เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช – บทที่ 415 ทำไมเจ้ายังอยู่อีกล่ะ

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

บทที่ 415 ทำไมเจ้ายังอยู่อีกล่ะ

บทที่ 415 ทำไมเจ้ายังอยู่อีกล่ะ

ต่อให้เขาจะโกรธแค่ไหนก็ไล่ตามมาไม่ทันแล้ว

บัดนี้ทั้งสองวิ่งมาจนถึงใจกลางตลาดที่พลุกพล่าน

ปีนี้คงจะเป็นอีกปีที่คึกคักมากที่สุด

ด้วยผลผลิตอุดมสมบูรณ์เพราะฟ้าฝนเป็นใจ คนส่วนใหญ่ต่อให้เป็นครอบครัวยากจนก็ยังสามารถซื้อเสื้อขนสัตว์ให้ความอบอุ่นได้สักตัว

ทุกคนมีเงินเหลือพอใช้อยู่บ้าง ทั้งยังยินดีที่จะออกมาจับจ่ายใช้สอย

ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงใกล้วันปีใหม่ แผงลอยก็ปรากฏขึ้นทั่วท้องถนนอย่างไม่ขาดสาย ด้วยการขับเคลื่อนของถนนสายนี้ ทำให้มีพ่อค้าจากต่างแดนเข้ามาเป็นจำนวนมาก การค้าขายส่วนอื่น ๆ ของเมืองหลวงก็ดีขึ้นกว่าปีก่อน ๆ เช่นกัน

“เสี่ยวเป่ามานี่เร็ว ข้าไปถามมาแล้ว เกี๊ยวน้ำร้านนี้อร่อยที่สุด”

ทั้งสองสวมชุดเสื้อแพรหรูหรา แต่กลับไม่รังเกียจที่จะนั่งลงหน้าแผงลอยเล็ก ๆ แม้แต่น้อย

เยว่หลีมิได้สวมหมวก เส้นผมเรียบลื่นสีขาวดุจหิมะกับชุดผ้าแพรสีม่วงอ่อน อีกทั้งใบหน้าประณีตงดงามช่างเป็นเทพบุตรในแถบนี้จริง ๆ

ไม่ว่าจะไปที่ไหนล้วนตกเป็นเป้าสายตา บ้างก็คิดว่าหน้าตาแปลกประหลาดถึงขั้นเรียกเขาว่าปีศาจเลยทีเดียว

แต่เยว่หลีมิได้สนใจพวกเขาแต่อย่างใด

เสี่ยวเป่าจ้องกลับอย่างดุร้าย เจ้าน่ะสิปีศาจ เยว่หลีของนางหล่อขนาดนี้ เป็นเทพบุตรชัด ๆ!

พวกเขาสั่งเกี๊ยวน้ำหนึ่งชามมาแบ่งกันกิน ใช่ว่าเสียดายเงิน แต่ถนนสายนี้ยังมีของอร่อยอีกตั้งมาก หากว่าอิ่มจนกินอย่างอื่นไม่ไหวก็น่าเสียดายแย่น่ะสิ!

ทั้งเยว่หลีและเสี่ยวเป่าต่างก็นั่งตัวตรงพลางกินอย่างเอร็ดอร่อย

เกี๊ยวน้ำถูกแบ่งเป็นสองชาม หนุ่มรูปงามกับเด็กสาวน่ารักน่าชังนั่งเรียงแถว ท่าทางการกินเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน

ได้กินของอร่อยท่าทางมีความสุขเป็นที่สุด ร้านค้าริมทางธรรมดา ๆ กลายเป็นภาพของการกินอาหารในร้านสุดหรู

“อร่อยจัง! เสี่ยวเป่า เจ้าอยากกินอีกหรือไม่”

เสี่ยวเป่าส่ายหน้าพร้อมกับแก้มที่กลมป่อง “ยังมีของกินอย่างอื่นอีกนะ”

เกาลัด ถังหูลู่ ขนมหวานขึ้นชื่อต่าง ๆ บะหมี่ รวมถึงไข่ใบชา…

ตราบใดที่จมูกของเยว่หลีได้กลิ่นหอม ก็จะพาเสี่ยวเป่าเบียดเข้าไปในฝูงชนเพื่อหาของกินทันที

แต่ต่อให้คนจะเยอะเพียงใด เขาก็ไม่เคยปล่อยมือเสี่ยวเป่าแม้แต่ครั้งเดียว

“เสี่ยวเป่า เจ้าดูอันนี้สิ”

เด็กหนุ่มจูงมือนางไปถึงหน้าแผงขายหน้ากาก พลางทาบหน้ากากแมวให้ตัวเองและเสี่ยวเป่า

เขาส่ายหัวไปมา จากนั้นก็ลองอันอื่น

เสี่ยวเป่าชี้หน้ากากจิ้งจอก “อันนั้น ข้าจะเอาอันนั้น”

เยว่หลีเอื้อมมือไปหยิบอันที่นางอยากได้ แต่กลับมีมืออีกข้างหยิบหน้ากากจิ้งจอกไปเสียก่อน

“คุณชายก็อยากได้หน้ากากอันนี้เหมือนกันหรือ”

เด็กสาวอายุไม่เกินสิบสี่ถือหน้ากากจิ้งจอกพลางมองเยว่หลีด้วยแววตาสุกใส มีความหลงใหลต่อใบหน้าของเขาในดวงตาคู่นั้น

แม้ว่าคนผู้นี้จะมีผมสีขาวและนัยน์ตาม่วง ก็มิอาจต้านทานไม่ให้นางตกหลุมรักเด็กหนุ่มผู้นี้ตั้งแต่แรกเห็น

เป็นหนุ่มหล่อที่สุดเท่าที่นางเคยพบเจอมาเลย!

เมื่อเยว่หลีเห็นเด็กสาวแปลกหน้า รอยยิ้มอิ่มเอมในดวงตาสีม่วงก็พลันหายไป เอ่ยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำฟังดูห่างเหิน

“ข้าไม่ได้ชอบ”

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางจ้องมองหน้ากากในมือนาง เสี่ยวเป่าชอบอันนั้น

“เยว่หลี ๆ นางหยิบแล้วก็ให้นางไปเถอะ เจ้าหยิบหน้ากากกระต่ายอันนั้นให้ข้าหน่อยสิ”

เสี่ยวเป่าไม่ได้ถือสาอะไร อย่างไรเสียที่นี่ก็ยังมีหน้ากากสวย ๆ อีกตั้งเยอะ

เยว่หลีข่มกลั้นความไม่พอใจ หันหน้ากลับมาพร้อมกับรอยยิ้ม “ได้สิ”

“ในเมื่อน้องสาวของคุณชายชอบ เช่นนั้นก็ให้นางเถอะ”

เมื่อเห็นดังนั้น เด็กสาวก็รีบพูดขึ้นทันที “แต่ว่าข้ามาจากต่างแดน คุณชายใช่คนที่นี่หรือไม่ ได้ยินว่าเมืองหลวงเจริญรุ่งเรือง บัดนี้ได้เห็นกับตาก็พบว่าเป็นเช่นนั้นจริง เพียงแต่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างข้าเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรกจึงยังไม่คุ้นเคยนัก มิทราบว่าคุณชายจะพาผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ไปชื่นชมความรุ่งเรืองของเมืองหลวงได้หรือไม่”

เยว่หลีไม่รับหน้ากากจากนาง และหยิบหน้ากากกระต่ายให้เสี่ยวเป่า “ข้าไม่ใช่คนที่นี่ ข้าเป็นคนต่างถิ่น ไม่มีเวลา”

เขาสวมหน้ากากให้เสี่ยวเป่า และจับหน้าของนางหันซ้ายหันขวา “ข้าว่าหน้ากากแมวสีขาวอันนั้นเหมาะกับเจ้ามากกว่า”

เสี่ยวเป่า “อื้อ เช่นนั้นก็เอาหน้ากากแมว”

เด็กสาวผู้ถูกเมินมองพวกเขาซื้อหน้ากากเสร็จแล้วกำลังจะจากไปก็พลันกระทืบเท้า “เจ้ายังไม่บอกชื่อข้าเลยนะ!”

เยว่หลีมองเด็กสาวที่ยืนขวางอยู่ตรงหน้า “ทำไมเจ้ายังอยู่อีกล่ะ”

เด็กสาว “…”

“เจ้า เมื่อครู่ข้าเพิ่งคุยกับเจ้าไปเองนะ”

เยว่หลี “ข้ายุ่งอยู่ อีกอย่างเจ้าเป็นใครเนี่ย ข้าไม่รู้จักเจ้า ช่วยหลีกทางให้พวกเราด้วย”

พูดจบก็จูงมือเสี่ยวเป่าเดินอ้อมไป เขายังต้องชนะปริศนาเพื่อนำโคมไฟมาให้เสี่ยวเป่า

ปีนี้มิได้มีแต่ปริศนาโคมไฟเท่านั้น แต่ยังมีต่อโคลงอีกด้วย

เยว่หลีและเสี่ยวเป่าต่างสวมหน้ากากและฝ่าฝูงชนเข้าไปดู

เยว่หลีจูงมือเสี่ยวเป่าพลางต่อโคลงกลอนไปด้วย

บัดนี้เขารู้สึกโชคดีอย่างยิ่งที่รัชทายาทกดดันให้เขาอ่านตำราอยู่เสมอ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงได้แต่ยืนโง่ไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง

เสี่ยวเป่ายืนข้างเขาและช่วยคิดเป็นครั้งคราว เยว่หลีมีความจำเป็นเลิศ เขาไม่เคยลืมหนังสือทุกเล่มที่ตนเคยอ่านราวกับเป็นฮาร์ดดิสก์!

อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุดก็ต้องเสียเปรียบเพราะอ่านหนังสือมาน้อย สุดท้ายเขาจึงได้เพียงโคมไฟดอกบัวมาให้เสี่ยวเป่า

เห็นได้ชัดว่าเยว่หลีดูผิดหวัง เขาเหลือบมองโคมไฟที่ใหญ่ที่สุดด้วยความอาลัย ทั้งยังไม่เต็มใจอย่างยิ่ง!

ทว่าเสี่ยวเป่าดูมีความสุขทีเดียว นางถือโคมไฟที่ให้ พลางใช้มืออีกข้างจับนิ้วของเขาเอาไว้

“ข้าชอบอันนี้ เยว่หลีอย่าเสียใจไปเลยนะ”

“อันใหญ่สวยกว่า”

เขาย่อมอยากให้อันที่ดีกว่ากับเสี่ยวเป่า

“แต่ข้าชอบอันนี้นี่นา” เด็กน้อยพูดปลอบประโลมเด็กหนุ่มผู้ดื้อดึง

“ถ้าเจ้าคิดว่าอันนั้นสวยกว่าก็ทำมาให้ข้าสิ ข้าจะชอบมากกว่านี้อีก!”

ดวงตาเยว่หลีเป็นประกายในทันที จริงด้วย เขาทำโคมไฟเองก็ได้นี่นา จะต้องทำโคมไฟที่ทั้งใหญ่และสวยกว่านี้ให้เสี่ยวเป่าให้ได้!

มีคุณชายไม่น้อยกำลังทายปริศนาโคมไฟเช่นเดียวกับเยว่หลี หลายคนชนะปริศนาโคมไฟและมอบให้หญิงสาวในดวงใจของตน

ช่วงเวลาแห่งการฉลองปีใหม่ แม้เป็นครอบครัวที่มีกฎเข้มงวด บรรดาเด็กสาวก็ยังสามารถออกมาเที่ยวเล่นได้อย่างเต็มที่ เพียงแต่ต้องมีบ่าวรับใช้ติดตามไปด้วย

ชายหญิงมากมายที่หมั้นหมายหรือรักใคร่ชอบพอกันก็จะออกมาเที่ยวเล่นพร้อมกับเพื่อน ๆ จากนั้นก็จะถึงเวลาให้เหล่าชายหนุ่มได้อวดโฉม

ทันใดนั้น เสียงดังครึกครื้นก็ดังมาจากริมแม่น้ำ

เสี่ยวเป่ากระโดดขึ้นดูแต่ก็มองไม่เห็นว่ามีเรื่องอะไร

เสี่ยวเป่าและเยว่หลีต่างอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าคนเยอะเกินไปและทั้งสองก็ตัวเตี้ยเกินกว่าที่จะมองเห็น

เยว่หลี “พวกเราปีนหลังคาขึ้นไปดูกันดีหรือไม่”

เสี่ยวเป่าส่งสายตาเห็นด้วยให้เขาทันที

“แต่เราทั้งคู่ใช้วิชาตัวเบาไม่เป็นนะ”

เยว่หลียืดอกเชิดหน้า “ข้าเป็น!”

เสี่ยวเป่าทำตาโต “เจ้ารู้วิชาตัวเบาได้อย่างไร”

เยว่หลีดีดนิ้วหนึ่งที “ง่ายมาก ข้าขอให้คนสอน จากนั้นใช้กู่ตัวเบาก็กระโดดได้สูงแล้ว”

เป็น แต่ไม่ทั้งหมด

เยว่หลีมีวิธีของตัวเองเสมอ

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

Status: Ongoing
จากลูกเป็ดขี้เหร่สู่การเป็นองค์หญิงคนสุดท้องแห่งราชวงศ์ ความน่ารักของซูเสี่ยวเป่าพร้อมจะพิชิตใจทุกคนแล้ว!หลังจากภูตพฤกษาตัวน้อยตายลง นางก็มาเกิดในยุคสมัยโบราณ และหลงคิดไปว่าตนเองเป็นเพียงเด็กลูกชาวบ้านแถบชนบทธรรมดา ๆ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าท่านพ่อที่นางไม่เคยพบหน้ามาก่อนจะมีภูมิหลังยิ่งใหญ่ปานนี้เขา…ถึงกับเป็นราชาของแผ่นดิน!เสี่ยวเป่าที่อายุเพียงสามขวบถูกพาตัวไปยังพระราชวังทันทีหลังจากที่แม่ของนางสิ้นชีพลง แล้วนางก็กลายเป็นองค์หญิงน้อย สตรีเพียงหนึ่งเดียวท่ามกลางพี่ชายแปดคน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท