ลี่ถิงเซิ่งปรายตาลง พร้อมเปิดโน้ตบุ๊กขึ้นมา
หลังจากที่กลับมาถึงห้องทำงาน เขาก็ถอดเสื้อสูทออก ตอนนี้สวมแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวเพียงตัวเดียว นั่นยิ่งขับให้ใบหน้าหล่อเหลานั้นเด่นชัดขึ้นมา
เขาพูดนิ่งๆ “ความแค้นที่ฝังลึกบางทีอาจจะพูดได้อยาก แต่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันเลย”
หลี่อานคิด พร้อมพูดเตือนสติ “งั้นอาจจะเกี่ยวกับน้ำหอมที่แอนนาเคยปรุงในอดีต แล้วคุณหนูสวี่ไม่ชอบ คุณลืมไปแล้วเหรอว่าคุณหนูสวี่เคยมาโวยวายที่สำนักงานของคุณเพราะเรื่องนี้ครั้งหนึ่ง”
ลี่ถิงเซิ่งเม้มปากพร้อมกับค่อยๆคิดไตร่ตรอง
คงไม่ใช่เพราะเรื่องง่ายๆแบบนี้แน่นอน ด้วยลักษณะนิสัยของแอนนาแล้ว เธอแยกแยะได้ว่าใครสำคัญใครไม่สำคัญ
“ถ้าสวี่รั่วยีแค่กลั่นแกล้งเธอ ก็คงจะพูดได้ง่ายกว่านี้ แต่ตอนที่เจอคนตระกูลสวี่ เธอนั้นเหมือนเม่นที่ระเบิดขนออกมา นอกจากความเกลียดแล้วยังมีความตื่นตัวอีก นี่ดูไม่มีเหตุผลเลย” ลี่ถึงเซิ่งพูดเป็นเหตุเป็นผล
หลี่อานพยักหน้าเหมือนว่าเข้าใจ
แต่คำเปรียบเทียบของลี่ถิงเซิ่งนั้นช่างคล้ายจริงๆ บางทีแอนนาก็คล้ายกับเม่นจริงๆนั่นแหละ
สมแล้วที่ความรักนั้นทำให้โลกทั้งใบกลายเป็นสีชมพู เป็นดวงตาที่ใช้มองคนรักโดยแท้จริง คาดไม่ถึงว่าประธานลี่จะคิดได้ถึงขนาดนี้ เกรงว่าคนอื่นๆคงจะคิดไม่ได้ถึงขนาดนี้แน่ๆ
“สรุปแล้วเธอก็รีบกลับสืบค้นเรื่องนี้ ถ้าวันไหนได้ผลสรุปแล้วให้รีบมาบอกฉัน แล้วก็ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับฉินซวี่ ฉันก็อยากรู้ให้ได้เร็วที่สุดเช่นกัน เขาให้ความสนใจแอนนาเป็นพิเศษ ถ้าฉินซื่อกรุ๊ปแค่ต้องการทำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำหอม ก็คงจะพูดได้ง่ายกว่านี้ แต่ถ้า…”
ลี่ถิงเซิ่งพูดได้ครึ่งเดียวก็หยุดพูด แต่แค่แป๊บเดียวหลี่อานก็เข้าใจความหมายของเขาได้ทันที
“ประธานลี่ คุณวางใจเถอะ ถ้าฉินซวี่สนใจแอนนาจริงๆ ฉันจะรีบรายงานคุณโดยทันที!”
หลี่อานเป็นเลขาของลี่ถิงเซิ่ง แน่นอนว่าต้องเลือกช่วยเจ้านายของตัวเองในการจีบหญิงอยู่แล้ว!
ลี่ถิงเซิ่งพยักหน้า หลังจากที่หลี่อานออกไป เขาก็นวดคลึงหน้าผากของตัวเองอย่างเหนื่อยล้า พร้อมถอนหายใจออกมา
เมื่อก่อนในดวงตามืดสนิทของเขานั้นจะปกคลุมไปด้วยความปวดร้าวและเหนื่อยล้า เขายิ้มให้กับตัวเองสักพัก
ถ้าเกิดเรื่องราวแบบเดียวกันนี้ขึ้นในอดีต ปฏิกิริยาโต้ตอบแรกของเขาคือจะต้องมีคนอยากก้าวเท้าเข้ามาร่วมในธุรกิจน้ำหอมแน่ ต้องการที่จะเข้ามาในโลกธุรกิจน้ำหอมของเมืองหลินชวนเพื่อแบ่งผลประโยชน์กำไร
แต่ในตอนนี้เพราะแอนนา เขาเริ่มกังวลเกี่ยวกับเธอที่น่าหลงใหลคลั่งไคล้ที่อยู่ในสายตาของเขาอย่างไม่คาดคิด แถมยังมีผู้ชายคนอื่นๆที่สามารถมองเห็นข้อดีในตัวเธอได้เช่นเดียวกัน
เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ ในใจของลี่ถิงเซิ่งนั้นก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนแทบคลั่ง
เขาไม่อยากให้ความสวยงดงามบนตัวของเธอนั้นโดนคนอื่นมองเห็น ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้น
…
เวลาหกโมงเย็นของวันต่อมา
สวี่รั่วฉิงสวมใส่ชุดกระโปรงราตรีสีกำที่ถูกตัดมาอย่างพอดีตัว มางานเลี้ยงราตรีนี้
ฉากในงานเลี้ยงราตรีถูกตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมที่วิจิตรตระการตา ดูสิ้นเปลืองมากเกินควร หญิงสาวชายหนุ่มในงานต่างก็สวมชุดโอตกูตูร์หรูหรา ในมือนั้นถือแก้วที่รินไว้ด้วยไวน์แดงราคาแพง เสียงพูดคุยหัวเราะร่าเริงในงานนั้นดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย
หลังจากสวี่รั่วฉิงสำรวจงานโดยรอบ เธอก็หาเพื่อนร่วมงานของตนเจอ แล้วเดินเข้าไปหาพวกเขาทันที
ฟ่านเซียวเซียวประหลาดใจเล็กน้อย “แอนนา วันนี้เธอไม่ได้มากับประธานลี่หรอกเหรอ”
งานสังคมครั้งก่อนๆ ประธานลี่ต้องให้แอนนาไปเป็นเพื่อนด้วยตลอด แต่วันนี้เกิดอะไรขึ้น?
หรือว่าสองคนทะเลาะกัน?
เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง? หรือว่าคู่จิ้นที่มั่นคงของเธอนั้นเลิกกันไปแล้ว?
ไม่ เธอรับไม่ได้!
สวี่รั่วฉิงยิ้มมุมปาก ฟ่านเซียวเซียวเอาสิ่งที่คิดในใจนั้นแสดงออกมาทางใบหน้าหมดแล้ว!
งานเลี้ยงราตรีวันนี้ ต้องให้พนักงานคนสำคัญอย่างสวี่รั่วฉิงและฟ่านเซียวเซียวเข้าร่วมเท่านั้น
สวี่รั่วฉิงเป็นหัวหน้าดูแลแผนกสำคัญคือแผนกน้ำหอม แน่นอนว่าจำเป็นต้องเข้าร่วม
ส่วนลี่ถิงเซิ่งนั้นเป็นประธานของลี่ซื่อกรุ๊ป โดยมีหลี่อานติดตามมาเข้าร่วมงานเลี้ยงราตรีนี้ด้วยตัวเอง
ได้ยินว่าในงานเลี้ยงนั้นจะพูดถึงเกี่ยวกับธุรกิจไม่กี่อย่าง แต่สวี่รั่วฉิงไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับรายละเอียดมากนัก
บริกรที่สวมชุดทักซิโด้ สองมือนั้นถือถาดที่ด้านบนนั้นวางแก้วไวน์แดงเรียงไว้อยู่
สวี่รั่วฉิงหยิบไวน์แดงจากบนถาดนั้นมา พร้อมก้มลงจิบ จากนั้นก็พูดนิ่งๆ “เซียวเซียว เธอโดนสัมภาษณ์แล้วเหรอ?”
คนเข้าร่วมงานเลี้ยงวันนี้มีนักข่าวสื่อมวลชนมากมาย เพราะฉะนั้นผู้หญิงที่ทั้งสวยและเก่งของลี่ซื่อกรุ๊ปก็มาเข้าร่วมแทบจะทุกคน
ฟ่านเซียวเซียวส่ายหัว แม้นักข่าวจะเยอะ แต่ก็ยังเวียนมาสัมภาษณ์ไม่ถึงมือวางอันดับสองของแผนกของบริษัทอย่างเธอ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในใจของฟ่านเซียวเซียวก็รู้สึกห่อเหี่ยวเล็กน้อย เป้าหมายของเธอคืออยากเป็นมือวางอันดับหนึ่งของแผนกน้ำหอมของบริษัท แต่ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเธอนี้ ฝีมือการปรุงน้ำหอมของเธอราวกับมีพรสวรรค์มาตั้งแต่เกิด ในเวลาอันสั้นเธอคงไล่ตามเธอคนนี้ไม่ทันแน่ๆ
แต่ไม่ใช่ว่าฟ่านเซียวเซียวนั้นอิจฉา เธอถึงขนาดที่ว่ารู้สึกเคารพและเลื่อมใสสวี่รั่วฉิงอยู่ในใจ
สวี่รั่วฉิงไม่เพียงแต่ไม่สนใจว่าเธอนั้นเคยทำอะไรมาในอดีต แต่ถึงขนาดยินดีถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์การปรุงนี้หอมของตนเองให้กับเธอทั้งหมด
อีกอย่างน้ำหอมของสวี่รั่วฉิงนั้นสมควรที่จะได้รับการยกย่องจากนักปรุงน้ำหอมทุกคนในบริษัทจริงๆ ในเวลาเดียวกัน ฟ่านเซียวเซียวก็แทบจะกลายเป็นแฟนคลับของสวี่รั่วฉิงไปแล้ว!
สวี่รั่วฉิงก้มจิบไวน์ในแก้วอย่างใจลอย ไม่ทันไรก็ดื่มหมด เธอวางแก้วเปล่าไว้บนโต๊ะข้างๆ พร้อมเดินไปพิงกำแพงพร้อมหลับตาอย่างเหนื่อยล้า พร้อมกับพิจารณาแขกผู้มีเกียรติแต่ละคนที่มาร่วมงานในเวลานี้
เธอมองเห็นคนที่เธอคุ้นเคยอยู่ไม่กี่คน
มีนายแบบที่เคยถ่ายวิดีโอโฆษณาร่วมกันครั้งหนึ่ง และก็มีผู้กำกับที่มีชื่อเสียงอย่างผู้กำกับจาง
สวี่รั่วฉิงหันข้าง มาพูดกับฟ่านเซียวเซียวเบาๆ “การจัดแสดงนิทรรศการแสดงผลิตภัณฑ์น้ำหอมปลายปีนี้ เกรงว่าสวี่ซื่อกรุ๊ปจะเลือกเอาผลงานของนักปรุงน้ำหอมที่แข็งแกร่งที่สุดมาต่อสู้กับพวกเรา”
ฟ่านเซียวเซียวตกใจเล็กน้อย “ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าพวกเขาเพิ่งออกน้ำหอมตัวใหม่เหรอ? แม้ยอดขายจะไม่เลว แต่ก็ไม่ได้ดีไปกว่าพวกเรา ได้ยินคนวงในพูดกันว่า เพราะเหตุผลนี้จึงทำให้ประธานของสวี่ซื่อกรุ๊ปโมโหเป็นอย่างมาก และนักปรุงน้ำหอมที่ทำน้ำหอมตัวนั้นก็คือคุณหนูใหญ่ตระกูลสวี่ สวี่รั่วยีนั่นเอง เป็นได้ไหมที่สวี่ซื่อกรุ๊ปนั้นจะเลือกน้ำหอมของสวี่รั่วยีมาเป็นผลิตภัณฑ์จัดแสดง? ไม่กลัวขาดทุนรึไงนะ?”
สวี่รั่วฉิง “…”
ลูกน้องของเธอฟ่านเซียวเซียวคนนี้ ความสามารถในการพูดแขวะนี่ลื่นไหลจริงๆ
สวี่รั่วฉิงพยักหน้า เรื่องที่ฟ่านเซียวเซียวพูดเธอนั้นก็รู้ แต่ก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ
หลังจากที่ลี่ถิงเซิ่งพูดถึงขึ้นมาเมื่อวานนี้ สวี่รั่วฉิงก็เพิ่งจะคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
สวี่รั่วฉิงพูด “เรื่องนี้ฉันเองก็รู้ แต่ลี่ถิงเซิ่งสั่งกำชับไว้แล้ว แผนกของเราปีนี้ต้องคว้ารางวัลที่หนึ่งของงานนิทรรศการจัดแสดงผลิตภัณฑ์น้ำหอมฤดูหนาวมาให้ได้ และเซียวเซียว เธอนั้นก็เป็นลูกน้องที่ฉันเน้นให้ความสำคัญเป็นอย่างมากคนหนึ่ง ถ้าฝ่ายการปรุงน้ำหอมของเธอเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาก็ตาม ให้ติดต่อบอกฉันทันทีได้เลย”
“แล้วเธอล่ะแอนนา?” ฟ่านเซียวเซียวอดที่จะถามไม่ได้ “เธอคือไพ่ใบสำคัญของแผนกของพวกเรา หรือเธอตัดสินใจที่จะไม่เข้าร่วมการจัดแสดงนิทรรศการน้ำหอมฤดูหนาวครั้งนี้เหรอ?”
สวี่รั่วฉิงยิ้มออกมา แววตานั้นประกายอย่างมีเลศนัย “ฉันก็เข้าร่วมเหมือนกัน แต่ส่วนประกอบสำคัญของผลิตภัณฑ์ฉันนั้นต้องตีเสมอคู่ต่อสู้อย่างสวั่รั่วยีและมู่ชิงให้ได้”
หลังจากได้ยินสองชื่อที่สวี่รั่วฉิงพูดถึง ในใจก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
ฝีมือของสวี่รั่วยี เธอก็เคยได้ยินมาบ้างเหมือนกัน แต่ฝั่งมู่ชิงนั้นไม่เหมือนกัน
“หรือว่ามู่ชิงที่พูดถึงนั้นถูกยืนยันแล้วว่าได้รับแต่งตั้งใหม่ให้เป็นประธานนักปรุงน้ำหอมของสวี่ซื่อกรุ๊ปเหรอ?”
“ตามลักษณะนิสัยของประธานสวี่ซื่อกรุ๊ปคนนั้นแล้ว เขาน่าจะไม่ให้ใครนอกจากลูกสาวของตัวเองมารับตำแหน่งประธานนักปรุงน้ำหอมหรอก” สวี่รั่วฉิงพูดอย่างมั่นใจ