บทที่ 421 เยว่หลีช่างชอบทำให้พวกพ้องเสียขบวนโดยแท้
บทที่ 421 เยว่หลีช่างชอบทำให้พวกพ้องเสียขบวนโดยแท้
กลุ่มคนที่แอบหลังภูเขาจำลองกลั้นลมหายใจฟังจนจบ ทว่าจี้ชิงชิงก็ร้องเสียงดังอย่างตื่นเต้นแล้ววิ่งออกไป
นางเข้าไปคว้ามือของเซี่ยหลานซูพลางโห่ร้องโลดเต้นด้วยความยินดีท่ามกลางความตกใจทำอะไรไม่ถูกของอีกฝ่าย
“พี่เซี่ย ข้าไม่ได้ฝันไปใช่ไหม ท่านจะได้เป็นพี่สะใภ้ของข้าแล้ว ข้าดีใจยิ่ง ฮ่า ๆ ๆ พี่ใหญ่ท่านสุดยอดจริง ๆ ถึงคว้าตัวพี่เซี่ยกลับมาได้!”
จี้ชิงชิงตื่นเต้นยินดีเกินไปจึงไม่ทันสังเกตว่าสีหน้าพี่ใหญ่ของตนดำคล้ำลงทุกขณะ รอจนสัมผัสได้ถึงบรรยากาศเย็นยะเยือกจะหนีไปก็ไม่ทันกาลเสียแล้ว นางถูกพี่ชายบิดหูไว้ได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นก็ได้ยินน้ำเสียงนุ่มนวลทว่าเย็นเยียบของพี่ชายดังขึ้น “จี้! ชิง! ชิง!”
จี้ชิงชิงรีบเอียงคอหลบปกป้องหูของตนเอาไว้เป็นพัลวัน ทั้งยังขอโทษขอโพยยอมรับผิดด้วยท่าทางน่าสงสาร
“ท่านพี่ พี่ใหญ่ ข้าผิดไปแล้ว ฮือ ๆ ๆ ๆ ท่านปล่อยข้าไปเถอะนะ ข้าไม่กล้าอีกแล้ว พี่สะใภ้ พี่สะใภ้รีบเกลี้ยกล่อมพี่ข้าเร็วเข้า”
เซี่ยหลานซูที่เดิมทียังแตกตื่นเพราะถูกคนมาเห็น พอนางถูกเรียกว่าพี่สะใภ้ไม่หยุดเช่นนั้นก็หน้าแดงกว่าเดิม
“ชิงชิง เจ้า เจ้าอย่าเรียกซี้ซั้วนะ”
แต่เห็นท่าทางนางถูกบิดหูอย่างนั้นก็ตลกพิลึกจริง ๆ
“พี่รอง ท่านมาช่วยข้าที!”
เห็นชัดว่าพี่ใหญ่คงไม่ปล่อยมือ พี่สะใภ้ก็ขี้อายเกินไป จี้ชิงชิงจึงเรียกหาทัพหนุน
จี้ไหว “…”
น้องสาวจอมก่อเรื่องของเขาเมื่อไหร่จะออกเรือนไปเสียทีนะ!
สุดท้ายจี้ไหว ชิวหยวน เสี่ยวเป่า และเยว่หลีก็ทยอยเดินออกมาท่ามกลางสายตาของจี้อวิ่นอันและเซี่ยหลานซู
คนทั้งหลายยิ้มเป็นเชิงขออภัย
ทันใดนั้น ดวงตาหลายคู่ก็…ข้ามองเจ้า เจ้ามองข้า เซี่ยหลานซูใช้มือปิดบังใบหน้าที่อับอายจนแดงเถือกของตนเองเอาไว้
จบสิ้นแล้ว…
จี้อวิ่นอันก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าจะมีคนมาเห็นมากมายเช่นนี้ เขายกมือขึ้นกุมขมับ
เสี่ยวเป่าปิดป้องตา “พวกข้าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น พวกข้าไม่ได้ยินอะไรด้วยเหมือนกัน!”
ชิวหยวนกับจี้ไหวพยักหน้าอย่างเอาเป็นเอาตายจากข้าง ๆ ใช่แล้ว ๆ พวกเขาไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น
เยว่หลีร้องอืมอย่างกระตือรือร้น “พวกท่านจะจัดงานมงคลตอนไหน ส่งเทียบเชิญมาให้ข้าด้วยได้หรือไม่ ข้าไม่เคยไปร่วมงานมงคลมาก่อนเลย ฟังแล้วดูเหมือนจะครึกครื้นทีเดียว”
ทุกคน “…”
เยว่หลีช่างชอบทำให้พวกพ้องเสียขบวนโดยแท้
จี้อวิ่นอันได้แต่ก้าวออกมา “เรื่องนี้ต้องให้ผู้ใหญ่ในบ้านตัดสินใจ เมื่อถึงเวลาจะต้องส่งเทียบเชิญงานมงคลให้คุณชายเยว่ด้วยแน่นอน”
เขาทำเช่นนี้เท่ากับยอมรับต่อทุกคนอย่างเปิดเผยแล้ว
เซี่ยหลานซูรู้สึกประทับใจ ในใจหวานล้ำ
ชิวหยวนอิจฉายิ่ง การได้รับการปกป้องจากคนในดวงใจเช่นนี้ เป็นความใฝ่ฝันของผู้หญิงทุกคนอย่างแท้จริง
เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากบิดามารดา ชิวหยวนก็อยากแต่งให้สามีที่กลัวเกรงนางเคารพนางสักคนเช่นกัน
แต่เรื่องอย่างการออกเรือนนั้นต้องพึ่งพาโชควาสนา ถ้าโชคดีก็จะมีความสุขไปชั่วชีวิต แต่ถ้าโชคไม่ดีชีวิตก็ไม่ต่างอะไรจากการติดคุก โดยเฉพาะในยุคสมัยแห่งการคลุมถุงชนเช่นนี้
ตอนที่ชิวหยวนไปร่วมงานเลี้ยงน้ำชาทั้งหลายกับมารดา ก็มักได้ยินฮูหยินเหล่านั้นพร่ำบ่นว่าสามีของพวกตนลุ่มหลงนางจิ้งจอกอย่างนั้นอย่างนี้
ภายหลัง มารดายังอธิบายสถานการณ์ภายในครอบครัวของฮูหยินเหล่านั้นให้นางฟัง ทั้งยังย้ำกับนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเวลาเลือกสามี สายตาจะต้องแจ่มแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวของเขาหรือนิสัยความประพฤติของอีกฝ่ายล้วนต้องสืบให้กระจ่าง
การแต่งงานไม่ใช่เรื่องของคนเพียงสองคน ลูกผู้หญิงเราไม่อาจมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับชายใดเป็นอันขาด ทำแบบนั้นมีแต่จะทำร้ายผู้อื่นและทำร้ายตัวเอง โลกใบนี้โหดร้ายต่อสตรี ถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้น ฝ่ายที่ต้องแบกรักคำครหามากกว่าก็คือฝ่ายหญิง ส่วนฝ่ายชายบางครั้งไม่แม้แต่จะถูกลงโทษ มิหนำซ้ำยังจะถูกยกยอว่ามากไมตรีด้วยเสียอีก
นอกจากนี้ยังไม่ควรออกเรือนให้บุรุษที่คนในครอบครัวไม่ชมชอบตนเอง เพราะเมื่อออกเรือนไปแล้วก็ไม่ใช่เรื่องของคนสองคนอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นเรื่องของสองครอบครัว ถ้าแม่สามีไม่ชมชอบ เมื่อแต่งเข้าไปแล้วไม่ว่าเจ้าจะทำอันใดล้วนผิดไปหมด คนสองคนจะรักกันลึกล้ำเพียงใด ก็จะเกิดรอยร้าวขึ้นมาท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้ สุดท้ายหากไม่ใช่ฝ่ายชายมีใจเป็นอื่น ก็คงกลายเป็นการเคี่ยวกรำกันและกันจนต้องมีชีวิตอย่างทุกข์ทรมาน
มารดายังพูดอะไรอีกมากมายหลายอย่าง แม้ชิวหยวนในยามนี้จะไม่ใคร่เข้าใจนัก แต่นางก็จดจำคำพูดเหล่านั้นไว้ในใจ นางไม่ทราบว่าต่อไปชีวิตของพี่เซี่ยและพี่ใหญ่จี้จะเป็นเช่นไร แต่ชั่วขณะนี้นางก็ขออวยพรให้พวกเขาจากใจจริง
“เห็นท่าทางที่พี่ใหญ่ของเจ้าปกป้องพี่เซี่ยแบบนี้ ข้าชักนึกอิจฉาแล้วสิ”
สองคนนั้นเดินนำอยู่ข้างหน้า พวกเสี่ยวเป่าเดินตามมาด้านหลังอย่างช้า ๆ ชิวหยวนแอบกระซิบกับจี้ชิงชิง
จี้ชิงชิง “ก็ใช่น่ะสิ ข้าบอกแล้วอย่างไรเล่าว่าพี่ชายข้าประพฤติตัวดียิ่ง แม้ที่ผ่านมาจะเคยมีคู่หมั้น แต่เขาก็ยังสำรวมกิริยาเป็นอย่างดี ไม่เคยพบกับผู้หญิงคนนั้นเป็นการส่วนตัวเลยสักครั้ง กระทั่งคนที่ปรนนิบัติเขายังเป็นบ่าวชายไม่ใช่สาวใช้ ทั้งยังไม่เคยไปหอนางโลมกับเพื่อนร่วมงาน พี่เซี่ยมาต้องตาพี่ใหญ่ของข้านับว่ามีสายตาเฉียบแหลมโดยแท้!”
“ดูเจ้าทำเข้าสิ เอาแต่ชมเชยพี่ใหญ่ของตัวเองอยู่นั่นแหละ แต่เจ้าอย่าลืมนะว่าพี่เซี่ยเป็นคนตระกูลเซี่ย ตระกูลเซี่ยจะถูกใจพี่ใหญ่ของเจ้าหรือ”
พูดจนจี้ชิงชิงชักจะกังวลใจขึ้นมาแล้ว
เสี่ยวเป่า “ข้าไปถามพี่ใหญ่ให้ดีหรือไม่”
จี้ไหว “ไม่ค่อยดีกระมัง”
เสี่ยวเป่า “ข้าแค่ช่วยเลียบเคียงถามดูเท่านั้น”
เยว่หลีไม่เข้าใจ “ทำไมจะไม่ได้ พวกเขาสองคนยินดีก็สามารถแต่งงานกันได้แล้วไม่ใช่หรือ”
จี้ชิงชิง “ท่านไม่เข้าใจ ครอบครัวของพวกข้ามีฐานะแตกต่างกันเกินไป”
เยว่หลียิ่งไม่เข้าใจกว่าเดิม ความเข้าใจที่เขามีต่อสิ่งต่าง ๆ ยังค่อนข้างแบนราบ ตอนแรกคิดจะหันไปถามเสี่ยวเป่า แต่เสี่ยวเป่ายังเด็กกว่าเขาเสียอีก คงไม่รู้อะไรมากเช่นกัน เขาจึงคิดว่าจะกลับไปถามรัชทายาท
คนทั้งคณะเดินกลับมาถึงศาลา เสี่ยวเป่าก็วิ่งไปหาพวกพี่ชายของตนทันที จากนั้นก็ถูกป้อนผลไม้และของว่างจนแก้มป่อง
เจ้าก้อนแป้งกินอย่างเพลิดเพลินจนเกือบลืมเรื่องสำคัญไปแล้ว
รอจนไม่มีใครอยู่ข้างกายพี่ใหญ่รัชทายาท นางค่อยย่องเข้าไปเล่าเรื่องของพี่เซี่ยกับจี้อวิ่นอันให้เขาฟัง
“ท่านพี่ ตระกูลเซี่ยจะไม่ถูกใจพี่ชายของพี่สาวจี้ชิงชิงจนไม่ยอมให้พี่สาวหลานซูออกเรือนให้เขาหรือไม่”
หนานกงฉีซิวคิดไม่ถึงเลยว่าชั่วเวลาสั้น ๆ เท่านี้กลับมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ญาติผู้น้องของเขาไปชอบพอกับจี้อวิ่นอันหรือนี่
แต่เขาเพียงอึ้งไปครู่เดียว มองไปยังหนุ่มสาวที่ยืนกันคนละฝั่งไม่ได้มายืนใกล้ชิดกันเพียงเพราะต่างมีใจให้กันคู่นั้น คนหนึ่งสุภาพสง่างาม คนหนึ่งนุ่มนวลอ่อนหวาน ทั้งยังรักษาธรรมเนียมกันทั้งคู่ นับว่าเหมาะสมกันอย่างยิ่ง
ส่วนว่าตระกูลเซี่ยจะต้องการหาคู่ครองที่มีฐานะทางสังคมเหมาะสมกันหรือไม่ เรื่องนี้หนานกงฉีซิวกลับไม่กังวลใจเลยสักนิด อาจเป็นเพราะเป็นตระกูลแม่ทัพ ตระกูลเซี่ยจึงไม่มีความคิดอ่านที่คดเคี้ยวลึกซึ้ง ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ที่สุดที่ตระกูลเซี่ยวาดหวังจากบรรดาบุตรชายบุตรสาวก็คือ หวังว่าบุตรชายจะสามารถออกรบปกป้องครอบครัวพิทักษ์แว่นแคว้น และหวังว่าบุตรสาวจะได้พบคู่ครองที่ปฏิบัติต่อพวกนางด้วยดี
ด้วยเหตุนี้ ตระกูลเซี่ยจึงไม่สนใจเรื่องฐานะ แต่จะทำเพียงสืบนิสัยใจคอของคนผู้นั้นรวมถึงคนในครอบครัวของอีกฝ่าย
เขารู้จักจี้อวิ่นอันผู้นี้ อีกฝ่ายเป็นสุภาพบุรุษทั้งเนื้อในและภายนอก แต่ก็เป็นคนเด็ดขาดด้วยเช่นกัน แต่เขาเด็ดขาดเฉพาะตอนสืบสวนพิจารณาคดีเท่านั้น นั่นเป็นสิ่งที่เขาพึงกระทำในฐานะขุนนางเส้าชิงของศาลต้าหลี่ ซึ่งเขาก็ทำได้ยอดเยี่ยม แต่มากกว่านี้หนานกงฉีซิวกลับไม่ค่อยกระจ่างนัก
……………………………..