อุณภูมิของฝ่ามือลวกจนเอวของเธอสั่นเล็กน้อย
หน้าบ้านของตระกูลหลินเหมือนไม่มีคนอะไรอยู่ ถึงการประดับตกแต่งของรอบๆดูดีมีระดับ แต่ไม่มีคนสังเกตเห็นทางนี้อีกเช่นเคย
สวี่รั่วฉิงดูเหมือนจะใจกล้า แต่แท้จริงแล้วเป็นคนประเภทที่หยอดเสร็จก็อยากจะวิ่งหนีแบบนั้น
เหมือนคำเรียกติดปากว่ารับผิดชอบแค่จุดไฟ ไม่รับผิดชิบดับไฟ
ถ้าให้เธอรับผิดชอบจริงๆ เธอก็จะเริ่มแกล้งโง่แล้ว
สวี่รั่วฉิงอยู่ในอ้อมอกของลี่ถิงเซิ่งค่อนข้างว้าวุ่น นี่อยู่หน้าบ้านของตระกูลหลินเชียวนะ บอสของฉันทำอะไรเนี่ย คงจะไม่ใจกล้าถึงชั้นจูบฉันอยู่ที่นี่จริงๆมั้ง?
สวี่รั่วฉิงตื่นตัวขึ้นมาในพริบตา บวกกับใจเต้นแรงมาก
จู่ๆเธอรู้สึกเสียใจภายหลังกับการกลั่นแกล้งของเมื่อกี๊
ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าลี่ถิงเซิ่งคือหมาป่าที่ล่าเหยื่อ ไม่ปล่อยเหยื่อที่จ้องเขมือบไปง่ายๆ ทำไมเธอดันยังจะลองไปแหย่เขาล่ะ?
นี่ไม่ใช่รนหาที่เองเหรอ?
ความร้อนที่มาอย่างกะทันหัน ทำให้สวี่รั่วฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ยังไม่รอให้เธอได้พูดอะไร ก็ได้ยินเสียงของลี่ถิงเซิ่งก้องมาจากข้างหูเธอแล้ว
ลมหายใจที่แฝงด้วยความเร่าร้อน เสียงของเขาเซ็กซี่และทุ้มต่ำ:“คุณรู้ได้ยังไงว่าผมไม่กล้า?”
สมองของสวี่รั่วฉิงตื่นตัวขึ้นมาทันที
ภายใต้แสงไฟที่มืดสลัว เธอแค่รู้สึกได้ว่าอุณภูมิที่มาจากร่างกายของผู้ชายที่อยู่ด้านหลัง และมือคู่ที่กอดช่วงเอวเธอไว้แน่น
ฝีมือชำนาญเกิ๊น แค่มือข้างเดียวก็ล็อคเธอไว้ในอ้อมอกเขา
ตอนที่สวี่รั่วฉิงมองไม่เห็น นัยน์ตาดำเข้มของผู้ชายที่อยู่ข้างหลังจ้องมองที่ลำคอขาวผ่องของเธอ
ริมฝีปากเขายังมีคราบลิปสติกของเธอหลงเหลืออยู่
ตอนที่สวี่รั่วฉิงนึกถึงฉากสวยงามต่างๆที่ทั้งคู่เคยมีกันในห้อง ก็อดกลัวไม่ได้
เธออยากหลบท้ายทอยที่ถูกลี่ถิงเซิ่งกระตุ้นจนขนลุกซู่ ลี่ถิงเซิ่งกลับเอาศีรษะมุดมาที่ซอกคอเธอ
จากนั้น ริมฝีปากเร่าร้อนที่มีคราบลิปสติกของเธอติดอยู่ คอยสัมผัสผิวพรรณขาวผ่องเนียนนุ่มของท้ายทอยเธอ
อ้าปากเล็กน้อย จากนั้นก็ตามมาด้วยกัดคำนึง เหมือนคอยกัดกินยังไงอย่างงั้น
สวี่รั่วฉิงแอบด่าในใจว่า “แม่ง คุณนี่เกิดปีจอรึไง” แต่ยังคงมีความรู้สึกชาๆเสียวๆที่เธอบอกไม่ถูกอีกเช่นเคย เริ่มลุกลามจากท้ายทอยที่เธอถูกกัดไปยังทั่วร่างกาย
ทำให้เธออดตัวสั่นไม่ได้
สวี่รั่วฉิงได้พูดหลุดปาก กรี๊ดเสียงต่ำออกมาคำนึง “อ๊า—คุณ……”
ตามมาด้วยยกมือขึ้นเตรียมจะขัดขวางลี่ถิงเซิ่ง กลับถูกผู้ชายกุมข้อมือเรียวสวยของเธอไว้เบาๆ จากนั้นได้พลิกตัวทับข้อมือเธอไว้บนผนังอย่างง่ายดาย
เสียงหัวเราะของลี่ถิงเซิ่งเบามาก เหมือนกำลังหัวเราะท่าทางของสวี่รั่วฉิง
แท้จริงแล้วไม่ได้ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บใดๆเลย
ริมฝีปากที่แฝงด้วยอุณภูมิที่เร่าร้อน ได้จฃเคลื่อนย้ายจากคอมาหล่นอยู่ที่ริมฝีปากของเธอ
สวี่รั่วฉิงถึงขั้นไม่กล้าขัดขืน เธอไม่มีอารมณ์และความชอบที่ให้คนอื่นมาชมฉากจู๋จี๋ของเธอหรอกนะ
เธอได้แต่ใช้เล็บข่วนแผ่นหลังของผู้ชายทีนึง แต่มีเสื้อสูทกั้นเอาไว้ กลับเหมือนกำลังจั๊กจี้เขายังไงอย่างงั้น
ผู้ชายที่อยู่บนตัวเธอได้ดันริมฝีปากเธอออกด้วยความแข็งกร้าว ถือโอกาสจับมือของเธอไว้ ให้เธอหนีไปไม่ได้
ไม่นาน สวี่รั่วฉิงก็รู้สึกว่าออกซิเจนในปอดตัวเองไม่พอเลยด้วยซ้ำ ได้แต่จับเสื้อสูทของผู้ชายไว้แน่น
ไม่รู้จูบไปนานเท่าไหร่ ตอนที่สวี่รั่วฉิงรู้สึกขาตัวเองอ่อนแรง ในที่สุดลี่ถิงเซิ่งถึงปล่อยเธอ
สวี่รั่วฉิงค่อนข้างมึน
ต่อไปเธอไม่กล้าหยอดลี่ถิงเซิ่งไปมั่วอีกแล้ว ไม่งั้นคนที่เสียเปรียบก็คือตัวเธอเอง
สวี่รั่วฉิงค่อนข้างรับไม่ไหว คอยซบอยู่ในอ้อมอกของลี่ถิงเซิ่งเงียบๆ ไม่อยากขยับตัวเลย
เธอใช้แรงเงยหน้าขึ้นมามองลี่ถิงเซิ่งแว๊บนึง ภายใต้แสงไฟสลัว ริมฝีปากของลี่ถิงเซิ่งมีลิปสติกของเธออยู่
สวี่รั่วฉิงลุกขึ้นอย่างกินแรง และมองหน้าเขาอย่างไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง:“ประธานลี่ คุณกินลิปสติกของฉันไปจนเกลี้ยงแล้ว”
ที่สวี่รั่วฉิงพูดเป็นความจริง
ตอนนี้เธอไม่ต้องส่องกระจกก็รู้ว่าริมฝีปากตัวเองมีสภาพแบบไหน
ลี่ถิงเซิ่ง“อืม”ด้วยเสียงทุ้มต่ำคำนึง ก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีกเลย
สวี่รั่วฉิงก้มหน้าลง หลังจากเงียบกริบไปสักพัก ได้หยิบลิปสติกจากกระเป๋าคลัชของตัวเองออกมาเติมลิปหน่อย
จากนั้นเธอได้จ้องลี่ถิงเซิ่งทีนึง:“ประธานลี่ คราวหน้าก่อนที่คุณจะจูบฉันอย่าลืมส่งเสียงก่อน ปุ่มควบคุมตัวเองของฉันทำงานได้ดีอยู่……ไม่มีทางที่จะหยุดไม่ได้หรอก แต่คุณไม่เหมือนกัน พอเริ่มขึ้นปุ๊บ ก็ไม่รู้จะจบเมื่อไหร่เลย”
เมื่อกี๊เธอตกใจแทบแย่
กลัวจะมีคนมาพบเห็น
ถ้ามีคนมาพบเห็น พาดหัวข่าวของพรุ่งนี้จะต้องเป็นเขาสองคนแน่นอน
สวี่รั่วฉิงก้มหน้าไว้ หลังจากที่เงียบกริบไปอีกพักนึง ก็ได้เงยหน้าและหยิบทิชชู่เปียกออกมา และยื่นมือเช็ดลิปสติกที่ติดอยู่ริมฝีปากของลี่ถิงเซิ่งทิ้งเบาๆ เสร็จแล้วได้โยนทิชชู่เปียกลงถังขยะ
ลี่ถิงเซิ่งกำลังติดกระดุมเสื้อสูทตัวเองอยู่
เมื่อกี๊ตอนจูบกัน มือของสวี่รั่วฉิงอยู่ไม่เป็นสุข ถึงขั้นได้ปลดกระดุมของเขาออกไปหลายเม็ดเลย
แววตาลึกๆที่ยังมีความเร่าร้อนและความปรารถนาของลี่ถิงเซิ่ง มีความหมายลึกซึ้งแอบแฝงอยู่
เขามองสวี่รั่วฉิงแว๊บนึง และพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ:“ถ้ารู้ก็อย่ายุแหย่ผมในที่แบบนี้”
หลังจากที่เขาจ้องมองไปอยู่ครู่นึง นิ้วมือได้ถูไถติ่งหูนิ่มนวลของสวี่รั่วฉิงทีนึง:“พักผ่อนเสร็จหรือยัง?”
สวี่รั่วฉิงเหนื่อยนิดหน่อย จึงได้พักผ่อนไปอีกสักพัก ถึงได้ไปจากที่นี่พร้อมกับลี่ถิงเซิ่ง
……
งานเลี้ยงราตรีที่เหลืองอร่าม หรูหราอลังการงานสร้าง
ในห้องที่เสียงดัง ชายหญิงที่ใส่ชุดราตรีที่สั่งตัดพิเศษต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กัน ดูเหมือนไม่มีคนสังเกตเห็นการกลับมาอีกครั้งของลี่ถิงเซิ่งกับสวี่รั่วฉิง
พ่อบ้านคนนึงเดินมาที่ข้างกายของทั้งคู่อย่างมีมารยาท ในมือถือถาดไว้ ในถาดมีDry red wineชั้นเลิศวางอยู่
“คุณชายลี่ครับ คุณนายลี่ฝากผมมาบอกว่า ท่านอยากให้คุณชายไปเจอคนของตระกูลสวี่กับท่านครับ”
ลี่ถิงเซิ่งขมวดคิ้ว ค่อยๆเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปทางแม่ที่อยู่ไม่ไกล
มือของคุณนายลี่ชูแก้วไวน์ไว้ ได้ส่งซิกมาหาเขาเล็กน้อย
บรรยากาศเงียบไปสิบวินาที
ในแววตาของลี่ถิงเซิ่งมีความเย็นชาแวบวับอยู่ชั้นนึง
เขามองคุณนายลี่ที่อยู่ไม่ไกล รักษาลักษณะท่าทีที่เงียบกริบ
สีหน้าของสวี่รั่วฉิงไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร
ใบหน้าที่เติมเครื่องสำอางเสร็จ ดูจืดชืดและห่างเหิน
พ่อบ้านรู้สึกออร่าของทั้งคู่ทำให้เขาค่อนข้างกลัว
พ่อบ้านไม่กล้าอยู่ที่นี่ต่ออีก จึงได้หาข้ออ้างว่า:“คุณชายลี่ครับ ในเมื่อคำพูดของคุณนายลี่ได้ฝากมาถึงเรียบร้อยแล้ว งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
ลี่ถิงเซิ่งได้หลับตาเบาๆทีนึง เหมือนกำลังอดทนกับความไม่พอใจอยู่
สวี่รั่วฉิงมองลี่ถิงเซิ่งแล้วอดขมวดคิ้วไม่ได้
น้ำเสียงของเธอค่อนข้างเรียบเฉย:“ประธานลี่ จุดประสงค์ที่คุณพาฉันมาในวันนี้ ก็เพื่อสิ่งนี้ไม่ใช่เหรอคะ?”
ระหว่างที่สวี่รั่วฉิงพูด สายตาได้มองโคมไฟกระจกสีที่เหลืองอร่ามงามตาของในงานเลี้ยง ในใจเยาะเย้ยตัวเองเล็กน้อย
ตอนที่ลี่ถิงเซิ่งยื่นเอกสารมสให้เธอ เธอได้มองไปหลายครั้ง ถึงพอเข้าใจคร่าวๆว่าในใจเขาคิดยังไง
ในตระกูลไฮโซ ถ้าอยากจะปฏิเสธงานแต่งเชื่อมสายสัมพันธ์ วิธีที่ดีที่สุดก็คือไปคบกับผู้หญิงคนอื่น
สวี่รั่วฉิงคิดถึงตรงนี้ก็ได้เม้มปาก แล้วหันไปมองลี่ถิงเซิ่งแว๊บนึง
ปฏิเสธไม่ได้ว่า เขาเป็นผู้ชายที่ดูดีจนทำให้เธอหวั่นไหวและหลงใหลจริงๆ