ตอนที่ 359 มาถึงหนานเจียง (2)
ลำพังแค่ยอดฝีมือขั้นหกเจ็ดคน ในนั้นยังมีขั้นหกสูงสุดอีกสองคน ถ้านับหลี่ฉางเซิงก็เป็นแปดคน สามคนอยู่ขั้นหกสูงสุด
ความสามารถเช่นนี้ มหาวิทยาลัยหนานเจียงก็ดึงคนออกมาไม่ได้แล้ว
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ที่ใหญ่อย่างหนานเจียง อาจารย์ขั้นหกรวมเข้าด้วยกันยังไม่ถึงแปดคนด้วยซ้ำ อันที่จริงมีแค่ห้าคน คนหนึ่งเป็นรองอธิการที่เพิ่งเข้าขั้นหกสูงสุด สี่คนที่เหลือรับหน้าที่คณบดีสาขาต่างๆ
หวังจินหยางทอดถอนหายใจ มหาวิทยาลัยหนานเจียงต้องต่อสู้บากบั่นอีกมาก อยากจะคู่ควรกับตำแหน่งมหาวิทยาลัยชื่อดัง ตอนนี้มหาวิทยาลัยหนานเจียงยังห่างไกลเกินไป
แต่ถ้ำใต้ดินหนานเจียงอุบัติขึ้น แม้จะเป็นอันตราย สำหรับหนานเจียงถือเป็นเรื่องดีเช่นกัน
ขอแค่ตั้งมั่นยืนหยัดในถ้ำใต้ดินได้ หลังจากนี้หนานเจียงก็จะมีปากทางเข้าถ้ำเป็นของตัวเอง มีทางเข้าถ้ำถึงจะบ่มเพาะยอดฝีมือได้มากขึ้น นี่เป็นเรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน
—
สิบนาทีต่อมา
รถบัสสองคันของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็มาถึง
รถหยุดแล้ว ฟางผิงจึงนำคนลงมา อีกฟากหนึ่ง หลัวอี้ชวนก็นำคนลงรถมาเช่นกัน
ฟางผิงไม่ได้เข้าไปทักทายก่อน มองไปทางหลัวอี้ชวน คณบดีอยู่ที่นี่ก็ควรจะให้คณบดีออกหน้า
หลัวอี้ชวนกลับไม่สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ ส่ายหน้าเบาๆ
เวลานี้ฟางผิงจึงไม่เกรงใจอีก สาวเท้าเข้าไปทันที ตะโกนจากไกลๆ ว่า “ผู้ว่าเกรงใจเกินไปแล้ว ให้ความกรุณาจริงๆ ถ้ำใต้ดินอุบัติ ทุกคนต่างมีหน้าที่เป็นแนวหน้าต้านศัตรูอยู่แล้ว…”
ฟางผิงตีสนิทกับจางติ้งหนานอย่างรวดเร็ว หวังจินหยางที่อยู่ด้านข้างไม่พูดอะไร เทียบกันแล้วเรื่องพวกนี้เขาไม่มีความสามารถเท่าฟางผิง
จางติ้งหนานกลับไม่รู้สึกว่าฟางผิงเสแสร้ง คิดแค่ว่าเด็กคนนี้มีความสามารถอยู่บ้าง ยังไงฟางผิงก็เป็นแค่นักศึกษาในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ นึกไม่ถึงว่าอำนาจในการพูดจะตกอยู่ในมือฟางผิงได้
ทั้งสองคนกำลังพูดคุยตามมารยาท ฉินเฟิ่งชิงทำราวกับรอจนทนไม่ไหวอยู่บ้าง พึมพำว่า “ปัญหาเยอะจริง ถ้าไม่ใช่เพราะฟางผิงควักหกร้อยล้าน ฉันคงไม่คิดมาที่นี่…”
จางติ้งหนานหูไวตาไว ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ฟางผิงทำราวกับไม่ได้ยิน เบี่ยงไปอีกประเด็นทันที “ผู้ว่า ทางเดินถ้ำใต้ดินเสถียรหรือยังครับ?”
“ใช้ได้แล้ว ตอนนี้พอจะส่งคนเขาไปได้อยู่ แต่ยังต้องรออีกสักหน่อย ให้มั่นคงมากกว่านี้”
“…”
ทั้งสองคนพูดคุยกันยกใหญ่ ไม่นานรถของมหาวิทยาลัยปักกิ่งก็มาถึง
คนของมหาวิทยาลัยปักกิ่งน้อยกว่ามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้อยู่บ้าง แต่ฝีมือไม่นับว่าอ่อนด้อยเช่นกัน
ฟางผิงเห็นคนคุ้นหน้าไม่น้อย หลี่หานซง หานซวี่ หลิงอีอี…ยังมีสมาชิกทีมหลักที่เข้าร่วมการแข่งขันอีกหลายคน แต่ฉินเจ๋อไม่อยู่ในนั้น
ไม่นานฟางผิงก็ทราบว่าฉินเจ๋อนั้นเหมือนกับเฉินเหวินหลง เริ่มวางแผนจะทะลวงด่าน
ทั้งทางมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกสูงสุดที่นำทีมก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่เป็นฟู่กั๋วเซิ่ง ปู่ของฟู่ชางติ่ง
ทุกคนทักทายกันพักใหญ่ เวลานี้ค่อยเดินไปยังปากทางเข้าถ้ำพร้อมกัน
ระหว่างทางฉินเฟิ่งชิงก็โอ้อวดกับคนของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง บอกว่าตัวเองพกยาบำรุงมาเยอะแยะ ทั้งไม่ได้เสียเงิน ได้มาอย่างฟรีๆ เรื่องนี้ทุกคนต่างฟังเอาไว้ ส่วนจะคิดยังไง แทบไม่ต้องบอกก็รู้
ฟางผิงจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ควักเงินจ่ายอย่างไม่คิดเสียดายจริงๆ จุนเจือให้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้นับร้อยล้าน
ฟางผิงไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้มาโดยตลอด ยังถลึงตาใส่ฉินเฟิ่งชิงกลางทาง เป็นนัยว่าให้ปิดบังเรื่องนี้ไว้
สามร้อยล้านนี้เสียไปอย่างคุ้มค่าแล้ว
ทำเลยเถิดเกินไปก็ไม่ดี มาถึงขั้นนี้ถือว่าเพียงพอแล้ว
จางติ้งหนานจดจำน้ำใจของตัวเอง ส่วนทางมหาวิทยาลัยปักกิ่ง แม้จะไม่มีน้ำใจให้ แต่ประโยชน์ยังมีอยู่บ้าง อย่างน้อยก็ทำให้ทุกคนรู้ว่าติดตามฟางผิง ไม่มีขาดทุนแน่นอน
เชื่อมต่อแพลตฟอร์มออนไลน์กับมหาวิทยาลัยปักกิ่ง นี่เป็นเรื่องเล็ก
ไม่แน่ว่าในสถานการณ์ที่ทุกคนใจสั่นคลอน ปีต่อไปอาจจะให้ลูกหลาน เพื่อนสนิทมิตรสหารหรือพี่ๆ น้องๆ มาเรียนที่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็ได้
คนที่อยู่ตรงนี้ อย่างต่ำที่สุดก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนปลาย
ครอบครัวเช่นนี้มีลูกหลาน ไม่อาจอ่อนด้อยในเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์แน่ เลื่อยขาเก้าอี้เพื่อแย่งตำแหน่งอาจไม่ต้องทำชัดเจนขนาดนั้น
ปีหน้าบางทีคนของมหาวิทยาลัยปักกิ่งอาจจะพบว่าอาจารย์ของตัวเองหนีมาอยู่เซี่ยงไฮ้ก็ได้
—
มาถึงใกล้ๆ กับปากทางเข้าถ้ำ พวกอาจารย์ก็เข้าไปสอดส่องสถานการณ์
ฟางผิงส่งคนของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ให้จางอวี่เฉียงดูแล ตัวเองออกไปเตร็ดเตร่เพียงลำพัง
มองสำรวจแถวๆ ปากทางเข้าถ้ำ เห็นหลิวพั่วหลู่และปรมาจารย์อีกหลายคนปรึกษาอะไรกันบางอย่าง ฟางผิงก็ไม่คิดจะไปรบกวน หาดูรอบๆ แล้วไม่เจอตาเฒ่าหลี่
กำลังเตรียมตัวจะไปถามคนอื่น ฟางผิงกลับเห็นลำแสงสว่างวาบบนท้องฟ้าซะก่อน!
“ผู้เฒ่าหลี่!”
ฟางผิงตะโกน ลำแสงนั้นชะงักลงทันที
หลังจากนั้นพักหนึ่ง หลี่ฉางเซิงก็ลอยสู่พื้นด้วยผมปลิวสยาย ดูคาดไม่ถึงอย่างเห็นได้ชัด “ไอ้หนู เธอมายังไง?”
“ถ้ำใต้ดินหนานเจียงปรากฏแล้ว ผมจะไม่มาได้ยังไง?”
ฟางผิงมองพินิจเขาพักหนึ่ง เอ่ยอย่างหมดคำพูดว่า “ทรงผมนี้ของคุณ…ไร้รสนิยมจริงๆ!”
ทรงผมอะไรกัน!
ผมขาวทั้งหัวปล่อยยาวประบ่า รวมกับชุดคลุมตัวยาวแล้ว…ใช่สิ ชุดคลุม นี่ตาเฒ่าหลี่คิดอยากเป็นเทพเซียนสินะ?
แต่ไม่ว่าจะมองยังไงก็ดูปัญญาอ่อนอยู่ดี!
ตาเฒ่าหลี่หัวเราะว่า “เหมือนเทพเซียนล่ะสิ? สองวันนี้หลายคนนับถือบูชาฉันราวกับเป็นเทพเซียนจริงๆ แล้ว…”
“เมื่อกี้คุณทำอะไรอยู่? ตะลอนร่อนเร่ไปทั่ว?”
“ข่มขู่เจ้าพวกนอกรีต”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ปรมาจารย์ไม่มีเวลาออกหน้า ทั้งกลัวคนพวกนี้ไม่กล้าโผล่หัวออกมา ฉันที่เป็นขั้นหกจึงลองดูก่อนว่าพอจะหลอกล่อออกมาได้หรือเปล่า…”
ฟางผิงละล่ำละลักว่า “เป็นยังไงบ้าง?”
ตาเฒ่าหลี่ส่ายหัว “ไม่เจอเลย…ฉันกังวลว่าเจ้าพวกนี้จะรอให้พวกเราเข้าไปในถ้ำใต้ดินก่อนแล้วเคลื่อนไหวอีกที ดังนั้นทางนี้ยังต้องเหลือคนนั่งรักษาการณ์เอาไว้ แต่ไม่เป็นไร แค่พวกต่ำทรามเท่านั้น หากกล้าเล่นลูกไม้อะไรจริงๆ ปรมาจารย์กลุ่มใหญ่ย่อมจัดการทันที”
ฟางผิงเงียบไปพักหนึ่ง ไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก ถามว่า “คุณจะเข้าไปเป็นกลุ่มแรก?”
ตาเฒ่าหลี่เผยใบหน้าประดับรอยยิ้ม ยื่นมืออกไปดึงกระบี่ที่ลอยอยู่เข้าสู่มือ เดินไปพลางเอ่ยว่า “ผู้ฝึกยุทธ์เข้าถ้ำใต้ดินมีอะไรน่าแปลกกัน? ตอนแรกคิดว่าฉันเข้าไปแล้ว เธอน่าจะตามมาทีหลัง ในเมื่อเจอกัน งั้นตาเฒ่าขอพูดไว้สักหน่อย…”
“ไม่อยากฟัง”
ฟางผิงเผยสีหน้าไม่สบอารมณ์ ขมวดคิ้วว่า “คุณจะมาดูความครึกครื้นอะไรกัน คนที่เข้าไปกลุ่มแรก หากไม่ใช่ปรมาจารย์ก็เป็นตาเฒ่าอายุเจ็ดสิบแปดสิบ คุณเพิ่งจะหกสิบเท่านั้น”
“ตั้งหกสิบแล้ว…”
ตาเฒ่าหลี่หัวเราะ “ไม่ได้หนุ่มแน่นอีกแล้ว พลังแทบจะร่วงโรยไปหมด ไอ้หนู เธอรู้ไหม? สิบปีที่ผ่านมา สิ่งที่ฉันเสียดายที่สุดคืออะไร?”
“ไม่ได้แต่งสะใภ้?” ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ให้ผมหาให้สักคนดีหรือเปล่า?”
“ไสหัวไปเลย!”
ตาเฒ่าหลี่ด่าอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนจะพึมพำว่า “หลายปีมานี้สิ่งที่ฉันเสียดายที่สุดคือไม่อาจชักกระบี่ออกมาได้สักครั้งเดียว! หลี่ฉางเซิงในเวลานั้นเป็นจอมก่อเรื่องในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ฉันอยากฟันใครก็ฟันคนนั้น ฉันคิดว่าต้องมีวันหนึ่งที่ฟันขั้นเจ็ด ขั้นแปด ถึงกระทั่งขั้นเก้าได้! แต่เวลานั้นฉันกลับไม่สามารถชักออกมาได้สักครั้ง! แค่กระบี่ยังชักไม่ออก น่าขำอะไรอย่างนี้ หากไม่ชักกระบี่ออกมาอีก ฉันกลัวว่าตัวเองจะชักไม่ได้แล้ว”
“จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้เลย? คุณยังมีกระบี่อีกอันไม่ใช่หรือไง? ผมจะหาภรรยาให้คุณสักสองสามคน คุณค่อยเอาไปฟันพวกเธอ…”
“ปัง!”
ตาเฒ่าหลี่เตะฟางผิงลอยละลิ่วออกไป
ไม่นานฟางผิงก็วิ่งกลับมา จ้องเขาว่า “ฟันขั้นเจ็ดหรือขั้นแปดมีประโยชน์หรือไง?”
“เธอจะรู้อะไร!” ตาเฒ่าหลี่ตะคอก “หากคิดเหมือนเธอหมด พวกถ้ำใต้ดินคงบุกทะลวงขึ้นมาบนโลกไปนานแล้ว!”
“นั่นเป็นเรื่องของคนอื่น…”
“นี่เป็นเรื่องของมนุษยชาติ!”
ตาเฒ่าหลี่ตำหนิ ขมวดคิ้วว่า “ไอ้เด็กเปรต อย่ามาลอยหน้าลอยตาใกล้ฉัน เธอไม่มีสิทธิ์มาสั่งสอนฉันด้วยซ้ำ!”
ทิ้งคำพูดนี้ไว้ก่อนตาเฒ่าหลี่จะทะยานขึ้นไปในอากาศ หายวับไปจากที่เดิมอย่างรวดเร็ว
“โง่เง่า!”
ฟางผิงหลุดด่าออกมา ตะโกนว่า “ถ้าคุณตายแล้ว ผมจะไม่อนุญาตให้คุณเข้ามาในเขตทางใต้ ใครกล้าฝังคุณ ผมจะไปขุดออกมาจากหลุม!”
“ขุดเถอะ ใครจะสนใจกัน!”
กลางอากาศนั้นมีเสียงแพร่กระจายออกมา สั่นสะเทือนอยู่พักใหญ่ ก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ฟางผิงเงยหน้ามองอยู่พักหนึ่ง คล้อยหลังก็เดินไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ
จะเป็นจะตายก็ช่างเถอะ!
——————–