สามีข้าคือขุนนางใหญ่ – บทที่ 515-3 เจียวเจียว (3)

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 515 เจียวเจียว (3)

ลมหิมะแรงเกินไป แม้แต่ม้ายังไม่อยากจะเดินหน้าต่อ

ทหารจำต้องลงจากหลังม้ามาจูงม้าเดินตามขบวนแทน ทว่าเพิ่งจะเดินไปได้สองก้าว เขาก็รู้สึกสะดุดอะไรบางอย่างใต้ฝ่าเท้าตัวเอง เซล้มหน้าคะมำไปข้างหน้าทันที

เขาหกคะเมนใส่กองหิมะเล็กๆ แข็งๆ กองหนึ่ง กองหิมะค่อนข้างแข็ง เขาไม่ได้สนใจอะไรมาก ฉวยมือกดไปบนกองหิมะอีกกองข้างๆ เพื่อลุกขึ้นยืน

แต่การกดรอบนี้

ทำเขาชะงักไป

สัมผัสที่มือแปลกๆ มันเกิดอะไรขึ้น

สันหลังเขาเย็นเยียบ ค่อยๆ มองไปข้างมืออย่างระมัดระวัง ปรากฏว่าเห็นศีรษะกลมเกลี้ยงอันหนึ่ง

เขาร้องอ้ากพลางล้มก้นจ้ำเบ้าไปข้างหลัง ศีรษะจมอยู่ในกองหิมะ พอเขาลุกขึ้นนั่งก็ไปสบเข้ากับดวงตาที่ตายตาไม่หลับเข้าพอดี

เขาตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ ไม่สนใจม้าเม้ออะไรทั้งนั้น วิ่งไปข้างหน้าแทบจะปัสสาวะราด “ผี…ผี…”

“เสียงดังโวยวายอะไร” หัวหน้าหน่วยจับเขาไว้ “เจ้าอยากเรียกทหารไล่ล่าให้แห่กันมารึ!”

เขาไม่กล้าหันกลับไปมอง ใช้นิ้วอันสั่นเทาชี้ไปด้านหลัง “ไม่ใช่…ไม่ใช่…พี่จางเหล่า…ตะ…ตรงนั้นมีผี!”

ความปลอดภัยระหว่างทางสำคัญมาก หากมีผี เช่นนั้นก็อาจจะไม่ใช่ผีจริงๆ แต่เป็นคนที่ดักซุ่มโจมตีอยู่ในที่ลับ!

หัวหน้าที่ถูกเรียกว่าพี่จางเหล่าหันหลังให้ลมหิมะเดินไปหากองหิมะเล็กๆ ที่นูนขึ้นมา

เมื่อเดินเข้ามาใกล้ เขาจึงพบว่านี่เป็นคนที่แข็งตาย

ทำเอาเขากังวลเปล่าเสียได้ ก็นึกว่าเป็นมือสังหารอะไรมาดักซุ่มโจมตีเสียอีก!

หัวหน้าหน่วยกำลังจะหันหลังไล่ตามขบวนต่อ จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าใบหน้านั้นคุ้นๆ ราวกับเคยเจอที่ไหนมาก่อน

เขาโน้มตัวลงไปอีกหน หมายจะพินิจมองใบหน้าอีกฝ่ายอย่างละเอียด

ในที่สุดเขาก็นึกออกว่าเคยเห็นที่ไหน

“ใต้เท้า! ใต้เท้า!”

จิ้งจอกเงินกำลังนั่งอยู่บนรถม้าที่พ่วงม้าแปดตัว จู่ๆ มีเสียงร้อนรนของทหารดังขึ้นมาจากด้านนอก

เขาจึงมองลุงที่สลบไสลอยู่ข้างกาย ก่อนเอามือขวาที่เรียวยาวราวกับหยกออกมาจากหมอนอุ่นมือ แล้วเลิกม่านขึ้นถาม “มีอะไรรึ”

ทหารรายงาน “ดูเหมือนว่าจะมีคน…เห็นเทียนหลังขอรับ!”

หลังจากนั้นไม่นาน จิ้งจอกเงินกับพวกคนสนิทก็มาปรากฏตัวอยู่ข้างกองหิมะเล็กๆ ที่เพิ่งทำคนสะดุดล้มมาเมื่อครู่ คนสนิทวักเอาหิมะออก เผยให้เห็นศพทั้งร่างของเทียนหลัง

เขาล้มพาดอยู่ข้างกายอีกศพหนึ่ง หน้าคว่ำลงพื้น แก้มหันไปทางขวาเล็กน้อย

ท่าทางนี้ทำให้เขาไม่ได้ทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงบนร่างอีกคน แต่ก็หนักพอดูแล้ว

ทุกคนต่างตกตะลึงกันหมด

เทียนหลังเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของใต้เท้า เขาไปคุ้มกันองค์หญิงหนิงอันหลบหนีไม่ใช่หรือไร

เหตุใดจึงมาตายอยู่ตรงนี้ได้

แล้วคนที่ตายไปกับเขาเป็นใครกัน

จิ้งจอกเงินขมวดคิ้ว สายตายากจะเชื่อตกลงบนศพของเทียนหลัง

คนสนิทรู้ดีว่าเหตุใดใต้เท้าจึงได้เผยสีหน้าเช่นนี้ออกมา เทียนหลังเป็นหน่วยกล้าตายที่ใต้เท้าใช้เงินมหาศาลซื้อตัวมาจากมือชนชั้นสูงแคว้นเยียน หน่วยกล้าตายธรรมดาๆ ไม่มีทางเทียบติดแน่นอน

ทหารหลงอิ่งของราชวงศ์แคว้นเจายังประมือกับเทียนหลังได้ไม่ถึงสิบกระบวนเลย คนที่สามารถปลิดชีพเทียนหลังได้ ในแคว้นเยียน แคว้นเจา และแคว้นเฉินแทบจะไม่มีใครสามารถทำร้ายเขาได้ด้วยซ้ำ!

ใบหน้าจิ้งจอกเงินมีน้ำแข็งเย็นเยียบปกคลุมอยู่ เขาเอ่ยกับคนรับใช้อย่างเย็นชา “ไปดูทีว่าอีกศพหนึ่งเป็นผู้ใด”

“ขอรับ!”

คนรับใช้คนสนิทนั่งยองๆ แล้ววักกองหิมะออกจากใบหน้าของคนคนนั้น

นั่นเป็นดวงหน้าเยาว์วัยและอ่อนเยาว์ ใบหน้าด้านซ้ายมีปานสีแดงอยู่

จิ้งจอกเงินจำปานนี้ได้ทันที

“เป็นเขารึ”

เขาตกใจ

จิ้งจอกเงินเคยประมือกันกับกู้เจียว บนแผ่นน้ำแข็งของผืนทะเลสาบ กู้เจียวยังใช้ทวนพู่แดงทำร้ายเขาได้

ทว่าคราก่อนนั้น กู้เจียวเคยบุกรุกจวนผู้ว่าเมืองหลิงกวนด้วยกันกับชายชุดดำอีกคนในยามวิกาล ใช้ระเบิดไล่สังหารมาตลอดทาง เพื่อช่วยเหล่าติ้งอันโหวแห่งแคว้นเจาหลบหนี

“ใต้เท้า! เขายังหายใจอยู่!” คนสนิทเอ่ยอย่างตื่นตะลึง

เดิมทีเขากะว่าจะแยกศพของเทียนหลังกับศพนี้ ไหนเลยจะรู้ว่ามือเขาเพิ่งแตะโดนใบหน้ากู้เจียวก็สังเกตเห็นความผิดปกติ เขาจึงลองอังลมหายใจของอีกฝ่ายดู

แม้ลมหายใจจะแผ่วเบา แต่ก็ยังมีอยู่!

“ใต้เท้า ยี่อ๋องฟื้นแล้ว ให้ข้าน้อยมาถามว่าทางนี้เกิดอะไรขึ้นขอรับ” องครักษ์ข้างกายยี่อ๋องเดินมาถาม

จิ้งจอกเงินคล้ายคิดบางอย่างอยู่ มองไปยังกู้เจียวที่สลบไสล “เทียนหลังตายแล้ว เพิ่งจะจับฆาตกรได้”

จิ้งจอกเงินกลับขึ้นไปบนรถม้า

สิ่งที่ถูกเขาขนขึ้นรถม้ายังมีทหารคนหนึ่งที่สวมเกราะกำลังหมดสติอยู่

ยี่อ๋องกุมบาดแผลบนไหล่ไว้ ขมวดคิ้วอย่างเจ็บปวด ก่อนถาม “เขาเป็นใครรึ”

“ฆาตกรที่สังหารเทียนหลังตาย”

ยี่อ๋องพินิจมองร่างกู้เจียวและชุดเกราะที่ไร้สัญลักษณ์พิเศษใดๆ ของนางพลางเอ่ย “ว่าอย่างไรนะ เขาน่ะรึ ทหารตัวเล็กๆ คนหนึ่งเนี่ยนะ”

“เป็นทหารของแคว้นเจา” จิ้งจอกเงินบอก

ยี่อ๋องเพิ่งจะพ่ายแพ้มา เมื่อเอ่ยถึงแคว้นเจาสีหน้าจึงไม่ค่อยสู้ดีนัก เขาเอ่ยเสียงขรึม “กองทัพตระกูลกู้รึ”

จิ้งจอกเงินโยนกู้เจียวลงบนพรมของรถม้า ใช้เท้าเตะขากู้เจียวให้แยกออกนิ่งๆ “ดูที่เกราะสิ ไม่เหมือน”

เกราะของกองทัพตระกูลกู้เป็นเกราะเงิน เกราะของไอ้หนูนี่ค่อนข้างคล้ายเกราะของมือธนูตระกูลถังมากกว่า เพียงแต่ไม่มีสัญลักษณ์ของมือธนูตระกูลถัง

ยี่อ๋องมองกู้เจียวอย่างแปลกใจ “เจ้าบอกว่าเขาฆ่าเทียนหลังอย่างนั้นรึ เป็นไปได้อย่างไร ดูๆ แล้วเขาเพิ่งจะอายุเท่าใดเอง”

จิ้งจอกเงินยกยิ้ม “ท่านลุงยังจำเด็กหนุ่มที่เกี่ยวข้องกับแคว้นเยี่ยนที่ข้าเคยเล่าให้ฟังได้หรือไม่”

ยี่อ๋องขมวดคิ้วเอ่ย “เจ้าหมายความว่าคนผู้นั้นก็คือเขาอย่างนั้นรึ”

“ใต้เท้า! เจอสัมภาระของเขาหมดแล้ว อยู่นี่ขอรับ!”

คนสนิทของจิ้งจอกเงินตรงนอกรถม้า ส่งตะกร้าใบน้อยที่หนักอึ้งกับทวนพู่แดงให้เขา

จิ้งจอกเงินฝ่าหิมะรับมา

ชั่วขณะที่ม่านถูกเลิกขึ้น ลมเจือหิมะก็พัดโกรกเข้ามา ยี่อ๋องหนาวจนตัวสั่น ขมวดคิ้วมุ่นกว่าเดิม จิ้งจอกเงินผูกม่านเรียบร้อยก็รื้อตะกร้าดูเป็นอย่างแรก

ในนั้นมีแค่อาหารแห้งและกล่องยาเล็กๆ เก่าๆ ใบหนึ่ง จิ้งจอกเงินค่อนข้างผิดหวัง

นึกว่าจะเจอของล้ำค่าอะไรเสียอีก

จิ้งจอกเงินกระแทกตะกร้าใบน้อยลงข้างๆ กู้เจียวอย่างลวกๆ ก่อนจะลูบทวนพู่แดงไปมาอย่างวางไม่ลง แล้วเอ่ยกับยี่อ๋อง “ท่านลุง นี่เป็นอาวุธของเซวียนหยวนลี่แม่ทัพของแคว้นเยี่ยน”

“อัปลักษณ์เพียงนี้เชียว” ยี่อ๋องถูกดอกไม้แดงดอกใหญ่กับพู่เล็กๆ บนทวนพู่แดงทิ่มแทงตาจนปวดไปหมด

จิ้งจอกเงินหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ถือสาเรื่องที่ยี่อ๋องบอกว่าอัปลักษณ์ “ไม่กี่วันก่อนข้าไปสืบทางแคว้นเฉินมาแล้ว ทวนพู่แดงของเซวียนหยวนลี่นี่ถูกกษัตริย์แคว้นเยียนมอบให้เป็นของขวัญวันคล้ายวันประสูติแก่กษัตริย์แคว้นเฉิน ต่อมาแคว้นเฉินกับแคว้นเจาทำศึกกัน ทวนพู่แดงนี้จึงถูกเซวียนผิงโหวแห่งแคว้นเจาชิงไป เมื่อสองแคว้นเจรจาสงบศึกกัน แคว้นเฉินหมายจะเอามันกลับคืนมา แต่ถูกเซวียนผิงโหวปฏิเสธไป”

ยี่อ๋องครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง คิดเห็นด้วยเช่นกัน “อืม คนผู้นั้นก็ช่างทำไปได้”

นี่มันหน้าไม่อายนัก

ยี่อ๋องหยุดเว้น ก่อนถามต่ออีก “เช่นนั้นสรุปแล้วเขาเป็นคนของตระกูลเซวียนหยวน หรือคนของเซวียนผิงโหวกันล่ะ”

จิ้งจอกเงินส่ายหน้า “ยังไม่ทราบในตอนนี้ เขาไม่เพียงได้รับทวนนี้มา เขายังมีระเบิดด้วย เขาต้องเกี่ยวข้องกับแคว้นเยี่ยนแน่”

“ดังนั้นก็เป็นคนของตระกูลเซวียนหยวนน่ะสิ” ยี่อ๋องให้ข้อสรุปอยู่ในใจ จากนั้นสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปยกใหญ่ “เราจับคนของตระกูลเซวียนหยวนมา! หากตระกูลเซวียนหยวนรู้เข้า จะไม่เอาทหารเรือนแสนมาเหยียบพวกเราเละเป็นข้าวต้มรึ!”

จิ้งจอกเงินหัวเราะ “ท่านลุงโปรดวางใจ หากเขาเป็นคนสำคัญของตระกูลเซวียนหยวน แคว้นเยี่ยนคงได้ส่งกำลังเสริมมานานแล้ว”

ยี่อ๋องคิดแล้วก็เห็นด้วยกับเหตุผลนี้ เขานึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเอ่ยต่อ “เช่นนั้นเหตุใดเจ้าจึงไม่ฆ่าเขาเล่า เขาฆ่าเทียนหลัง เจ้าไม่แก้แค้นให้เทียนหลังหรือ”

จิ้งจอกเงินลูบทวนพู่แดงในมือพลางเอ่ย “เทียนหลังตายไปแล้ว ต่อให้ข้าแก้แค้นให้เทียนหลัง เทียนหลังก็ฟื้นคืนชีพกลับมาไม่ได้ แต่เขาฆ่าเทียนหลังตายได้ ก็หมายความว่าเขาเก่งกว่าเทียนหลัง ท่านลุง หากเขายอมสวามิภักดิ์กับเรา เราจะไม่มีเทียนหลังคนที่สองหรอกหรือไร”

ยี่อ๋องลังเลครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยถาม “แล้วหากเขาไม่ยอมสวามิภักดิ์เล่า”

จิ้งจอกเงินหยักยกมุมปากกอย่างเอาแต่ใจ “เขาเป็นทหารแคว้นเจา เขาช่วยชีวิตเหล่าติ้งอันโหว หากพวกเราเอาเขามาขู่กองทัพตระกูลกู้ ท่านลุงว่ากองทัพตระกูลกู้จะทำเช่นไร”

ยี่อ๋องมองเด็กหนุ่มที่นอนตะแคงอยู่บนพื้นตาไม่กะพริบ ไม่รู้เพราะเหตุใด เขาจึงได้ไม่ค่อยสบายใจนัก “ข้าว่าพวกเราฆ่าเขาเสียจะดีกว่า”

จิ้งจอกเงินยิ้มเอ่ย “ท่านลุงอย่าทรงกลัวไป เขาแข็งทื่อเสียเพียงนี้ สร้างอันตรายใดๆ ไม่ได้หรอก”

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

Status: Ongoing

นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ ผู้เขียนเดียวกับเรื่องหมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม!

จากสายลับสาวสวยแห่งยุคปัจจุบันต้องทะลุมิติมาอยู่ในร่างของ กู้เจียว หญิงอัปลักษณ์สติไม่สมประกอบแห่งหมู่บ้านชนบทห่างไกล

แม้สติไม่สมประกอบแต่ชอบคนหน้าตาดี กรรมเลยไปตกที่ เซียวลิ่วหลัง ที่เจ้าของร่างช่วยเหลือเอาไว้โดยบังเอิญ

เพราะบุญคุณเซียวลิ่วหลังจึงต้องแต่งเข้าอย่างไม่เต็มใจและยังรังเกียจเจ้าของร่างเดิมสุดใจ

แต่เพราะ ‘ฝันบอกเหตุ’ ที่ร่างเดิมมีทำให้ กู้เจียวคนใหม่ได้รู้ว่าเซียวลิ่วหลังสามีของนางคนนี้ ในอนาคตจะได้กลายเป็นขุนนางใหญ่ของราชสำนัก

เพราะงั้นนางจะปกป้องเขาจากภัยร้ายทั้งหลายเพื่อประคองเขาขึ้นสู่ตำแหน่งอย่างราบรื่นเอง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท