บทที่ 1292 ฝ่าฟันอุปสรรค
บทที่ 1292 ฝ่าฟันอุปสรรค
ณ แดนเซียนสวรรค์มายา
นี่เป็นครั้งที่สามที่เฉินซีมาที่นี่ และคุ้นเคยกับมันแล้ว ดังนั้นจึงไม่สนใจสายตาประหลาดใจที่จดจ้องมาจากรอบข้างอีกต่อไป
“เฉินซีผู้นี้กลับมาอีกแล้วหรือ?”
“ข้าจำได้ว่า นี่มันเพิ่งผ่านไปเพียงหนึ่งเดือน นับตั้งแต่ที่เขาท้าทายแดนเซียนสวรรค์มายาครั้งล่าสุดใช่หรือไม่? ไยคราวนี้ถึงกลับมาที่นี่อีกแล้ว? เขาคงไม่คิดที่จะสร้างสถิติใหม่กระมัง?”
“เป็นไปไม่ได้ ข้าสังเกตเห็นว่าการบ่มเพาะของเขายังอยู่ที่ขอบเขตเซียนทองคำขั้นกลาง เพิ่งผ่านไปเพียงหนึ่งเดือน แล้วพลังฝีมือจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดดได้อย่างไร?”
“ใช่แล้ว ตามความเห็นของข้า บางทีเฉินซีอาจใช้แดนเซียนสวรรค์มายาเป็นสถานที่ฝึกฝน เขามาก็เพื่อท้าทายขีดจำกัดของตนเอง พร้อมกับขัดเกลาและพัฒนาความแข็งแกร่งไปพร้อมกัน”
ศิษย์ทุกคนบนแท่นบวงทรวงต่างพูดคุยกันอย่างออกรส ทั้งรู้สึกประหลาดใจและงุนงง
การที่จะเข้าสู่แดนเซียนสวรรค์มายาในแต่ละครั้ง จะต้องจ่ายแต้มดาราจำนวนมาก ซึ่งการกระทำของเฉินซีนั่นถือได้ว่าฟุ่มเฟือยอย่างยิ่ง ทั้งยังไม่สามารถเข้าใจได้ หรือเขามีแต้มดารามากเกินไป จนไม่รู้จะใช้อย่างไรดี?
ราวสามเค่อต่อมา
ฟิ่ว!
ร่างของเฉินซีพุ่งทะยานออกจากแดนเซียนสวรรค์มายา จากนั้นก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ได้รั้งรออยู่ที่นี่แม้แต่เสี้ยวลมหายใจ
“เขาทำสำเร็จแล้วหรือ?”
ทุกคนต่างตกตะลึงและจ้องมองไปยังศิลาวิถีอย่างต่อเนื่อง แล้วดวงตาก็เบิกโพลง ตกใจจนกรามค้าง
อันดับที่เก้า!
เวลาที่ใช้สามเค่อกับห้าลมหายใจ!
เมื่อเทียบกับเวลาที่ใช้ก่อนหน้านี้ สถิติของเฉินซีไม่ได้ดีขึ้นเพียงแค่สิบเก้าลมหายใจเท่านั้น แม้แต่อันดับบนศิลาวิถีก็ดีขึ้น และยังขยับจากอันดับที่สิบขึ้นมาเป็นอันดับที่เก้า!
อันดับที่เก้าหมายถึงสิ่งใด?
หมายความว่า เฉินซีจะได้รับแต้มดาราห้าล้านแต้มเป็นรางวัลในทุก ๆ เดือน เพิ่มขึ้นอีกสองล้านแต้ม เมื่อเทียบกับอันดับที่สิบ!
มีคนคำนวณไว้ว่า หากเฉินซีท้าทายแดนเซียนสวรรค์มายาเดือนละครั้ง และสามารถไต่อันดับขึ้นไปได้ทุกครั้ง ต่อให้ต้องจ่ายแต้มดาราหนึ่งงล้านแปดแสนแต้ม เพื่อท้าทายแดนเซียนสวรรค์มายา เขายังมีแต้มดาราเหลืออยู่เป็นจำนวนมากในทุกเดือน
“คนผู้นี้คงไม่ได้ใช้แดนเซียนสวรรค์มายาเพื่อเป็นช่องทางให้ได้รับแต้มดาราหรอกกระมัง?” มีคนกล่าวด้วยความประหลาดใจ
“หากเป็นเช่นนั้น เขาก็ต้องมีความแข็งแกร่งที่สอดคล้องกันเพื่อจะทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ แล้วเจ้าคิดว่าการครองอันดับอยู่บนศิลาวิถีนั่นเป็นเรื่องง่ายหรือ?” มีคนไม่เห็นด้วยและคัดค้าน
“ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เฉินซีผู้นี้ก็มีพลังฝีมือที่ผิดปกติมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งข้าก็ยังสงสัยเลยว่าเขาจะใช้เวลาเท่าใด ในการก้าวสู่อันดับที่สาม เพื่อแข่งขันกับศิษย์พี่หญิงหลิงชิงอู๋และศิษย์พี่เยี่ยถัง” มีคนอุทานด้วยความประหลาดใจ และมีหลายคนที่เห็นด้วยกับคำพูดดังกล่าว
ใช่แล้ว เพราะผ่านไปเพียงหนึ่งเดือน แต่เฉินซีกลับทำลายสถิติของตนได้แล้ว หากให้เวลามากกว่านี้ เขาจะไม่ทำลายสถิติไปทีละก้าวอย่างต่อเนื่องหรอกหรือ?
…
หลังจากกลับมาจากแดนเซียนสวรรค์มายา เฉินซีก็เข้าสู่การปิดด่านบ่มเพาะอีกครั้ง
หนึ่งเดือนต่อมา เฉินซีก็ปรากฏตัวอีกครั้ง และเข้าสู่แดนเซียนสวรรค์มายา ซึ่งเป็นไปดั่งที่คาดไว้ เขาทำลายสถิติอีกครั้ง และขึ้นสู่อันดับที่แปด ทำให้ได้รับแต้มดาราเจ็ดล้านแต้มในทุก ๆ เดือน
การพัฒนาพลังฝีมือในครั้งนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการบ่มเพาะแต่อย่างใด ในทางกลับกัน เขาได้หลอมรวมมหาเต๋าที่หายากทั้งสี่ ซึ่งได้แก่มหาเต๋าแห่งการทำลายล้าง มหาเต๋าแห่งการกลืนกิน มหาเต๋าแห่งนิรันดร์ และมหาเต๋าแห่งการรังสรรค์ ให้กลายเป็นกฎแห่งมหาเต๋า
นอกเหนือจากมหาเต๋าแห่งปารมิตา มหาเต๋าแห่งการลืมเลือน มหาเต๋าแห่งแสงสว่าง และมหาเต๋าแห่งความมืด มหาเต๋าอื่น ๆ ทั้งหมดที่เขาครอบครองอยู่ได้ถูกควบแน่นเป็นกฎแห่งมหาเต๋าหมดแล้ว
เมื่อกล่าวถึงกฎ ยิ่งมีมากเท่าใด มันก็ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น เนื่องจากทุกครั้งที่เข้าใจกฎ มันจะสะท้อนถึงความเข้าใจที่มีเกี่ยวกับเต๋าแห่งสวรรค์ในภพเซียนนั้นลึกซึ้งยิ่งขึ้น ด้วยวิธีนี้ ความเข้าใจเกี่ยวกับพลังของคนผู้นั้นก็จะเพิ่มขึ้น ทำให้พลังฝีมือได้รับประโยชน์อย่างมากเช่นกัน
เมื่อเทียบกับเซียนทองคำคนอื่น ๆ ที่อยู่ในรุ่นเดียวกับเฉินซี กฎที่เฉินซีครอบครองอยู่นั้น ล้วนแต่เป็นสิ่งที่หาได้ยากในโลก ยิ่งไปกว่านั้น กฎแห่งมหาเต๋าเหล่านี้ยังแข็งแกร่งเป็นอันดับต้น ๆ
ตัวอย่างเช่น กฎแห่งนิรันดร์ กฎแห่งการรังสรรค์ กฎแห่งการทำลายล้าง กฎแห่งการกลืนกิน… หากเป็นเซียนทองคำคนอื่น การที่สามารถเข้าใจหนึ่งในพวกมัน ก็เพียงพอที่จะส่งเสริมคนผู้นั้นไปตลอดชีวิต
แต่เฉินซีกลับเข้าใจมากกว่าสิบประเภท!
ดังนั้นหากพลังฝีมือยังไม่ดีขึ้นภายใต้สภาวะดังกล่าว มันก็คงจะเป็นเรื่องที่แปลกอย่างแท้จริง
…
เดือนที่สาม
“เขามาแล้ว! เฉินซีคนนั้นกลับมาอีกแล้ว!”
“โอ้สวรรค์! หรือว่าเขาคิดที่จะทำลายสถิติของตนเองในทุก ๆ เดือน? นี่มันอหังการเกินไปแล้ว เราจะใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปได้อย่างไร? วี๊ด~ วิ๊ว~ ”
“เมื่อเปรียบเทียบกับตัวประหลาดนี้ จู่ ๆ ข้าก็รู้สึกว่าการที่ถูกคนอื่นยอมรับว่าเป็นอัจฉริยะ กลับช่างอ่อนแอเหมือนขยะจริง ๆ!”
เมื่อเห็นร่างที่คุ้นตาของเฉินซีปรากฏขึ้นอีกครั้ง สีหน้าของทุกคนก็ซับซ้อนอย่างมาก บางคนชื่นชม บางคนตกใจ บางคนขมขื่นหรือทำอะไรไม่ถูก และอื่น ๆ อีกมากมาย
แน่นอนว่า เฉินซีก็ไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง ชายหนุุ่มเอาชนะด่านต่าง ๆ และสร้างสถิติใหม่อีกครั้ง ทำให้อันดับบนศิลาวิถีก็ขยับขึ้นสู่อันดับที่เจ็ด
ซึ่งหมายความว่าเขาจะได้รับแต้มดาราแปดล้านแต้มเป็นรางวัลในทุก ๆ เดือน!
นอกจากนั้น การที่เขาทำลายสถิติใหม่ต่อเนื่องในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา ได้สร้างความปั่นป่วนไปทั้งเขตฝ่ายในเช่นกัน ไม่ใช่แค่ศิษย์เท่านั้น แม้แต่เหล่าอาจารย์และผู้อาวุโสบางคนก็ยังให้ความสนใจกับเรื่องนี้ จนชื่อของเฉินซีกลายเป็นหัวข้อที่ทุกคนกล่าวถึงหลังมื้ออาหาร
มันช่วยไม่ได้ เป็นเพราะเหตุการณ์ดังกล่าวน่าตกใจเกินไปจริง ๆ และอาจถือได้ว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เฉินซีได้ทำลายสถิติของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเป็นการตอกย้ำความเข้าใจของพวกเขาที่มีต่อเฉินซี
ในเดือนที่สี่ เมื่อทุกคนเฝ้ารออย่างคาดหวังและรอชมเฉินซีสร้างสถิติใหม่ ทว่าเฉินซีกลับไม่ปรากฏตัว ทำให้หลายคนค่อนข้างผิดหวัง
เพราะมีผู้คนมากมายในสำนักที่ไม่เคยเห็นเฉินซีพิชิตแดนเซียนสวรรค์มายาด้วยตาของตนเอง พวกเขาจึงเต็มไปด้วยความหวังและตั้งตารอที่จะได้เห็นมัน แต่ท้ายที่สุดเฉินซีก็ไม่ปรากฏตัว ดังนั้นพวกเขาไม่อาจหลีกเลี่ยงควาวมเสียดายนี้ได้
แต่เมื่อเทียบกับสิ่งนี้ หลายคนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะถ้าเฉินซียังทำเช่นนี้ทุกเดือน พวกเขาก็สงสัยว่าตนจะทนต่อแรงกดดันซ้ำ ๆ ได้หรือไม่?
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศิษย์ที่อยู่ในสามสิบอันดับแรกของเทียบอันดับทองคำตราดาราม่วง และมีอันดับที่สูงกว่าเฉินซีในศิลาวิถี พวกเขาต่างรู้สึกกดดันจากการทำลายสถิติที่น่าอัศจรรย์ของเฉินซี ทั้งยังเกรงอย่างยิ่งว่าชายคนนี้จะแซงหน้าและผลักพวกตนตกจากอันดับ
…
โลกภายนอกเต็มไปด้วยการสนทนาที่มีชีวิตชีวาและตกอยู่ในความแตกตื่น แต่เฉินซีกลับไม่ทราบแม้แต่น้อย เพราะหลังจากที่เสร็จสิ้นการปิดด่านบ่มเพาะในเดือนที่สาม เขาก็เตรียมตัวที่จะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเซียนทองคำขั้นสูง
เหตุผลนั้นเรียบง่ายมาก แม้จะผ่านไปสามเดือนในโลกภายนอก แต่เขาก็บ่มเพาะมานานกว่าหนึ่งปีในโลกแห่งดารา
ในช่วงเวลานี้ ชายหนุ่มได้หลอมรวมมหาเต๋าทั้งหมดที่มีอยู่ให้กลายเป็นกฎต่าง ๆ และถ้าคิดจะพัฒนาความแข็งแกร่งอีกครั้ง ก็มีแต่ต้องหลอมรวมกฎต่าง ๆ และควบแน่นเป็นตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์
การควบแน่นตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ ไม่ง่ายเหมือนการควบแน่นกฎแห่งมหาเต๋า มันเต็มไปด้วยความยากลำบากและต้องใช้เวลาอย่างมาก ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้สำเร็จในระยะเวลาอันสั้น
แม้ว่าความสามารถในการทำความเข้าใจของเฉินซีจะท้าทายสวรรค์ แต่เขาก็ต้องดำเนินการไปทีละขั้นตอน และไม่อาจรีบร้อนได้
ยิ่งกว่านั้น เขาได้เตรียมความพร้อมสำหรับการทะลวงสู่ขอบเขตเซียนทองคำขั้นสูงแล้ว
เพราะหลังจากที่เสร็จสิ้นการปิดด่านบ่มเพาะในเดือนที่สามและกลับมาจากแดนเซียนสวรรค์มายา เฉินซีก็ได้พบกับจ้าวเมิ่งหลี ซึ่งนำต้นอ่อนเงาทมิฬมาคืน และยังมอบปีกวิหคอมตะให้แก่เขา
ในเวลานั้น ทันทีที่เฉินซีสบตากับจ้าวเมิ่งหลี ชายหนุ่มสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า การบ่มเพาะของนางได้ก้าวกระโดดสู่ขอบเขตเซียนทองคำขั้นสูงแล้ว นอกจากนี้กลิ่นอายยังแข็งแกร่งและลึกล้ำราวกับไร้ก้นบึ้ง คล้ายกลายเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง
จากสิ่งที่จ้าวเมิ่งหลีกล่าว เหตุผลที่นางสามารถก้าวหน้าได้ เป็นเพราะนางครอบครองสุดยอดมรดกของเผ่าวิหคอมตะ และต้นอ่อนเงาทมิฬก็ถือว่าส่งเสริมการบ่มเพาะของนางอย่างมาก
เฉินซีอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “เดิมทีข้าคิดว่าการขัดเกลาพลังฝีมือของข้านั้นรวดเร็วมากแล้ว แต่มันกลับไร้ค่าเมื่อเทียบกับจ้าวเมิ่งหลี”
ไม่ใช่แค่นั้น เฉินซียังสงสัยว่าการขัดเกลาของเจิ่นลู่และจี้เซวียนปิงก็คงจะไม่ด้อยไปกว่าจ้าวเมิ่งหลีอย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้ นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เฉินซีจึงเข้าสู่การปิดด่านบ่มเพาะ เพื่อเตรียมพร้อมที่จะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเซียนทองคำขั้นสูงมาตลอด
ทั้งหมดนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับต้นอ่อนเงาทมิฬเช่นกัน เพราะพลังของมันในตอนนี้เทียบไม่ได้กับในอดีต แก่นแท้ของต้นไม้เงาทมิฬอายุแสนปีที่จ้าวไท่ฉือปลูกเองกับมือได้ถูกต้นอ่อนเงาทมิฬดูดซับไปจนหมดสิ้น
ในปัจจุบัน แม้ว่าขนาดของต้นอ่อนเงาทมิฬจะยังเล็กเช่นเดิม แต่กลับดูคล้ายกับต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬที่โตอย่างเต็มที่ ยอดเขียวขจี รากแข็งแรง ใบไม้ทุกใบมีสัญลักษณ์เต๋าที่ลึกลับและสมบูรณ์อย่างยิ่ง ซึ่งเปล่งประกายแสงสีเขียวที่ดูศักดิ์สิทธิ์
เมื่อมันอยู่ในร่างกายของเฉินซี ชายหนุ่มสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ปราณเซียนที่แผ่ซ่านออกมาจากต้นอ่อนเงาทมิฬนั่นมีกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ และทำให้พลังชีวิตได้รับประโยชน์ที่ไม่ธรรมดาอยู่ตลอดเวลา
ควบคู่ไปกับการบ่มเพาะอย่างเข้มข้นและการหลอมรวมกฎแห่งมหาเต๋าภายในโลกแห่งดาราในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา การบ่มเพาะของเขาจึงมั่นคงและแข็งแกร่งอย่างยิ่ง เมื่อทั้งหมดนี้รวมเข้าด้วยกัน มันจึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเซียนทองคำขั้นสูง
ด้วยเหตุนี้ เฉินซีจึงไม่อาจท้าทายแดนเซียนสวรรค์มายาในเดือนที่สี่ ซึ่งบางทีถ้าท้าทายแดนเซียนสวรรค์มายาหลังจากบรรลุขอบเขตเซียนทองคำขั้นสูง อันดับของเขาอาจจะไม่ขยับเพียงแค่อันดับเดียว
…
ภายในโลกแห่งดารา ดวงตาของเฉินซีปิดลง สีหน้าสงบนิ่ง ชายหนุ่มนั่งขัดสมาธิ ทั่วกายอบอวลไปด้วยกลิ่นอายที่เงียบสงบ เปรียบดั่งทวยเทพที่ประทับอยู่ใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
ภายในร่าง ต้นอ่อนเงาทมิฬก็เปล่งแสงพร่ามัวออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน ปราณเซียนอันบริสุทธิ์และกว้างใหญ่พรั่งพรู ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นกระแสพลังแล่นพล่านไปทั่วกาย มันส่งเสียงดังก้องดั่งฟ้าผ่า ทำให้พลังชีวิตโคจรอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ขอบเขตเซียนทองคำขั้นสูงถูกเรียกอีกอย่างว่า ขั้นพรหมสวรรค์
การบรรลุขั้นนี้ หมายความว่าคนผู้นั้นได้บรรลุขอบเขตเซียนทองคำอย่างถ่องแท้ ทำให้ครอบครองรัศมีสีทองอันไร้ขอบเขต และโลกภายในร่างกายก็จะบรรลุความสมบูรณ์ สะท้อนกับจักรวาลและโลกรอบ ๆ ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน ไม่มีความแตกต่างระหว่างพวกมันอีกต่อไป
ขั้นตอนนี้สอดคล้องกับพุทธพจน์ที่ว่า ‘สวรรค์คือข้าและโลกคือข้า ข้าคือสวรรค์และโลก’
ขั้นต่อไป คือขอบเขตเซียนปราชญ์ มันเกินขอบเขตของ ‘ตัวข้า’ ซึ่งเริ่มแสวงหาเส้นทางของ ‘เทพและปราชญ์’
ในขณะนี้ หลังจากที่เฉินซีซึ่งยืนอยู่นอกประตูสู่ขั้นพรหมสวรรค์ และได้เตรียมตัวมาอย่างดีแล้ว เขาจึงก้าวไปข้างหน้าด้วยความตั้งใจที่จะทะลวงผ่านให้จงได้!