หลังจากหมอพูดออกมาเช่นนั้น คิ้วที่ขมวดแน่นของลี่ถิงเซิ่งก็ผ่อนคลายลง
ซูจิ่วเอ๋อร์ถอนหายใจโล่งอก “งั้นก็ดีแล้ว ดีแล้ว แอนนาไม่เป็นอะไรฉันก็วางใจ…”
เธอค่อยๆตบหน้าอกตัวเองเบาๆ แต่ใครจะคาดคิดว่าคำพูดต่อมาของคุณหมอจะทำให้ซูจิ่วเอ๋อร์ที่เพิ่งวางใจไปเมื่อครู่รู้สึกกังวลขึ้นมาอีกครั้ง
คุณหมอยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก พร้อมพูดอธิบายกับลี่ถิงเซิ่งและสวี่รั่วฉิง “เพราะบริเวณศีรษะของคุณแอนนั้นถูกรถพุ่งชนกระแทกเข้าอย่างหนัก เวลาที่ใช้ในการฟื้นฟูกลับมานั้นคาดว่าจะนานกว่าที่คิด”
หมอพูด แล้วก็กลับไปคิดถึงตอนที่ผ่าตัด สถานการณ์การผ่าตัดของสวี่รั่วฉิงนั้นซับซ้อนมาก ในใจนั้นอดปลงไม่ได้ : คุณแอนคนนี้โชคดีและดวงแข็งมาก ถ้าหากว่ามาช้ากว่านี้สักครึ่งชั่วโมง เกรงว่าคงจะช่วยกลับมาได้ไม่ทัน
เขาเป็นหมออายุรกรรมภายนอกทางด้านระบบประสาท และผ่าตัดเคสยากๆมามากมาย แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เคยพบเจอสถานการณ์เลือดคั่งหนักขนาดนี้
พอคิดถึงตรงนี้ เขาก็เหลือบมองทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้า ลี่ถิงเซิ่งนั้นสีหน้าเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง ดวงตาคู่นั้นของเขาแดงก่ำ แววตานั้นเหมือนคบเพลิง ราวกับว่าเพียงแค่เขาพูดออกมาว่าสถานการณ์ร่างกายของคุณแอนนั้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เขาก็พร้อมที่จะเรียกเอาตัวคนก่อเหตุมาชดใช้ให้สาสมในทันที
“ตอนนี้ยังไม่สามารถวินิจฉัยได้ชัดเจนว่าอุบัติเหตุครั้งนี้จะทำลายความทรงจำของคุณแอนหรือเปล่า” คุณหมอพูดออกมาพร้อมกับแบกรับความกดดันมหาศาล
เสียงของลี่ถิงเซิ่งทุ้มต่ำ เขามองสวี่รั่วฉิงพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ความทรงจำมีโอกาสเสียหาย?”
สวี่รั่วฉิงที่นอนอยู่บนเตียง ดวงตาคู่นั้นปิดแน่นและสีหน้าซีดขาว
ก่อนหน้านี้หนึ่งวัน ดวงตาคู่นั้นของเธอยังคงเต็มไปด้วยความสดใสมีชีวิตชีวาอยู่เลย
หมอพยักหน้าอย่างหนักใจ “ใช่ครับ ประธานลี่ ส่วนศีรษะของคุณแอนนั้นเป็นเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ถึงแม้ว่าจะมีถุงลมนิรภัย แต่ก็ยังคงได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนักมาก ส่วนสมองนั้นแม้จะผ่าตัดเอาส่วนเลือดคั่งในสมองออกไปได้แล้วส่วนหนึ่งแล้ว แต่ตอนนี้ก็ไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่าอีกส่วนหนึ่งนั้นจะไปทำลายหรือมีผลกระทบต่อความทรงจำของคุณแอนหรือไม่”
หลังจากคุณหมออธิบายจบ ก็หันไปพูดกับลี่ถิงเซิ่ง “ประธานลี่ บางทีอาจจะต้องให้ครอบครัวของคุณแอนนั้นมาอยู่เฝ้าเป็นเพื่อนเธอน่าจะดีขึ้นมาหน่อยนะครับ”
ใจของซูจิ่วเอ๋อร์ จมดิ่งลึกถึงที่สุดแล้ว
เธอพูดอย่างรีบร้อน “ฉันเป็นครอบครัวของเธอค่ะ ช่วงนี้ก็ให้ฉันมาดูแลเธอละกันนะ”
ลี่ถิงเซิ่งไม่พูดอะไรพลางมองไปที่ดวงตาที่ปิดแน่นของสวี่รั่วฉิง ริมฝีปากของเธอนั้นซีดจนไร้สีเลือด อีกทั้งยังแห้งแตกอีกด้วย
ใบหน้ากลมนั้น มีเครื่องช่วยหายใจครอบอยู่แทบจะเต็มหน้าไปหมด
บนศีรษะนั้นพันเต็มไปด้วยผ้าพันแผล
ลี่ถิงเซิ่งหันหน้ากลับมา พูดสั่งกับผู้ช่วยของเขา “เปลี่ยนให้บอดี้การ์ดเข้ามาดูแล”
หลี่อาน “ค่ะ”
“ประธานลี่ คุณวางใจเถอะครับ โรงพยาบาลจะทำการรักษาช่วยชีวิตคุณแอนอย่างสุดความสามารถ” คุณหมอพูดจบ ก็บอกให้พยาบาลนำสวี่รั่วฉิงไปยังห้องพักฟื้นโซนVIP
ซูจิ่วเอ๋อร์ก็ตามไปด้วย
เธอนั้นไม่วางใจให้คนอื่นดูแลสวี่รั่วฉิง
“ประธานลี่” ตอนที่ลี่ถิงเซิ่งกำลังเตรียมจะไปดูสวี่รั่วฉิง หมอที่ทำการผ่าตัดก็เรียกเขาไว้ก่อน
ลี่ถิงเซิ่งหยุดเดินและแทบจะอดทนไม่ไหว พร้อมหันหน้ากลับมามองที่คุณหมอเล็กน้อย
คุณหมอยิ้มสักพัก “ประธานลี่ พวกเราไปที่ห้องทำงานเพื่อคุยเกี่ยวกับอาการของคุณแอนอย่างละเอียดจะดีกว่าครับ”
ลี่ถิงเซิ่งพยักหน้า พร้อมกับพูด “ครับ”
เขาเหลือบมองไปที่สวี่รั่วฉิงที่อยู่ไม่ไกลนั้นอีกครั้ง
บนหลังมือของสวี่รั่วฉิงนอกจากจะมีสายน้ำเกลือเจาะอยู่แล้ว ยังมีรอยเย็บสีแดงอยู่อีกหลายที่
และบนข้อมือเรียวเล็กนั้นยังมีรอยเข็มเย็บสีแดงอยู่ที่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเป็นร่องรอยของการถ่ายเลือดเมื่อครู่นี้
แววตาลี่ถิงเซิ่งนั้นปรากฏความเจ็บปวดขึ้นมาแวบหนึ่ง เขาบังคับให้ตัวเองนั้นละสายตากลับมา
“หมอครับ เชิญเถอะ” เขาพูดกับคุณหมอด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
ในห้องของคุณหมอ คุณหมอหยิบฟิล์มเอกซเรย์ของสวี่รั่วฉิงขึ้นมาบนโต๊ะ “ประธานลี่ ผมขอถามอย่างเสียมารยาทนะครับ คุณกับคุณแอนมีความสัมพันธ์กันยังไง?”
ลี่ถิงเซิ่งขมวดคิ้ว เขามองไปที่คุณหมออย่างเย็นๆ
คุณหมออธิบาย “ถ้าหากว่าคุณแอนคือแฟนของคุณ งั้นเกรงว่าช่วงนี้คุณคงต้องส่งคนมาดูแลเธอให้ดีดีหน่อยแล้วล่ะครับ”
เขาหยิบปากกาออกมา พร้อมวงเบาๆไปบนแผ่นฟิล์มเอกซเรย์แล้วพูดอธิบาย “นอกจากส่วนศีรษะของคุณแอนจะได้รับการกระทบแล้ว ส่วนขาและหลังก็ได้รับการกระทบเช่นเดียวกัน บริเวณส่วนหลังที่ถูกกระแทกนั้นไม่ค่อยดีนัก ยังดีที่ไม่ได้ไปกดทับเส้นประสาท สำหรับส่วนขาที่บาดเจ็บ บางทีระยะเวลาหนึ่งเดือนก็ยังยากที่จะกลับมาเดินเหินได้ปกติ ส่วนเรื่องจะฟื้นฟูกลับมาได้ถึงระดับไหนก็ยังบอกได้ยาก แต่สิ่งที่สามารถบอกได้แน่นอนคือ การช่วยชีวิตคุณแอนกลับมารอบนี้ได้ ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลยจริงๆครับ”
สีหน้าของลี่ถิงเซิ่งนั้นเยือกเย็นและพูดไม่ออก
ตอนที่เขาจะกลับออกไปจากห้องคุณหมอ ทั้งร่างนั้นก็เต็มไปด้วยรังสีความเคียดแค้น ขนาดหลี่อานที่เกาะประตูรออยู่หน้าห้องยังถูกรังสีความเคียดแค้นของลี่ถิงเซิ่งนั้นทำให้หวาดกลัว
“ลี่ ประธานลี่คะ คุณเป็นอะไรไป?” หลี่อานถามอย่างระมัดระวัง
การผ่าตัดของแอนนาก็เสร็จสิ้นแล้ว แม้ว่าคุณหมอจะบอกว่าสถานการณ์ค่อนข้างหนัก แต่ก็โชคดีที่ช่วยชีวิตกลับมาได้นะ!
เมื่อครู่ประธานลี่ยังดีดีอยู่เลย ทำไมตอนที่ออกมาจึงเหมือนกลับกลายเป็นคนละคน
คอของลี่ถิงเซิ่งแห้งผากมาก เขายกมุมปากขึ้น พร้อมถามหลี่อาน “การสืบสวนของฝั่งหัวหน้าเฉินมีผลสรุปออกมาหรือยัง?”
คำพูดของคุณหมอเมื่อครู่นี้ ทำให้เลือดทั้งตัวของลี่ถิงเซิ่งนั้นแทบจะติดขัด
ถ้าสาเหตุที่แอนนาถูกคนลอบทำร้ายนั้นเป็นเพราะเขาแล้วละก็…
ลี่ถิงเซิ่งหลับตาลงอย่างช้าๆ เขาไม่ได้หลับตามานานเกินไปแล้ว ตอนนี้ที่หลับตา ดวงตานั้นปวดแสบร้อนไปหมด
หลี่อานส่ายหน้า หัวหน้าเฉินเพิ่งจะออกไปได้ไม่นานมาก จะสืบสวนสรุปออกมาได้เร็วขนาดนั้นได้อย่างไร
“หัวหน้าเฉินยังไม่ได้โทรกลับมาค่ะ น่าจะยังไม่มีผลสรุปอะไร ถึงอย่างไรคนทำก็ตายไปแล้ว”
ลี่ถิงเซิ่งยิ้มเยาะเย้ยให้กับตัวเองด้วยเสียงทุ้มต่ำ พร้อมกับสั่งหลี่อานอย่างเยือกเย็นสุดชีวิต “ฝากบอกคนที่รับผิดชอบรวบรวมข้อมูลข่าวของบริษัทด้วย ว่าฉันต้องการจะรู้ว่าแท้จริงแล้วคนตระกูลสวี่นั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางแผนก่อเหตุอุบัติเหตุครั้งนี้หรือไม่”
หลี่อานใจสั่น สายตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง “ประธานลี่ หรือว่าคุณสงสัยว่าคนตระกูลสวี่ส่งคนให้มาขับรถชนคุณแอน?”
ถ้าหากว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ นี่มันก็น่ากลัวเกินไปแล้วหรือเปล่า?
แม้จะรู้ตั้งนานแล้ว ว่าแวดวงตระกูลคนที่มีทั้งเงินและอิทธิพลนั้นจะลึกราวกับมหาสมุทรและผู้หญิงในแวดวงนี้ก็หน้าใสแต่ใจโหดเหี้ยม
แต่ว่าคนของตระกูลสวี่ก็ไม่คิดมาก่อนเลยเหรอ ถ้าหากว่าแอนนาเป็นอะไรไป พวกเขาจะต้องเป้าหมายแรกที่ถูกฝั่งตรงข้ามสงสัยแน่นอนไม่ใช่เหรอ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลี่อานก็เหงื่อผุดออกเต็มหัว
ต้องรู้ไว้ก่อนเลยว่าความสำคัญของแอนนาต่อประธานลี่นั้น เธอไม่ใช่เป็นเพียงแค่คนที่ประธานลี่ชอบเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะฝีมือการปรุงน้ำหอมของเธอที่ไม่มีใครสามารถทัดเทียมได้เลยต่างหาก
ลี่ถิงเซิ่งเงยหน้าขึ้นเพื่อดื่มน้ำให้คอที่แห้งผากได้ชุ่มชื่นขึ้นบ้าง
หลี่อานถามอย่างทดสอบ “งั้นประธานลี่ คุณอยากจะไปเยี่ยมดูแอนนาไหม?”
ลี่ถิงเซิ่งโยนขวดน้ำแร่ที่ว่างเปล่าไปทางข้างๆ พร้อมค่อยๆเดินไปทางห้องพักไข้ของสวี่รั่วฉิง
เขาเดินไปถึงชั้นห้องพักVIP เพราะเหตุนี้ระเบียงทางเดินจึงเงียบสงบมาก นอกจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแล้วก็ไม่มีใครอื่นอีกเลย
นี่ก็เป็นการรับรองความปลอดภัยของสวี่รั่วฉิง
หากคนอื่นๆต้องการแฝงตัวเข้ามา ระดับความยากก็สูงมากเลยทีเดียว!