หลี่อานรู้ดีแก่ใจ ว่าเจ้านายของตัวเองวางแผนที่จะไปที่เยี่ยมแอนนาที่โรงพยาบาลหลังจากเลิกงานวันนี้
แต่ใครจะไปคาดคิดว่าประธานซวี๋หวังอยากจะเจอหน้าลี่ถิงเซิ่งวันนี้ เพื่อตัดสินใจทำสัญญาระหว่างบริษัทของสองตระกูล
ซวี๋ซื่อกรุ๊ปกับลี่ซื่อกรุ๊ปมีความร่วมมือกันหลากหลายด้าน เดิมทีเมื่อวานควรจะต้องมีการทำเอกสารความร่วมมือกันระหว่างบริษัทของตระกูล แต่ว่าเพราะอุบัติเหตุของสวี่รั่วฉิง ทำให้ลี่ถิงเซิ่งขอเลื่อนออกไปก่อน
เดือนหน้าเอกสารความร่วมมือจำเป็นต้องก้าวดำเนินสู่แนวทางที่ถูกต้องแล้ว และด้วยเหตุนี้ วันนี้ประธานซวี๋จึงรีบร้อนโทรศัพท์ติดต่อมาต้องการนัดพบประธานลี่น่ะสิ
หลี่อานคิดถึงตรงนี้ ก็มองพิจารณาไปที่เจ้านายของเธอ พร้อมกับพูด “ประธานลี่ ถ้าหากว่าคุณเป็นห่วงแอนนา งั้นคงจะดีกว่าถ้า…”
หลี่อานกำลังช่วยลี่ถิงเซิ่งคิดวางแผน แต่กลับได้ยินลี่ถิงเซิ่งพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา “ไม่ต้อง ฝากไปบอกประธานซวี๋ด้วย ว่าเจอกันคืนนี้สองทุ่ม”
หลังจากลี่ถิงเซิ่งพูดจบ ก็เหลือบตาลงไปอีกรอบ เริ่มอ่านเอกสารตรวจสอบสัญญา
ทีนี้ก็เห็นด้วยแล้ว? หลี่อานแปลกใจ เธอกลับคิดว่าลี่ถิงเซิ่งจะใช้เวลาคิดไตร่ตรองนานกว่านี้สักหน่อย แต่สุดท้ายก็แก้หาทางออกได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
เดิมทีหลี่อานคิดว่าช่วงนี้ที่สวี่รั่วฉิงอยู่ที่โรงพยาบาล งานของเธอต้องยุ่งมากแน่ๆ แต่ผลสุดท้ายก็คล้ายกับว่าจะสบายกว่าที่คาดคิด?
หลังจากที่ลี่ถิงเซิ่งเซ็นชื่อแสดงวัตถุประสงค์ลงบนเอกสารผ่านไปอีกฉบับ เขาเหลือบตาขึ้นชำเลืองมองก็เห็นว่าหลี่อานยังคงไม่ไปไหน จึงถาม “ยังมีธุระอีกเหรอ?”
หลี่อานรีบร้อนส่ายหน้า “ป่าวค่ะประธานลี่ ไม่มีอะไรแล้วค่ะ”
ลี่ถิงเซิ่งตอบ “อือ” มาหนึ่งคำ หยิบเอกสารที่นิ้วเรียวแข็งแรงนั้นเพิ่งจะรื้อค้นขึ้นมาอีกฉบับ และก็คล้ายกับว่าเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “เรื่องที่สืบค้นเมื่อวานมีผลสรุปหรือยัง?”
“ยังเลยค่ะ ประธานลี่เองก็คงรู้ดี อิทธิพลของตระกูลสวี่ในเมืองหลินชวนไม่ใช่เล่นๆ ไปสืบสวนคนตระกูลสวี่อย่างโจ่งแจ้งเช่นนั้น เกรงว่าจะยิ่งไปยุแหย่กวนโมโหความสัมพันธ์ของระหว่างสองตระกูลให้ยิ่งตึงเครียดเข้าไปใหญ่นะคะ…”
หลี่อานพูด พร้อมกับคิดถึงเมื่อเช้านี้ที่เธอไปถามความคืบหน้าเกี่ยวกับการสืบสวนตระกูลสวี่ว่าเป็นอย่างไรบ้าง คนที่รับผิดชอบการสืบสวนตอบอย่างกลัวๆ “ผู้ช่วยพิเศษหลี่พวกเราก็อยากจะรีบสืบสวนหาข้อสรุปให้เร็วอย่างที่ประธานลี่ต้องการอยู่หรอกนะ แต่ว่า…ตระกูลสวี่ไม่ใช่อะไรที่จะสืบสวนได้ง่ายๆ อย่างน้อยที่ดูจากภายนอกตอนนี้ ยังตรวจสอบไม่เจอว่าพวกเขานั้นมีปัญหาอะไร”
ลี่ถิงเซิ่งวางปากกาลงบนโต๊ะ ยกมือหยิบแก้วชาขึ้นมา พร้อมกับก้มดื่มเพื่อให้ลำคอชุ่มชื่น “ถ้าหากว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ฉันจัดการเอง”
หรือพูดได้อีกอย่างว่า ไม่ต้องกังวงเกี่ยวกับคนตระกูลสวี่
“ตระกูลเล็กๆอย่างตระกูลสวี่ ฉันไม่เคยมองอยู่ในสายตาอยู่แล้ว”
ลี่ถิงเซิ่งวางแก้วชาลงบนโต๊ะเบาๆ พร้อมพูดเสียงใส
หลังจากพูดอย่างเยือกเย็น เขาก็กลับไปเพ่งความสนใจกับงานบนโต๊ะต่อ
…
ซูจิ่วเอ๋อร์กำลังพักผ่อนอยู่ในห้องพักไข้ของสวี่รั่วฉิง
หลังจากลืมตาตื่นขึ้นมาวันที่สอง เธอก็เหลือบไปมองสวี่รั่วฉิงที่นอนอยู่บนเตียง ดวงตาคู่นั้นยังคงปิดแน่นอยู่เช่นเดิม
สีหน้าก็ยังคงซีดเซียวอยู่เหมือนเดิม
และไม่รู้ว่าต้องรออีกนานแค่ไหน รั่วฉิงถึงจะลืมตาตื่นขึ้นมา ซูจิ่วเอ๋อร์คิดพร้อมกับลุกขึ้นมาจัดทรงผมของตัวเองที่ยุ่งเหยิง พร้อมกับมัดรวบไว้อย่างไม่ตั้งใจเท่าไหร่นัก
เธอเดินไปข้างระเบียง เปิดหน้าต่างขึ้นเพื่อให้แสงอาทิตย์ภายนอกนั้นสาดส่องเข้ามาในห้องพักไข้สักเล็กน้อย
แสงแดดอันอบอุ่นสาดส่องลงมาบนร่างของสวี่รั่วฉิงที่นอนอยู่บนเตียง
ขนตาของเธอสั่นระริก แต่ไม่ได้ลืมตาแต่อย่างใด
สายตาที่ตื่นเต้นดีใจเมื่อครู่นั้นของซูจิ่วเอ๋อร์ก็วูบดับลงไป คุณหมอบอกว่ายาสลบที่ให้สวี่รั่วฉิงนั้นหมดฤทธิ์แล้ว แต่เหตุผลที่ยังไม่ตื่น พวกเขาก็ไม่แน่ใจเช่นกัน
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ น้ำเสียงนุ่มนวลของพยาบาลก็ดังขึ้นมาจากหน้าประตู “สวัสดีค่ะ ฉันเป็นพยาบาลที่มาเปลี่ยนยาให้คุณแอนค่ะ”
ซูจิ่วเอ๋อร์ช่วยเปิดประตูห้องให้พยาบาล และพยาบาลก็ลากรถเข็นมาจนถึงข้างเตียงจากนั้นพยาบาลก็ค่อยๆเปลี่ยนผ้าพันแผลที่ศีรษะให้สวี่รั่วฉิงอย่างระมัดระวัง พร้อมกับห้อยเปลี่ยนขวดสารอาหารเหลวอันใหม่ให้เธอ
หลังจากพยาบาลสำรวจทุกอย่างของสวี่รั่วฉิงเสร็จแล้ว หลังจากไม่มีอะไรที่ผิดปกติก็บันทึกข้อมูลลงไป “คุณซูคะ หลังจากนี้คุณหมอที่ดูแลไข้จะมาช่วยตรวจสอบให้อีกทีนะคะ ถ้าหากว่าคุณมีปัญหาอะไร ก็สามารถถามคุณหมอได้เลยนะคะ”
ซูจิ่วเอ๋อร์พยักหน้า พร้อมเรียกให้พยาบาลอยู่ก่อน
พยาบาลก็งง “?”
ซูจิ่วเอ๋อร์มองไปที่สวี่รั่วฉิงที่หลับตาแน่นอยู่ จากนั้นก็เอ่ยถามเบาๆ “คุณพยาบาลคะ สถานการณ์ของแอนนาตอนนี้ ต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนถึงจะฟื้นคะ?”
พยาบาลเข้าใจได้ทันที สายตาของซูจิ่วเอ๋อร์นั้นกำลังกังวล
เธอส่ายหน้าอย่างรู้สึกผิดและเสียใจพร้อมกับพูด “ยาสลบของคุณแอนหมดฤทธิ์ไปแล้ว คาดว่าอีกสองสามชั่วโมงก็ควรจะต้องตื่นขึ้นมาแล้วแหละค่ะ”
ซูจิ่วเอ๋อร์ยิ้มขอบคุณ
หลังจากที่พยาบาลยิ้มตอบรับ ก็ค่อยๆออกไปอย่างเงียบๆ
ซูจิ่วเอ๋อร์นั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง มองสวี่รั่วฉิงที่อยู่บนเตียง แล้วก็คิดถึงเด็กๆสองคนที่ร้องไห้อย่างหนักเมื่อวานนี้
เธอพูดในใจเงียบๆ : เธอรีบตื่นขึ้นมาเถอะนะ สวี่อี้ฝานและสวี่อี้หานกำลังรอเธออยู่นะ อีกอย่างฉันก็สืบค้นเจอข่าวของป้าหวังแล้วด้วย รอแค่จะบอกเธอเท่านั้น จะว่าไปเธอไม่คิดอยากจะแก้แค้นแล้วเหรอ? เรื่องครั้งนี้เป็นไปอย่างมากที่สวี่รั่วยีเป็นคนทำ! ความแค้นครั้งเก่ารวมกับแค้นครั้งใหม่ ถ้าไม่แก้แค้นอย่างสาสมจะหายแค้นได้ยังไง?
ซูจิ่วเอ๋อร์มองสวี่รั่วฉิงที่ไม่ได้ตอบสนองอะไร พร้อมถอนหายใจออกมา รับอาหารเช้าที่พยาบาลช่วยซื้อมาให้เธอพร้อมกับเริ่มจัดการกับอาหารเช้าของตัวเอง
เมื่อวานเธอส่งข้อความผ่านวีแชทบอกคุณผู้ชายซูแล้ว ว่าสวี่รั่วฉิงเกิดอุบัติเหตุรถยนต์
คุณผู้ชายซูและคุณผู้หญิงซูนั้นตกใจอย่างมาก ทั้งสองคนนั้นเร่งรีบเตรียมที่จะมาเมืองหลินชวน ถึงขนาดที่ซื้อตั๋วเครื่องบินเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ซูจิ่งเอ๋อร์จนปัญญา ทำได้แค่เพียงพูดโน้มน้าว “พ่อคะ แม่คะ อยู่ทางนี้มีหนูคอยดูแลสวี่รั่วฉิงอยู่ ถ้าพ่อกับแม่มาด้วยกันทั้งหมด ใครจะช่วยรั่วฉิงสืบค้นล่ะคะ ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เกี่ยวข้องกับคนตระกูลสวี่หรือเปล่า?”
คุณผู้ชายซูและคุณผู้หญิงซูคิด : ก็ใช่
คุณผู้หญิงซูพูดผ่านโทรศัพท์ “งั้นก็เชิญพยาบาลที่ดีและเก่งที่สุดให้มาดูแลรั่วฉิงนะ แล้วก็ ถ้าหากว่าเป็นคนตระกูลสวี่ทำจริงๆ งั้นเวลาที่หนูอยู่โรงพยาบาลดูแลรั่วฉิง ก็ต้องใช้ความคิดสักหน่อย แม่รู้สึกว่าพวกมันคงต้องทำอะไรกับสวี่รั่วฉิงอีกแน่ๆ”
คุณผู้ชายซูพูด “เรื่องของตระกูลสวี่ พ่อจะช่วยสืบหาเอง ถ้าหากว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เกี่ยวข้องกับคนตระกูลสวี่จริงๆ…”
คุณผู้ชายซูหยุดพูดไป เขาเฝ้าดูสวี่รั่วฉิงค่อยๆเติบโตมา แม้ว่าจะไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ แต่ก็รู้สึกรักและเอ็นดูเหมือนลูก
เด็กสาวที่โตมาด้วยกันกับซูจิ่วเอ๋อร์ ตอนนี้ถูกคนรังแกซึ่งอีกนิดเดียวก็เกือบจะพรากชีวิตเธอไปแล้ว เขาเป็นญาติผู้ใหญ่ที่ดูแล จะไม่ให้โกรธเกลียดได้อย่างไร “ถึงแม้ว่ารั่วฉิงจะไม่ต้องการแก้แค้น แต่พ่อจะต้องคืนความเป็นธรรมให้เธอแน่นอน”
ซูจิ่วเอ๋อร์รู้สึกดีขึ้นมาบ้างแล้ว จากลักษณะนิสัยของสวี่รั่วฉิง ถ้าหากว่าสวี่รั่วยีมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยจริงๆ ยังไงเธอก็ต้องแก้แค้นแน่ๆ ต้องสนองคืนเป็นร้อยเท่า ความแค้นครั้งเก่ากับใหม่รวมกันเช่นนี้ ต้องทำให้สวี่รั่วยีได้ลิ้มรสชาติความเจ็บปวดที่เธอเจออย่างสาสม
ซูจิ่วเอ๋อร์เคารพนิสัยจุดนี้ของสวี่รั่วฉิงมาตลอด
ทำมาสิบเท่า ต้องสนองคืนร้อยเท่า
บอดี้การ์ดฝีมือดีห้าหกคนที่ปกติจะดูแลลี่ถิงเซิ่ง เวลานี้กำลังเฝ้าคุ้มครองอยู่หน้าประตูห้องพักไข้ของสวี่รั่วฉิง ไม่ว่าอะไรก็ไม่ต้องคิดที่จะแฝงตัวเข้ามา
ห่วงว่าจะมีคนต้องการมารังควานสวี่รั่วฉิงอีกรอบเหรอ? ทัศนคติที่ซูจิ่วเอ๋อร์มีต่อลี่ถิงเซิ่งในที่สุดๆก็ค่อยเปลี่ยนเป็นดีขึ้น
ดูเหมือนว่าจะเริ่มคิดได้เหมือนกันแล้ว ถ้าหากว่าคนบงการเบื้องหลังรู้ว่าสวี่รั่วฉิงยังมีชีวิตอยู่ เกรงว่าคงจะต้องคิดหาวิธีลงมือเป็นครั้งที่สองแน่ๆ