลักษณะท่าทางและสีหน้าความกังวลของสวี่รั่วฉิงนั้นสะท้อนเข้ามาในตาเขา
ดูเหมือนกับว่าเธอกำลังกลัวเขาอยู่เล็กน้อย
ลี่ถิงเซิ่งนั้นมีนิสัยหยิ่งยโสและอวดดี ตลอดมาไม่เคยอดทนกับอะไรได้เลย แต่ตอนนี้ เพียงเพราะแค่สีหน้าท่าทางของสวี่รั่วฉิง เขาจึงเก็บกดอารมณ์ขุ่นมัวไว้ในใจ และเปลี่ยนคำพูด “พักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ให้เธอหยุดหนึ่งวันแล้วกัน”
สายตาคลุมเครือของสวี่รั่วฉิงเปล่งประกายภายใต้แสงไฟข้างทางที่สาดส่องนั้น
ลี่ถิงเซิ่งมองตามหลังเธอที่ค่อยๆหายเข้าไปในคอนโดตึกใหญ่นั้น
เขาพิงเข้าที่รถสปอร์ตของตัวเอง พร้อมสูบบุหรี่อย่างเงียบๆตรงนั้น
หลังสูบเสร็จ เขาก็โยนก้นบุหรี่ทิ้งลงไปในถังขยะที่อยู่ข้างๆนั้น พร้อมเปิดประตูขึ้นรถไป
หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา พร้อมกับรีบกดโทรศัพท์ดูรายชื่อผู้ติดต่อ
แอนนาเพียงสองคำนี้ เพราะขึ้นต้นด้วยA ดังนั้นจึงขึ้นเป็นรายชื่อผู้ติดต่อคนแรกในโทรศัพท์มือถือเขา
สายตาที่ลึกล้ำนั้นเปลี่ยนเป็นลึกลับขึ้นมาเล็กน้อย เขามองอยู่สักพักก็หาชื่อของหลี่อานเจอ พร้อมส่งข้อความไป “ค้นหาฉินซวี่”
หนึ่งนาทีหลังจากนั้น หลี่อานก็ส่งข้อความสั้นๆตอบกลับมา “โอเค”
…
สวี่รั่วฉิงกลับมาถึงคอนโด เธอที่เกร็งหลังมาตลอดนั้นในที่สุดก็ผ่อนคลายลงสักที
ไฟตรงปากทางเข้านั้นยังคงสว่างอยู่ เธอก้มตัวลงเพื่อถอดรองเท้าส้นสูงที่สวมอยู่ พร้อมเดินเท้าเปล่าเข้าไปในห้องรับแขก
ตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อนแล้ว สี่ทุ่มกว่าสวี่อี้หานและสวี่อี้ฝานยังคงดูการ์ตูนอยู่ พวกเขาเห็นสวี่รั่วฉิงกลับมาก็หันหน้ามาหาพร้อมกัน พร้อมตะโกนบอก “ยินดีต้อนรับคุณแม่กลับมา” จากนั้นก็เงียบไปเช่นเดิม