บทที่ 427 งานประมูล 4
บทที่ 427 งานประมูล 4
หนานกงฉีจวินรีบสละที่นั่งอย่างรวดเร็วและเชื้อเชิญเขาด้วยท่าทีประจบประแจง
“เสด็จอา เป็นคนที่ดูน่าเชื่อถือที่สุดในหมู่พวกเรา หากเป็นเด็ก ๆ เช่นพวกข้า พวกเขาคงไม่มีทางเชื่อ”
อันที่จริงแนวคิดเรื่องการฝากเงินของหนานกงฉีจวินได้รับแรงบันดาลใจมาจากคำพูดของเสี่ยวเป่าเช่นกัน
หลังการประมูลเริ่มต้นขึ้น เสี่ยวเป่าก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำด้วยความกังวล นางนอนอยู่บนตั่ง และเห็นว่าการประมูลทำเงินได้มากขึ้นเรื่อย ๆ
“พวกเขาจะเอาเงินจำนวนมากออกไปได้อย่างไรกันนะ”
เรื่องนี้คนอื่น ๆ ไม่คิดสงสัย หรือคิดว่ามันเป็นปัญหาแต่อย่างใด ในความเห็นของพวกเขา ยิ่งมีเงินมากเท่าไรก็ยิ่งเป็นเรื่องดีเท่านั้น เพราะสุดท้ายเงินส่วนหนึ่งก็จะเป็นของโรงน้ำชาเทียนเป่า!
เสี่ยวเป่าฟังเรื่องราวอย่างระมัดระวังและคาดเดาสถานการณ์ของตระกูลไช่ได้ราง ๆ หากตระกูลไช่เผลอหยิบเงินอย่างไม่ระมัดระวัง ก็ไม่ต่างอะไรกับการบอกทุกคนให้ไปที่บ้านของเขาเพื่อขโมยเงินได้อย่างเปิดเผย
ดังนั้นหนานกงฉีจวินจึงได้ยินนางพึมพำกับตนเอง “จริง ๆ พวกเขาสามารถเก็บเงินเอาไว้ได้ที่โรงน้ำชาเทียนเป่า และถอนออกมาใช้ในยามที่ต้องการได้”
จากนั้นหนานกงฉีจวินผู้กระตือรือร้นเรื่องการค้าขายมากจู่ ๆ ก็เกิดความคิดน่าสนใจขึ้นมา
หากเขารับฝากเงินชั่วคราวในโรงน้ำชาเทียนเป่า ก็หมายความว่าเงินจำนวนมากจะสะพัดเข้าไปในบัญชีในช่วงเวลาอันสั้น หลังจากนี้คนเหล่านั้นก็จะคงไม่รีบถอนเงินออกไปทั้งหมดแน่นอน ดังนั้นเขาจึงสามารถหยิบยืมเงินนี้มาใช้สร้างรายได้ต่อเช่นกัน!
หลังจากนั้น…
แน่นอนว่าหนานกงฉีจวินไม่ได้คาดหวังให้ทุกอย่างสามารถดำเนินการได้ทั้งหมดในคราวเดียว เขาไม่คาดคิดว่าตระกูลไช่จะไว้ใจโรงน้ำชาเทียนเป่ามากขนาดนั้น แต่เรื่องราวของตระกูลไช่ทำให้เขาสะเทือนใจมาก ถึงขั้นตัดสินใจว่าหากคนของตระกูลไช่เดินทางมาเล่าเรียนที่สำนักศึกษา เขาจะให้ตั๋วอาหารเพิ่มอีกหนึ่งใบ!
แน่นอนว่าเรื่องของตั๋วอาหารที่ว่านี้เป็นเรื่องที่ได้พูดคุยตกลงกันเอาไว้แล้วว่าเงินจากงานประมูลจะถูกนำไปบริจาคให้แก่สำนักศึกษา
หนานกงฉีจวินต้องการจะเชื่อมโรงน้ำชาเทียนเป่าไว้กับฮ่องเต้ การมีผู้หนุนหลังจะช่วยให้ดำเนินการต่าง ๆ ได้สะดวกยิ่งขึ้น แม้ว่าเสด็จพี่รัชทายาทจะกลายเป็นฮ่องเต้พระองค์ต่อไปในอนาคต ตราบใดที่พวกเขายังคงความสัมพันธ์ต่อสำนักศึกษา องค์อุปถัมภ์ก็จะยังคงเป็นฮ่องเต้อยู่เช่นเดิม เพราะอย่างไรเสียสำนักศึกษาทั้งหมดก็ถูกก่อตั้งโดยฮ่องเต้
โดยสรุปแล้วนี่เป็นสถานการณ์ที่ทุกฝ่ายต่างได้ผลประโยชน์ แต่หนานกงหลีกลับเป็นผู้ที่ต้องทุกข์ฝ่ายเดียว เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ แต่กลับถูกหลานชายหลอกให้ทำงาน นี่มันบ้าไปแล้ว !
แม้ว่าหลังจากการประมูลผ่านไปแล้ว ตระกูลไช่จะไม่ได้ฝากเงินกับโรงน้ำชาเทียนเป่าอีก เพราะอย่างไรแล้วพวกเขาก็รู้ว่าควรจะเก็บเงินเอาไว้ใกล้ตัวเป็นการดีที่สุด
อีกทั้งยังมีความสามารถในการดูแลเงินของตนเองได้อย่างดี จึงไม่จำเป็นต้องคอยระแวงว่าจะถูกโกง
ซึ่งก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายของหนานกงฉีจวินนัก เพราะเดิมทีเขาก็คิดว่ามันจะเป็นการฝากเงินเพียงชั่วคราวตั้งแต่แรก
ทว่าเขาไม่ได้คาดคิดว่าการฝากเงินเช่นนี้กลับได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต และจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของโรงรับฝากเงินเทียนเป่า ซึ่งเป็นธนาคารแห่งแรกในอาณาจักรต้าเซี่ย
ในยุคสมัยนี้ยังไม่มีแนวคิดเกี่ยวกับเรื่องธนาคารมาก่อน ไม่มีธนบัตร หรืออัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ทองคำเป็นของมีค่าสำหรับการแลกเปลี่ยนซื้อขายที่ได้รับความน่าเชื่อถือสูงสุด นอกจากนี้ ยังมีของมีค่าอื่น ๆ อย่างเหรียญทองแดง ก็สามารถนำมาซื้อขายที่อาณาจักรต้าเซี่ยได้เช่นเดียวกัน แต่เมื่อเดินทางไปยังต้าหานหรือเป่ยเยว่จะไม่สามารถนำไปจับจ่ายสินค้าได้ที่นั่น เพราะเหรียญที่ใช้มีความแตกต่างกัน เพราะพวกเขาเองก็มีเงินตราเฉพาะของตัวเอง ซึ่งนี่เป็นข้อเสียจากการแบ่งแยกจงหยวนไม่รวมเป็นแผ่นดินเดียว
ดังนั้นแม้ว่าธนาคารจะถูกจัดตั้งแล้ว แต่ก็จะไม่ได้เจริญรุ่งเรืองมากนัก
แน่นอนว่าทุกอย่างต้องใช้เวลา และอนาคตก็จะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป
หนานกงฉีจวินคิดไม่ถึงอย่างแน่นอนว่าอนาคตจะเกิดสิ่งใดขึ้น พวกเขากำลังมองไปยังการประมูลด้านล่าง หลังจากของมีค่าหลายชิ้นถูกประมูลไป ในที่สุดสินค้าชิ้นสำคัญของวันนี้ก็ถูกนำออกมา
สินค้าพิเศษจากอาณาจักรต้าเซี่ยคือเครื่องลายครามสีสันงดงาม
ในยุคสมัยที่ผู้คนคุ้นเคยกับเครื่องเคลือบลายครามสีเดียว แม้แต่เครื่องเคลือบสีขาวก็ยังเป็นของหายาก เมื่อได้เห็นเครื่องเคลือบสีแปลก ๆ ก็กลายเป็นที่โปรดปรานของเหล่าขุนนางอย่างไม่ต้องสงสัย
เจ้าของโรงประมูลเริ่มแนะนำเครื่องเคลือบลายครามชุดแรกขึ้น “ทุกท่านคงเคยได้ยินเรื่องของเทพเจ้าในยุคบรรพกาลกันมาบ้างแล้ว สิ่งของที่เรานำมาประมูลในครั้งนี้ก็คือเทพเจ้าผานกู่*[1]ผู้ยิ่งใหญ่”
งานชิ้นนี้เป็นตุ๊กตาเครื่องเคลือบที่ถูกสร้างขึ้นโดยช่างฝีมือชั้นสูงอย่างประณีตงดงาม และหลังจากที่เสี่ยวเป่ามาช่วยเหลือเรื่องการพัฒนารูปแบบการสร้าง ตุ๊กตาเครื่องเคลือบของอาณาจักรต้าเซี่ยก็มีรูปแบบอันเป็นเอกลักษณ์ที่งดงามมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
มันให้ความรู้สึกคล้ายกับงานปั้นของคนยุคหลัง แม้ว่าจะไม่ได้อ่อนช้อยประณีตเท่า ทั้งยังดูแข็งกว่าด้วยความเป็นเครื่องลายครามที่มีพื้นฐานเป็นเครื่องปั้นดินเผาก็ตาม
แต่ก็ถือว่าเป็นงานที่สวยงามน่าชื่นชมมากจริง ๆ
“นี่คือเทพเจ้าผานกู่ ภายในมือถือขวานเบิกฟ้า ซึ่งช่างฝีมือได้สร้างสรรค์ขึ้นจากจินตนาการตามตำนานออกมาอย่างงดงาม เรากำลังจะเริ่มต้นเปิดประมูลตุ๊กตาเครื่องเคลือบนี้ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งร้อยตำลึงเงินและต้องประมูลเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าสิบตำลึงเงิน”
ทันทีที่เจ้าของโรงประมูลพูดจบ คนด้านล่างก็รอแทบไม่ไหวที่จะเริ่มเสนอราคา
“ร้อยห้าสิบตำลึงเงิน”
“สองร้อยตำลึงเงิน ข้าให้สองร้อยเลย”
บรรยากาศเริ่มเข้มข้น ผู้คนเริ่มแย่งชิงกัน ในชั่วเวลาไม่กี่นาทีมูลค่าของตุ๊กตาก็ขึ้นสูงเป็นหนึ่งพันตำลึงเงิน
ด้านบนชั้นสี่ หนานกงหลีกำลังจิบชาและมองดูด้วยรอยยิ้ม “ครั้งนี้ดูเหมือนว่าเสด็จพี่จะได้เงินมากมายทีเดียว”
เครื่องลายครามเหล่านี้มาจากเตาเผาของโรงเผาหลวง แน่นอนว่าเงินที่ประมูลได้จะต้องเข้าท้องพระคลังอย่างแน่นอน
พัดของเขาแตะที่กลุ่มผมนุ่มของเสี่ยวเป่าเบา ๆ
“เสี่ยวเป่าคงจะทำเงินได้มากมายในครั้งนี้ หากร่ำรวยมั่งคั่งแล้วก็อย่าลืมพวกเราล่ะ”
เครื่องลายครามเหล่านี้เป็นความคิดของเสี่ยวเป่า หนานกงสือเยวียนก็ไม่ใช่ฮ่องเต้ที่จะเอาเปรียบบุตรสาว เงินจากการประมูล เขาจะมอบเงินสองส่วนจากรายได้ของเครื่องเคลือบลายครามให้แก่เสี่ยวเป่าต่อหน้าขุนนางทุกคน
กำไรจากการขายสุราก็ยังแบ่งให้เสี่ยวเป่ากับท้องพระคลังถึงครึ่งหนึ่ง
หากขุนนางชุดก่อนอยู่ที่นั่นพวกเขาคงจะรีบพากันคัดค้านไม่ยอมอยู่เฉยเป็นแน่ เงินในท้องพระคลังเกี่ยวข้องกับพวกเขาโดยตรง จะยอมให้มีการแบ่งสันปันส่วนไปให้องค์หญิงน้อยเช่นนั้นได้อย่างไร
ทว่าเวลานี้ใคร ๆ ก็ทราบกันดี ว่าเครื่องลายครามเหล่านี้เกี่ยวข้องกับองค์หญิง สุราเองก็เช่นกัน องค์หญิงเป็นผู้คิดค้นเหล้าองุ่นนั่นขึ้นมา จะมีผู้ใดกล้าคัดค้านได้อย่างไร
ฝ่าบาทรับสั่งอย่างไรก็ต้องยอมให้เป็นเช่นนั้น เพราะในครั้งนี้ทรงเกี่ยวข้องกับองค์หญิงมากจริง ๆ
ฮ่องเต้มีองค์หญิงเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น และองค์หญิงก็ยังทรงสร้างคุณูปการต่ออาณาจักรอย่างมากทั้งที่ยังทรงพระเยาว์ เช่นนี้จะไม่ให้ฝ่าบาทโปรดปรานองค์หญิงน้อยได้อย่างไร
เสี่ยวเป่าเอานิ้วกลม ๆ ขึ้นมานับจำนวนเงินก็พบว่านางกำลังจะรวยแล้วจริง ๆ ฮิฮิ
องค์ชายองค์อื่น ๆ ยังพากันพูดติดตลกด้วยว่า “เสี่ยวเป่าของเรารวยที่สุดในวังหลวงรองจากเสด็จพ่อแล้วหรือไม่”
“ไม่ ควรจะบอกว่ายามนี้นางร่ำรวยกว่าพระคลังส่วนพระองค์ของเสด็จพ่อเสียอีก”
“น้องหญิง เราต้องพึ่งพาเจ้าแล้วจริง ๆ ช่วยสนับสนุนพี่ชายอย่างข้าหลังจากนี้ด้วยนะ”
เสี่ยวเป่าโบกมืออย่างใจกว้าง “ไม่มีปัญหาเลยเพคะ เสี่ยวเป่าจะหาเงินเลี้ยงดูท่านพี่ทุกคนนับจากวันนี้เป็นต้นไปเลย”
ดวงตากลมเต็มไปด้วยความมั่นใจนั้นช่างน่ารักน่าเอ็นดูเสียจริง ทั้งยังเป็นน้องสาวที่เต็มไปด้วยจิตใจงดงาม นางเป็นเด็กดีกับพี่ชายทุกคน เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วพี่ชายก็จะดูแลนางอย่างดีที่สุดเช่นกัน
ความสัมพันธ์กลมเกลียวเช่นนี้ช่างน่าอิจฉาในสายตาของผู้พบเห็นจริง ๆ
[1] ผานกู่ (盘古大神) คือ เทพเจ้าผู้สร้างโลกตามตำนานของจีน