“อะไรนะ!? เป็นไปได้ยังไง?”
ซูจิ่วเอ๋อร์กับสวี่อี้หานต่างก็มีท่าทางไม่อยากจะเชื่อ พวกเธอเบิกตากว้างมองมาที่สวี่อี้ฝานที่กำลังหอบโน้ตบุ๊กกลับไปที่ห้องอย่างเหลือเชื่อ
“รั่วฉิงประสบอุบัติเหตุได้ยังไง? อาการหนักไหม? ใครเป็นคนทำ?” ซูจิ่วเอ๋อร์ไม่มีเวลาให้คิดมาก เอ่ยถามขึ้นมาอย่างเร่งรีบ
ทักษะการขับรถของสวี่รั่วฉิงดีมาตลอด จะเกิดอุบัติเหตุได้ยังไง?
ทักษะของเธออยู่แถวๆหน้าของในยุโรป นักแข่งรถผู้ชายบางคนยังสู้เธอไม่ได้เลย!
ถ้าเป็นคนอื่นเธอก็จะเชื่ออยู่หรอก! แต่พอเป็นสวี่รั่วฉิง เธอก็แทบจะจินตนาการไม่ออก!
ใบหน้าเล็กๆของสวี่อี้ฝานขาวซีดเล็กน้อย ต่อให้ในเวลาปกติเขาใจเย็นแค่ไหน แต่ยังไงเขาก็แค่เด็กคนหนึ่ง
ต่อให้เขาจะมีความเป็นผู้ใหญ่ แล้วต้องเป็นผู้ใหญ่ขนาดไหน?
“ทุกอย่างในตอนนี้ เราไม่สามารถรับรู้ได้หรอก ไม่สามารถยืนยันได้ว่าที่หม่ามี๊ประสบอุบัติเหตุเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องปลอม และก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าอาการหม่ามี๊เป็นยังไง อีกอย่างถ้าแด๊ดดี้รู้เรื่องนี้ จากนิสัยของแด๊ดดี้ คงส่งคนไปปิดข่าว พยายามไม่ให้ข่าวมันรั่วไหลออกมาให้ได้มากที่สุด แต่ในเมื่อข่าวมันหลุดออกมาอย่างนี้ แบบนั้นก็แปลว่า มีคนจงใจให้มันเกิดขึ้น!”
สวี่อี้ฝานวิเคราะห์ ใบหน้าเล็กๆขาวใสปรากฏแววอธิบายยาก
ใครกัน ที่สามารถปกปิดแด๊ดดี้ นำเรื่องที่หม่ามี๊เกิดอุบัติเหตุแพร่กระจายบนอินเทอร์เน็ต?
เป็นใครกันนะ?
สวี่อี้ฝานนึกไม่ออก
หลังจากที่สวี่อี้ฝานพูดจบ เขาก็พยายามกดข่มความกลัวและความหวาดหวั่นในใจของตัวเองเอาไว้ หันไปพูดกับซูจิ่วเอ๋อร์อย่างใจเย็นว่า “เรารีบไปที่โรงพยาบาลกันเถอะ!”
ในขณะที่พูด สวี่อี้ฝานก็บอกให้สวี่อี้หานไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วรีบตรงไปที่โรงพยาบาลเอกชนที่หนึ่ง อย่างน้อยก็เพื่อให้มั่นใจว่าหม่ามี๊ไม่เป็นอะไร
แต่ว่าไม่นาน ก็เหมือนสวี่อี้ฝานนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาหยุดชะงักอยู่ชั่วครู่ ดวงตากลมโตทอแววเจ็บปวด
สวี่อี้ฝานหันไปพูดกับซูจิ่วเอ๋อร์อย่างจรังจังว่า “คุณมี๊ ดูเหมือนคืนนี้ต้องรบกวนคุณมี๊อีกเรื่องแล้วล่ะ”
ซูจิ่วเอ๋อร์ร้อนใจ แต่ว่าตอนนี้มีแค่เธอที่เป็นผู้ใหญ่ เธอต้องใจเย็นๆ เพื่อเป็นที่พึ่งให้สวี่อี้ฝานกับสวี่อี้หาน
ซูจิ่วเอ๋อร์ยายามบอกให้ตัวเองใจเย็น จากนั้นก็พูดว่า “ไม่เป็นไร อี้ฝานพูดมาเลยให้ช่วยอะไร!”
สวี่อี้ฝานเม้มปาก แล้วพูดว่า “แด๊ดดี้ของผมกับอี้หาน…..ประธานลี่ซื่อกรุ๊ป—ลี่ถิงเซิ่งอาจจะอยู่ที่โรงพยาบาล”
ซูจิ่วเอ๋อร์เป็นคนฉลาด ชั่ววินาทีเธอก็เข้าใจความหมายที่สวี่อี้ฝานจะสื่อ
อายุยังน้อย แต่คิดอะไรได้ลึกล้ำเหมือนเคย
ได้พ่อมาจริงๆ
สวี่อี้ฝานกับสวี่อี้หานเป็นลูกของลี่ถิงเซิ่งก็จริง แต่เอาตามที่ซูจิ่วเอ๋อร์เข้าใจ ในระหว่างที่สวี่รั่วฉิงยังแก้แค้นตระกูลสวี่ไม่สำเร็จ สวี่รั่วฉิงก็คงไม่บอกสถานะของเด็กทั้งสองคนให้ลี่ถิงเซิ่งได้รับรู้
ถึงแม้สวี่อี้ฝานจะมีความสามารถราวกับฟ้าประทาน แต่จากประสบการณ์ชีวิตของเขา เกรงว่าคงไม่สามารถผ่านบอดี้การ์ดพวกนั้น จนไปถึงตัวลี่ถิงเซิ่งได้แน่นอน
ถ้าหากลี่ถิงเซิ่งอยู่ที่โรงพยาบาล คิดว่าคำพูดของเด็กคนหนึ่งจะทำให้บอดี้การ์ดของเขาเชื่อเหรอ? แน่นอนว่าไม่มีทาง
อีกอย่าง ลี่ถิงเซิ่งก็ระมัดระวังมาตลอด ถ้าหากคนที่ประสบอุบัติเหตุเป็นสวี่รั่วฉิงจริงๆ แบบนั้นลี่ถิงเซิ่งก็คงไม่ยอมให้คนที่ไม่รู้จักกันมาก่อนเข้าเยี่ยมแน่ๆ
และตอนนี้ ในฐานะที่ซูจิ่วเอ๋อร์คือคุณหนูของตระกูลซู ไม่ว่าจะสถานะหรือตำแหน่ง จึงมีเหตุผลมากพอที่จะโทรหาลี่ถิงเซิ่งได้
ยังไงเธอก็เป็นถึงคุณหนูของตระกูลซู เหตุผลในการโทรหาลี่ถิงเซิ่งก็คงไม่ดูกะทันหันเกินไป
อีกอย่าง เธอยังเป็นเพื่อนสนิทของสวี่รั่วฉิงอีกด้วย
เพื่อนสนิทประสบอุบัติเหตุ จะไม่ให้เธอเป็นห่วงได้ยังไง!
คิดมาถึงตรงนี้ ซูจิ่วเอ๋อร์ก็ยิ่งโมโห ถ้าไม่ใช่เพราะลี่ถิงเซิ่ง เพื่อนสนิทของเธอก็คงไม่ต้องมาเจออะไรอย่างนี้!ความผิดของผู้ชายคนนี้ทั้งหมด!
ซูจิ่วเอ๋อร์ครุ่นคิดอย่างกรุ่นโกรธ หยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรหาเลขาอย่างไม่สบอารมณ์ “ช่วยหาเบอร์ส่วนตัวของลี่ถิงเซิ่งให้หน่อย และต้องได้มาตอนนี้ เร็วได้เท่าไหร่ยิ่งดี”
“คุณหนู มีธุระอะไรกับประธานลี่หรือเปล่าครับ? ลองถามคุณท่านก่อนไหมครับ ผมจำได้ว่าคุณท่านมีเบอร์ส่วนตัวของประธานลี่อยู่” เลขาเอ่ยพูดเบาๆ
ซูจิ่วเอ๋อร์ขมวดคิ้ว คุณพ่อจะไปมีเบอร์ติดต่อลี่ถิงเซิ่งได้ยังไง?
เวลาที่มีไม่ให้เธอได้คิดอะไรมากมาย “จะหามาจากช่องทางไหนก็แล้วแต่ ฉันต้องการแค่คำตอบ อีกหนึ่งนาที ฉันต้องได้เบอร์ส่วนตัวของลี่ถิงเซิ่ง ถ้าเสียเวลาจนกระทบถึงชีวิตของสวี่รั่วฉิงแม้แต่วินาทีเดียว พวกนายก็อย่าหวังว่าจะได้อยู่กันดีๆเลย!”
เมื่อเลขาได้ยินว่าเรื่องมันเกี่ยวกับสวี่รั่วฉิง ก็ไม่กล้าเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว
ใครๆก็รู้ว่าถึงแม้สวี่รั่วฉิงจะไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับตระกูลซู แต่ทั้งคุณผู้ชายซูและคุณผู้หญิงซู รวมไปถึงคุณหนูตระกูลซูคนนี้ ต่างก็มองสวี่รั่วฉิงเป็นคนสำคัญกันทั้งนั้น
ถ้าเกิดสวี่รั่วฉิงเป็นอะไรไป เกรงว่าคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่น่าจะมีจุดจบที่ดีแน่!
เลขาดำเนินการอย่างรวดเร็ว ผ่านไปหนึ่งนาที เขาก็หาช่องทางติดต่อลี่ถิงเซิ่งมาให้ซูจิ่วเอ๋อร์ได้ “คุณหนู เบอร์ส่วนตัวของประธานลี่ คือ188xxxxxxxx ครับ”
ซูจิ่วเอ๋อร์ไม่มีเวลาให้คิดอะไรมาก กดโทรออกหาลี่ถิงเซิ่งอย่างเร่งรีบ
ภายในโรงพยาบาลเอกชนที่หนึ่ง บริเวณห้องผ่าตัด
ใบหน้าของลี่ถิงเซิ่งเปี่ยมไปด้วยความเย็นยะเยือก ดวงตาแดงเถือกจ้องมองไปยังประตูห้องผ่าตัดที่ปิดสนิท
ผ่านไปแล้วหนึ่งชั่วโมง ในห้องผ่าตัดก็ยังไม่มีวี่แววอะไรออกมา
เขากำมือแน่นจนเส้นเลือดบนหลังมือผุดขึ้นมา
ทั่วร่างกายแผ่ไอเย็นห้ามคนเข้าใกล้ แม้แต่หลี่อานที่ควรจะชินในเวลานี้ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
ทันใดนั้น โทรศัพท์ในกระเป๋าของลี่ถิงเซิ่งก็สั่นครืดๆ
สีหน้าหล่อสุขุมของลี่ถิงเซิ่ง เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ดวงตาที่แทบจะแข็งค้างไปแล้วของเขา ชะงักไปครู่นิ่ง จากนั้นก็ทอแววรำคาญ
นิ้วมือเรียวยาวกดวางสายทันที ตามมาด้วยกดปิดโทรศัพท์
ตอนนี้ชายหนุ่มไม่มีกะจิตกะใจคิดเรื่องงานอะไรทั้งนั้น
ในระหว่างที่ยังไม่มั่นใจว่ารั่วฉิงจะปลอดภัยหรือไม่ ต่อให้เป็นเรื่องใหญ่โตแค่ไหนก็ต้องวางไว้หลังความปลอดภัยของเธอ
ลี่ถิงเซิ่งไม่เคยคิดเลยว่า สักวันเขาจะมีวันนี้
ถึงขั้นยกความปลอดภัยของผู้หญิงคนหนึ่งไว้เหนือเรื่องงาน!
คิดมาถึงตรงนี้ ริมฝีปากของเขาก็กระตุกยิ้มเยาะ
ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่สวี่รั่วฉิงสำคัญกับเขาขนาดนี้?
ลี่ถิงเซิ่งค่อยๆกำมือแน่น จากนั้นก็วางโทรศัพท์เครื่องสีดำไว้บนเก้าอี้
เขาช้อนดวงตาแดงเถือกมองตรงไปยังห้องผ่าตัด
ในหัวของเขาตอนนี้ยังมีแต่ภาพใบหน้าซีดๆที่อาบไปด้วยเลือดสดๆของสวี่รั่วฉิง แค่คิดมาถึงตรงนี้ หัวใจของเขาก็เหมือนถูกใครสักคนบีบคั้นอย่างแรง
เหมือนจะหายใจไม่ออก เจ็บปวดจนไม่อาจทนรับได้
เธอคงเจ็บกว่าเขาหลายพันหลายหมื่นเท่า!
ถ้าเขาจับคนร้ายได้ เขาจะให้คนคนนั้นได้สัมผัสความเจ็บปวดเหมือนอย่างที่สวี่รั่วฉิงต้องเจอ
ต้องให้คนคนนั้นชดใช้มากกว่าพันเท่าหมื่นเท่า!