ฉินซวี่หลี่ตามองสวี่รั่วฉิงอย่างถี่ถ้วน จากนั้นก็ยิ้ม “ผมไม่ได้มีปัญหาอะไร แค่ขึ้นอยู่กับเธอแล้วล่ะครับ”
สายตาของฉินซวี่ เลือนรางเล็กน้อย เขาเลิกคิ้วขึ้น พร้อมพูดด้วยน้ำเสี่ยงนุ่มนวล “ถึงอย่างไรผมกับคุณแอนก็อาจจะนับว่ามีเรื่องบาดหมางกันอยู่เล็กน้อย ดังนั้น…”
เขาหยุดพูด ทำให้ครูประจำชั้นนั้นตะลึงไปเล็กน้อย
เป็นที่รู้กันโดยทั่ว ฉินซวี่เป็นลูกชายที่อ่อนโยนของตระกูลมีทั้งเงินและอิทธิพล เขาจะทำเรื่องอะไรให้คนไม่สบายใจได้ล่ะ?
ครูประจำชั้นเงยหน้ามองคนทั้งสองตรงหน้า ในใจนั้นยิ่งรู้สึกแปลกๆ คนที่อยู่ที่นี่ทุกคนในเมืองนี้ล้วนรู้ ว่าลูกชายแห่งตระกูลฉินคนนี้ เป็นคนดีมาก ไม่รู้ว่าเป็นชายในฝันของหญิงโสดมากมายกี่คน!
คาดไม่ถึงว่าจะมีคนบาดหมางกับเขาได้ ครูประจำชั้นรู้สึกได้ถึงความแปลกประหลาด
ฉินซวี่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ใช่ สายตานั้นมองไปที่สวี่รั่วฉิง พร้อมกับพูดเสียงทุ้มไพเราะราวกับเสียงของเชลโล่
“ถ้าหากว่าคุณไม่อยากร่วมงานกับผม พวกเราก็แยกกันก็ได้”
เขาพูดเปลี่ยนเรื่อง “ดูแล้วผมคงจะคาดหวังกับลี่ซื่อมากเกินไป แล้วก็คาดหวังกับความเป็นมืออาชีพของคุณแอนมากเกินไปด้วย”
นี่ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สวี่รั่วฉิงรับไม่ได้ นั่นก็คือมีคนมาตั้งคำถามกับความเป็นมืออาชีพของเธอ
เธอจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าหล่อเหลาสูงส่งของฉินซวี่ เธอปรายตามองเขาด้วยความไม่พอใจ จนกระทั่งเธอพูดออกมา “ประธานฉินจะรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่เป็นมืออาชีพ” เธอเพิ่งจะรู้ตัวได้ในทันที ว่าเธอนั้นหลงกลเขาเข้าอีกแล้ว
สวี่รั่วฉิงทำแก้มป่อง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอตกหลุมพรางของฉินซวี่
ครูประจำชั้นที่ยืนอยู่ข้างๆมองพวกเขาสองคนทะเลาะกัน ก็รู้สึกได้ทันทีว่าทั้งสองคนนี้ตรงกับมาตรฐานคู่รักคู่แค้นในละครโทรทัศน์เลยไม่ใช่เหรอ?
หรือว่าฉินซวี่ปฏิบัติต่อสวี่รั่วฉิงเช่นนี้นั้นมีความหมายอะไรบางอย่าง?
ครูประจำชั้นมองไปในสายตาของคนทั้งคู่นั้นเหมือนมีสายตาของความรักอยู่ในนั้นเต็มไปหมด
คนหนึ่งก็เป็นเพียงผู้ปกครอง อีกคนนั้นก็เป็นเพียงคุณลุง
ผู้ชายมีความสามารถผู้หญิงมีรูปโฉมงดงาม เป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก!
ครูประจำชั้นนั้นอายุก็เกินสี่สิบปีแล้ว เป็นอายุที่ชอบเรื่องกลอสซิป การแสดงออกระหว่างสวี่รั่วฉิงกับฉินซวี่เมื่อครู่นี้ทำให้เธอได้กลิ่นอายของเรื่องซุบซิบขึ้นมาทันที
เธอหยิบตารางออกมาให้ทั้งคู่ลงทะเบียนให้เรียบร้อยจากนั้นก็อธิบายอย่างละเอียด “รายละเอียดของสิ่งที่ทั้งสองท่านต้องรับผิดชอบนั้นไม่ใช่เรื่องซับซ้อน สำคัญเพียงแค่ขอความคิดเห็นเกี่ยวกับโรงเรียน หรือสร้างสรรค์กิจกรรมความรู้นอกห้องเรียนเป็นต้น”
สวี่รั่วฉิงมึนงงอยู่ไม่กี่วินาที เธอมองไปที่ฉินซวี่โดยอัตโนมัติ จากนั้นจึงถามครูประจำชั้น “งั้นฉันจำเป็นต้องติดต่อปรึกษากับประธานฉินบ่อยๆไหม?”
ตอนที่สวี่รั่วฉิงเอ่ยถามคำถามนี้ เธอก็คิดในใจเงียบๆ ลี่ถิงเซิ่งนั้นหึงน่ากลัวเกินไป ถ้าเธอต้องติดต่อพูดคุยใกล้ชิดกับฉินซวี่แล้วล่ะก็ ถ้าพูดถึงจุดจบนั้นคงเป็นเหมือนกับงานเลี้ยงราตรีเมื่อคืนวานนี้แน่ๆ ปากเธอนั้นโดนจูบกินเหมือนกุนเชียง!
ฉินซวี่มองสวี่รั่วฉิงอย่างขำๆ เขาก้มตัวลงเข้าใกล้ข้างหูเธอ พร้อมพูดเบาๆ “คุณกำลังกังวงเรื่องลี่ถิงเซิ่งใช่ไหม?”
สวี่รั่วฉิงถลึงตามองเขาอย่างโหดเหี้ยม ท่าทางไม่สนใจอะไรอีกต่อไป
หลังจากเธอดูตารางนัดหมายงานของตัวเองอย่างละเอียด ก็คุยกับครูประจำชั้นต่ออีกไม่กี่ประโยค
ครูประจำชั้นพูด “คะแนนของสวี่อี้ฝานและสวี่อี้หานนั้นเป็นตัวอย่างที่ดีของห้องเรา เด็กทั้งสองคนนั้นเป็นเด็กที่เชื่อฟัง เป็นเมล็ดพันธุ์ที่หายากจริงๆ”
สวี่รั่วฉิงอารมณ์จมดิ่ง ทุกวันเธอทำงานยุ่งมากขนาดนี้ แต่ลูกๆก็ยังเชื่อฟัง เธอควรจะขอลาหยุดดีๆ เพื่อพาลูกๆสองคนไปพักผ่อนคลายบ้าง ถึงจะนับได้ว่าทำหน้าที่แม่ได้อย่างถึงที่สุด
ฉินซวี่ที่อยู่ข้างๆ นัยน์ตาสีดำนั้นก็เหลือบมองลง
แสงแดดอ่อนๆยามบ่ายสาดส่องไปที่ใบหน้าของสวี่รั่วฉิง ถึงขนาดที่สามารถมองเห็นไรขนอ่อนบนใบหน้าเธอ
ฉินซวี่เม้มปากเล็กน้อย หยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองออกมา แล้วกดต่อสายตามเบอร์โทรศัพท์ที่สวี่รั่วฉิงเขียนไว้ในนัดหมาย
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สวี่รั่วฉิงชำเลืองมองไปที่เขา นี่คุณหมายความว่ายังไง?
เหมือนกับว่าฉินซวี่เดาความคิดของเธอออก “ในเมื่อพวกเรานั้นเป็นผู้รับผิดชอบผู้ปกครองทั้งคู่ ก็จำเป็นต้องติดต่อกันบ่อยๆ”
สวี่รั่วฉิงนิ่งเงียบ หลังจากที่เธอบันทึกรายชื่อของฉินซวี่ลงในรายชื่อผู้ติดต่อ โยนโทรศัพท์ลงในกระเป๋า หยิบใบคะแนนของเด็กทั้งสองคนแล้วออกจากห้องเรียนไป
ฉินซวี่มองแผ่นหลังของสวี่รั่วฉิงที่ค่อยๆเดินออกไป พร้อมก้มหน้าให้ครูประจำชั้นแล้วเดินออกไปทันที
สวี่รั่วฉิงย่ำรองเท้าส้นสูงเดินมาจนถึงลานจอดรถ สายตาก็เหลือบไปเห็นรถเก๋งสีดำคันเมื่อวานที่คุ้นเคย
เป็นอย่างที่คาดไว้ ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นเธอก็เห็นร่างของฉินซวี่เดินมาที่ลานจอดรถ
สายตาของฉินซวี่หยุดมองที่สวี่รั่วฉิง มองขึ้นลงอย่างถี่ถ้วนด้วยสายตาขำขันพร้อมกับถาม “คุณเข้าใจผมผิดนะ”
สวี่รั่วฉิงยื่นมือไปทางเขา “ประธานฉินคุณเข้าใจผิดแล้ว”
ฉินซวี่ยิ้มขณะกุมมือของสวี่รั่วฉิง นัยน์ตาดำขลับของเขามองวนอยู่ที่ใบหน้าสวี่รั่วฉิงอยู่เช่นนั้น แล้วยิ้มแต่ไม่พูดอะไร
สวี่รั่วฉิงถาม “ประธานฉิน คุณยังมีเรื่องอะไรอีกไหม?”
ฉินซวี่ยืดตัวตรง พร้อมพิงตัวบนรถเก๋งสีดำ น้ำเสียงเขาค่อนข้างนุ่มนวล และคำพูดก็เป็นกันเองมากๆ
“ผมได้ยินมาว่า ตอนนี้คุณรับตำแหน่งเป็นประธานหัวหน้านักปรุงน้ำหอมของลี่ซื่อกรุ๊ป”
สวี่รั่วฉิงพยักหน้านิ่งๆ
เธอทำงานที่ลี่ซื่อกรุ๊ปนั่นไม่ใช่ความลับหรือเรื่องปิดบังอะไร แล้วยังไงล่ะ?
ฉินซวี่ยิ้มพลางพูด “ผมสามารถให้ข้อเสนอเงินเดือนและสวัสดิการที่ดีกับคุณได้ ถ้าหากคุณกับตระกูลสวี่มีความขัดแย้งอะไรกัน? ผมสามารถช่วยคุณได้ เป็นยังไง? อยากมาอยู่กับฉินซื่อกรุ๊ปไหม?
สายตาของฉินซวี่อ่านโยนราวกับสายน้ำ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ คงอยากที่จะไม่เปิดใจให้เขา
แต่สวี่รั่วฉิงไม่ใช่คนทั่วไป เธอคิดอยากแก้แค้น ทั้งยังไม่มีความคิดที่จะพึ่งพาอาศัยแรงใคร
สวี่รั่วฉิงยิ้มอย่างชอบใจ ด้วยตาเป็นประกายนั้นกะพริบปริบๆ
“ประธานฉิน คุณคงจะเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้มีความคิดที่จะทำอะไรกับตระกูลสวี่นี่? ถ้าคุณคิดว่าที่ฉันอยู่ที่ลี่ซื่อเพราะต้องการจะแก้แค้นคนตระกูลสวี่ งั้นคุณคงมาหาผิดคนแล้วแหละ ฉันเลือกทำงานที่ลี่ซื่อ เพราะว่าเจ้านายของฉันให้เกียรติและเคารพในตัวตนของฉันเป็นอย่างมาก คุณอาจจะจัดหานโยบายที่ดีที่สุดให้ฉันได้ แต่น่าเสียดายที่เราเจอกันช้าไป ถ้าพวกเราเจอกันเร็วกว่านี้ บางทีฉันอาจจะเลือกคุณแล้ว”
ฉินซวี่มองใบหน้าดื้อรั้นของสวี่รั่วฉิง ยังมีผมอยู่ไม่กี่เส้น ที่เธอไม่ได้เอาทัดหูไว้
วันนี้สวี่รั่วฉิงสวมชุดสูทลำลอง ดูแล้วช่างสุภาพสง่างาม ทั้งยังดูเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถในการทำงานอย่างมืออาชีพอีกด้วย
ฉินซวี่พูดเสียงต่ำพรางยิ้มหัวเราะนิดหน่อย “นี่คุณคิดว่าผมไม่รู้เรื่องราวของคุณเลยงั้นเหรอ?”
เขาพูดพร้อมเดินขึ้นมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ระยะห่างระหว่างรถสองคันนั้นสั้นมาก ร่างกายของสวี่รั่วฉิงนั้นแทบจะแนบชิดติดกับรถหรูคันสีแดงของเธอ
เธอมองฉินซวี่ที่อยู่ตรงหน้าเธอด้วยความระมัดระวัง คิ้วค่อยๆขมวดแน่นขึ้น “คุณคิดจะทำอะไร?”
ฉินซวี่เลิกคิ้วขึ้น “แล้วคุณคิดว่าผมจะทำอะไรล่ะ?”
สวี่รั่วฉิงยิ้มมุมปาก “ประธานฉิน ที่คุณเข้าใกล้ฉันมาตลอดนี่เพราะอะไร? หรือว่าเพราะความลับของลี่ซื่อกรุ๊ปเหรอ? หรือจะบอกว่าฉินซื่อกรุ๊ปก็ต้องการนักปรุงน้ำหอมเช่นกัน? ตามที่ฉันเข้าใจ ฉินซื่อกรุ๊ปไม่เคยมีธุรกิจเกี่ยวกับน้ำหอมเลย ถ้าจะบอกว่าอยากได้คนไปทำงาน ก็คงจะไม่ใช่หรอกมั้ง?”
สวี่รั่วฉิงพูดแบบไม่ปิดบังเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่ามั่นใจมากแล้ว ว่าที่ฉินซวี่เข้าใกล้เธอถ้าไม่เป็นเพราะลี่ซื่อกรุ๊ป หรือไม่ก็…
สวี่รั่วฉิงแววตาปรากฏความไม่แน่ใจออกมาแวบหนึ่ง หรือว่าที่ฉินซวี่พูดว่าอยากจะจีบเธอ นั่นคือชอบเธอจริงๆเหรอ?
นี่มันหลอกกันเกินไปแล้วหรือเปล่า!