สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 1084 ที่มาของฝิ่น

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 1084 ที่มาของฝิ่น

บทที่ 1084 ที่มาของฝิ่น

สำนักหมอหลวง

ลู่ฉาวอวี่เฝ้าหมอหลวงหลายคนดมกลิ่นและชิมสมุนไพร ผ่านไปนานสองนาน พวกเขากลับยังไม่รู้ผล แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้เร่งรีบ

เขานั่งดื่มชาอยู่ตรงนั้น

“ใต้เท้า ยาชุดนี้ไม่มีอะไรผิดปกติขอรับ” หมอหลวงกล่าว “ใต้เท้าเข้าใจอะไรผิดหรือไม่?”

“ตรวจสอบออกมาแน่ชัดแล้วหรือ?”

“ข้ารับรองได้”

ลู่ฉาวอวี่ถอนหายใจเบา ๆ

เขาลุกขึ้นยืน แล้วเอ่ย “เช่นนั้นก็เก็บไว้เถอะ”

“เงิน…”

“สมุนไพรดี ๆ เช่นนี้ หรือว่าเจ้าสำนักอยากได้เปล่า ๆ?” ลู่ฉาวอวี่เลิกคิ้ว

เจ้าสำนักหมอหลวง “…”

ท่าทีเช่นนี้เหมือนบิดาที่น่าเกลียดชังผู้นั้นของอีกฝ่ายไม่มีผิดเพี้ยน ทว่าเขากลับไม่กล้าเอ่ยคำว่า ‘ใช่’ ออกไป

เดิมทีคิดว่าจะได้รับยาชุดหนึ่งเปล่า ๆ บัดนี้ดูเหมือนจะคิดมากไป เมื่อไหร่กันที่คนสกุลลู่ยอมขาดทุน?

เมื่อลู่ฉาวอวี่ออกจากสำนักหมอลวง ลู่จิ้นก็เข้ามารายงาน “พวกเราจับตาดูคนจากเผ่าเฮยสยงเหล่านั้นเป็นพิเศษ ภายหลังพวกเขาลอบไปที่ตลาดมืด จากนั้นก็ค้าขายฝิ่นขอรับ”

“เจ้าแน่ใจหรือว่าเป็นฝิ่น?” ลู่ฉาวอวี่หยุดฝีเท้า

“ข้าน้อยคอยจับตาดูพวกเขากระทั่งพวกเขาขายฝิ่นไป จากนั้นจึงรวบจับพวกเขากับผู้ซื้อในคราวเดียว บัดนี้พวกเขาอยู่ในคุกของสำนักตรวจการแล้วขอรับ”

สิงเจียซือไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด เพียงแต่นางรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย

พู่กันในมือนางลื่นหลุดจากนิ้วตกลงไปบนกระดาษ ทิ้งไว้เพียงหมึกแอ่งหนึ่ง

“เจ้านาย! เจ้านาย! ท่าไม่ดีแล้วขอรับ ข้างนอกมีทหารมามากมายเลยขอรับ” คนงานวิ่งปรี่เข้ามา

สิงเจียซือลุกขึ้นยืน

ทหารกลุ่มหนึ่งเข้าล้อมรอบสถานที่เอาไว้ เมื่อเห็นสิงเจียซือ เขาก็มองนางตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วเอ่ย “เจ้าเป็นเจ้าของที่นี่หรือ?”

สิงเจียซือขมวดคิ้วกล่าว “เจ้าค่ะ ใต้เท้าท่านนี้ ท่านมีเรื่องอะไรหรือ?”

“พาตัวไป!” แม่ทัพผู้นั้นโบกมือ

“ช้าก่อน” สิงเจียซือหยุดเขา “ข้าเป็นฮูหยินน้อยของสกุลลู่ ท่านคิดจะพาข้าไป อย่างไรก็ต้องมีคำอธิบาย”

แม่ทัพผู้นั้นหัวเราะเยาะพลางโบกป้ายคำสั่งในมือไปมา “สกุลลู่แล้วอย่างไร? นี่เป็นป้ายทองของฝ่าบาท ด้วยป้ายทองนี้ แม้กระทั่งพระญาติของฝ่าบาทก็ถูกจับได้”

เมื่อลู่ฉาวอวี่รู้ว่าสิงเจียซือถูกจับไปที่ศาลต้าหลี่ เขาก็รีบไปที่ศาลต้าหลี่ในทันที

“แม่ทัพทัง” ลู่ฉาวอวี่เห็นทังอวี้นั่งอยู่ที่นั่น จึงเอ่ยถาม “เหตุใดท่านจึงอยู่ที่นี่?”

“นับแต่นี้ไป ศาลต้าหลี่อยู่ภายใต้การควบคุมของข้า” ทังอวี้เอ่ย “ใต้เท้าลู่น้อย หากท่านมาที่นี่เพื่อภรรยาคนงาม เช่นนั้นท่านก็เก็บแรงเอาไว้เถอะ! ผู้อื่นกลัวพวกท่านสกุลลู่ แต่ข้าไม่กลัว…”

“ท่านจับนาง เพราะฝิ่นเหล่านั้นจากเผ่าเฮยสยงหรือ?” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยถาม

“ดูสิ การพูดคุยกับคนฉลาดประหยัดเวลาได้มากทีเดียว” ทังอวี้กล่าว “ฝ่าบาทมีพระบัญชาลงมาแล้ว คดีนี้มอบให้ข้าจัดการ”

“เป็นไปไม่ได้” ลู่ฉาวอวี่มองเขาด้วยสายตาเฉียบคม “ฝ่าบาททรงมอบคดีนี้ให้ข้าแล้ว”

“งั้นหรือ?” ทังอวี้ยักไหล่ “เช่นนั้นก็โชคไม่ดียิ่งนัก ท่านกำลังเอ่ยถึงเมื่อก่อน แต่ข้ากำลังเอ่ยถึงตอนนี้”

“ทังอวี้ ท่านคิดจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับข้าจริง ๆ หรือ?” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยเสียเย็น

“ใต้เท้าลู่น้อย ข้ามาแบ่งเบาภาระของท่าน ท่านไม่จำเป็นต้องทำให้ข้าลำบากใจ!” ทังอวี้กล่าว

“ใต้เท้า ในมือทังอวี้มีทหาร” ลู่จิ้นที่อยู่ด้านหลังเอ่ยขึ้น “ข้างนอกล้วนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาขอรับ”

ศาลต้าหลี่แต่ไรมาไม่เคยให้แม่ทัพผู้หนึ่งเข้ามาจัดการ ครั้งนี้มีบางอย่างผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด หากลู่ฉาวอวี่ยังมีเหตุผล ย่อมกระจ่างว่าการขัดแย้งกับทังอวี้อยู่ที่นี่ ไม่ใช่การกระทำที่ชาญฉลาด

“พวกเราไปเถอะ” สิ้นคำ ลู่ฉาวอวี่ก็หมุนกายเดินจากไป

ลู่จิ้นพลันรู้สึกโล่งใจ

โชคดีที่นายน้อยยังคงมีเหตุผล

หลังจากออกจากประตูแล้ว ลู่ฉาวอวี่จึงกล่าว “เจ้าตระเตรียมคนสองสามคนไปช่วยเหลือฮูหยินน้อยออกมาก่อน”

“ใต้เท้า ระวังจะเป็นการกบฏเอาได้นะขอรับ” ลู่จิ้นกล่าว “ฝ่าบาทแต่ไรมาไว้วางใจสกุลลู่ เหตุใดครานี้ถึงได้เปลี่ยนคนกลางคันเล่า?”

“ข้าจะไปเข้าเฝ้าพระองค์ เจ้าเตรียมการสักหน่อย ช่วยคนออกมาก่อน ทังอวี้มีเจตนาไม่ดี หากคนอยู่ในมือเขา ข้าไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรบ้าง”

ลู่ฉาวอวี่ควบม้าเข้าไปในวัง

ทันทีที่เข้าไปในประตูวังก็เห็นฉีเจินควบม้าออกมาจากวังพอดี

“ใต้เท้าลู่ นี่จะเข้าวังไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทหรือ?” ฉีเจินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ยังคงอย่าไปจะดีกว่า วันนี้ฝ่าบาททรงพระประชวร ไม่พบผู้ใด ท่านมีเรื่องใดบอกข้าก็พอ ตอนนี้ข้าจะแบ่งเบาความกังวลของท่าน ช่วยดูแลบ้านเมือง”

ลู่ฉาวอวี่มองฉีเจิน “เมื่อไม่กี่วันก่อนพบฝ่าบาท พระองค์สบายดี หากฝ่าบาทไม่สบาย ข้าจะเข้าวังไปเยี่ยมพระองค์เพื่อไม่ให้ผู้ที่มีเจตนาไม่ดีมาทำร้ายฝ่าบาท”

“ได้ หากใต้เท้าอยากไป ข้าก็ไม่ห้าม” ฉีเจินที่อยู่บนหลังม้าหลีกทางให้กับลู่ฉาวอวี่

ลู่ฉาวอวี่มองฉีเจินอย่างหวาดระแวง

ลู่ฉาวอวี่ควบม้าผ่านไป

ขันทีเฒ่าที่อยู่ข้างกายฟ่านหยวนซีเดินออกมาเอ่ยกับลู่ฉาวอวี่ “ใต้เท้า ฝ่าบาททรงพระประชวร ไม่พบผู้ใดขอรับ”

“เช่นนั้นข้าต้องการเข้าเฝ้าองค์รัชทายาท”

“องค์รัชทายาทเสด็จออกจากเมืองหลวงไปเที่ยวเล่นแล้วขอรับ”

“เหตุใดข้าไม่รู้ว่าองค์รัชทายาทเสด็จออกจากเมืองหลวงไปแล้วเล่า?” ลู่ฉาวอวี่มองด้วยสายตาเยือกเย็น “ท่านกำลังปิดบังอะไรข้า?”

“มิได้ขอรับ บ่าวจะกล้าหลอกลวงใต้เท้าได้อย่างไร” ขันทีเฒ่าเอ่ย “บ่าวยังอยากรับใช้ฝ่าบาทอยู่นะขอรับ เช่นนั้นบ่าวขอตัว”

ลู่ฉาวอวี่ยังคงอยากเข้าไปในพระตำหนัก ทว่าถูกทหารองครักษ์ขัดขวางไว้

เขามองไปรอบ ๆ พระราชวัง

ถึงแม้จะมองไม่ออก แต่ชายหนุ่มก็รู้สึกได้…

ที่นี่มีทหารจำนวนมาก

ลู่ฉาวอวี่ไม่รั้งอยู่ในวัง เร่งออกจากวังตรงไปยังที่ทำงานของลู่อี้

“เมื่อเช้านี้ท่านอ๋องได้รับจดหมายฉบับหนึ่งจึงออกจากเมืองหลวงไปแล้ว ข้าน้อยไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร” ผู้ติดตามของลู่อี้กล่าว “นายน้อย เกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ?”

“สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “ดูเหมือนมีคนจงใจหลอกล่อท่านพ่อข้าออกจากเมืองหลวง”

ในช่วงระยะเวลาไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา อาณาจักรฮุ่ยประสบปัญหาอย่างหนัก ฮ่องเต้พระองค์ก่อนโง่เขลาไร้คุณธรรม ในที่สุดบิดาของเขาและฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจึงสร้างรากฐานในอาณาจักรได้ นับตั้งแต่เริ่มต่อสู้กับฟ่านเหยี่ยน อาณาจักรก็ไม่มั่นคงมาตั้งแต่นั้น บัดนี้ไม่ง่ายเลยกว่าความขัดแย้งภายในจะสงบลง นึกไม่ถึงว่าสงบได้เพียงไม่กี่ปีจะมีคนทำตัวราวกับปีศาจขึ้นมาอีกครั้ง

“นายท่าน ช่วยเหลือฮูหยินน้อยออกมาแล้วขอรับ” ลู่จิ้นเอ่ย “เพียงแต่ เราตกหลุมพราง”

“หมายความว่าอย่างไร?”

“แม่ทัพฉีเจินพาคนเข้าปิดล้อมจวนอ๋องลู่ คิดจะตรวจค้นยึดทรัพย์สินของเรา คุณหนูรองพาคนไปช่วยพวกคุณชายกับคุณหนูออกมา ทว่าแม่ทัพฉีเจินไม่สนใจจวนอ๋องลู่แม้แต่น้อย นึกไม่ถึงว่ายังคิดจะฆ่าคุณหนูรองจริง ๆ”

“ชิงเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?” ลู่ฉาวอวี่ได้ยินดังนี้สีหน้าพลันไม่น่าดูชมขึ้นมา

“คุณหนูรองเห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดี นางกับคุณชายจวนซ่งพาลูกน้องในจวนปกป้องคุณชายคุณหนูออกไปแล้วขอรับ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้แม่ทัพฉีเจินออกหมายจับกุมทุกคนในจวนลู่ รวมถึงท่านด้วยขอรับ!”

“ฝิ่นเป็นแผนต่อต้านจวนอ๋องลู่ของเรา” ลู่ฉาวอวี่ปิดเปลือกตาลง “ฉีเจินคือผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ทังอวี้เป็นคนสนิทของเขา เช่นนั้นฝ่าบาทเล่า? พระองค์มีบทบาทอะไร?”

“หรือว่าฝ่าบาทจะทนสกุลลู่ไม่ได้แล้วจริง ๆ ขอรับ?” ลู่จิ้นเอ่ย “หากท่านอ๋องกลับมายามนี้ เกรงว่าแม่ทัพฉีจะโยนเขาเข้าคุก ตอนนี้จะแจ้งท่านอ๋องอย่างไรดีขอรับ?!”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท