บทที่ 432 เสี่ยวเป่ามาเข้าร่วมกับท่านต่างหาก
บทที่ 432 เสี่ยวเป่ามาเข้าร่วมกับท่านต่างหาก
ตลอดทั้งวัน ทุกคนพอใจเป็นอย่างยิ่ง ด้วยกองทัพต้าเซี่ยที่ยิ่งใหญ่และทรงพลังเช่นนี้ ทำให้พวกเขารู้สึกได้ถึงความปลอดภัย พวกที่มีใจทะเยอทะยานถึงขั้นนึกคิดอย่างตื่นเต้นว่าพวกเขาจะสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ได้หรือไม่
อย่างเช่นรวมแผ่นดินในใต้หล้าให้เป็นหนึ่งเดียวอะไรทำนองนั้น
สิ่งที่คนอื่นเห็นในกองทัพต้าเซี่ยคือความยิ่งใหญ่เกรียงไกร ทว่าหนานกงสือเยวียนกลับพบว่ามีจุดที่จำเป็นต้องปรับปรุง ทำสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้น นี่เป็นเหตุผลว่าเหตุใดกองทัพต้าเซี่ยที่นำโดยเขาจึงสามารถยืนหยัดอย่างแข็งแกร่งในโลกใบนี้
ความสำเร็จตลอดทั้งปีแสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ภายในหนึ่งวัน หนานกงสือเยวียนยิ่งเพิ่มความมั่นใจในการพิชิตใต้หล้า
ขั้นตอนแรกคือ ต้องกำจัดพวกซยงหนูที่คิดไม่ซื่อเสียก่อน
หลังจากที่ตั้งเป้าหมายเรียบร้อย หนานกงสือเยวียนผู้ชื่นชอบการทำศึกจึงตัดสินใจให้รัชทายาทปกครองต้าเซี่ย ส่วนเขาจะเดินทางไปที่ชายแดนด้วยตัวเอง
เมืองหน้าด่าน เขาไม่ได้ไปเยี่ยมเสียนานเลย
ที่นั่นเป็นสถานที่ที่เขาเติบโตมา มิรู้ว่าตอนนี้จะเปลี่ยนไปเพียงใด
ในท้องพระโรงวันที่สอง ขณะที่หนานกงสือเยวียนประกาศว่าตนเองจะไปเยือนชายแดน ขุนนางหลายคนรวมถึงรัชทายาทต่างก็พากันคุกเข่า
“ฝ่าบาท มิได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”
ใช่ว่าพวกเขาจะคัดค้าน เพียงแต่อาจถูกทำอันตรายได้ง่ายเมื่ออยู่ในสนามรบ พวกเขาแค่เป็นห่วงความปลอดภัยของหนานกงสือเยวียนเท่านั้น
หนานกงสือเยวียนนั่งตัวตรง พลางกวาดสายตามองบรรดาขุนนางเบื้องล่างช้า ๆ
“ข้าตัดสินใจแล้ว และรัชทายาทก็มีความสามารถในการดูแลอาณาจักร ต่อให้เกิดอะไรขึ้นกับข้าจริง ๆ เช่นนั้นก็ให้รัชทายาทปกครองอาณาจักรแห่งนี้!”
เขาพอใจในตัวผู้สืบทอดของตนเป็นอย่างยิ่ง แม้จะไม่เก่งกาจรอบด้านเหมือนกับตนก็ตาม
ตอนนี้เขาต้องการที่จะพิชิตใต้หล้า และมีเพียงให้รัชทายาทเป็นผู้ปกครองดินแดน เขาจึงจะสามารถออกไปพิชิตใต้หล้าได้อย่างวางใจ
เมื่อหนานกงสือเยวียนตัดสินใจแล้ว ต่อให้ม้าสิบตัวมาฉุดก็เอาไม่อยู่ พวกขุนนางจึงได้แต่คิดหาวิธีด้วยความกังวลใจ
คนหนึ่งคิดถึงองค์หญิงขึ้นมา หากกว่าองค์หญิงสามารถโน้มน้าวฝ่าบาทได้ก็คงจะดี
หนานกงสือเยวียนเห็นสีหน้าไม่พอใจของลูกสาว “ทำไม เจ้าก็จะเกลี้ยกล่อมไม่ให้ข้าไปชายแดนอย่างนั้นหรือ”
เสี่ยวเป่าเผยยิ้มน่ารักน่าชัง เดินไปกอดแขนท่านพ่อพลางออดอ้อน
“ท่านพ่อ เสี่ยวเป่าไม่ได้มาเกลี้ยกล่อมท่าน แต่มาเข้าร่วมกับท่านต่างหาก”
แววตาจริงใจของนางมองมาที่เขา
หนานกงสือเยวียน “…”
นี่เป็นเรื่องที่เขาไม่คาดคิดแม้แต่นิดเดียว
เขายกมือก่ายหน้าผากอย่างปวดหัว ขณะมองดูเจ้าตัวน้อยแสนฉลาดและซุกซน
“เจ้า…”
เสี่ยวเป่ารีบทำหน้าตาน่าสงสาร “ท่านพ่อจะไม่พาเสี่ยวเป่าไปด้วยหรือ ท่านจะทิ้งเสี่ยวเป่าไว้ที่วังหรือ เสี่ยวเป่าไม่มีแม่ไปคนหนึ่งแล้ว ท่านพ่อไปอีกคนเสี่ยวเป่าจะน่าสงสารและโดดเดี่ยวแค่ไหน ผักกาดขาวต้นน้อยในดิน…”
หนานกงสือเยวียน : …พูดไปพูดมาไหงเจ้าร้องเพลงขึ้นมาเสียเล่า
“ที่ชายแดนอากาศหนาวมาก”
“เสี่ยวเป่าไม่กลัว เสี่ยวเป่าทนได้”
ราวกับเพิ่มความน่าเชื่อถือ เสี่ยวเป่าหักนิ้วมือดังกร๊อบแกร๊บเป็นการบอกว่าตนสามารถอดทนต่อความยากลำบากได้
“เสี่ยวเป่าเดินทางไปเผยแพร่การสร้างเตียงเตากับท่านอาเจ็ดและพี่สาม อีกทั้งยังต่อสู้กับพวกโจรภูเขาด้วย”
หนานกงสือเยวียน “อืม เจ้าไปเป็นตุ๊กตานำโชค”
เสี่ยวเป่า “…”
เสี่ยวเป่าไม่เห็นด้วยกับคำพูดของท่าน ถึงเสี่ยวเป่าจะไม่ได้ต่อสู้กับพวกโจรโดยตรง แต่เสี่ยวเป่าก็คอยส่งเสียงให้กำลังใจ เสี่ยวเป่าก็มีคนช่วยเหมือนกัน อ๊ะ ไม่สิ เสือช่วยต่างหาก
“เสี่ยวเป่ายังเคยไปชายแดนใต้กับท่านเลยนะ!”
หนานกงสือเยวียนเหลือบมองคนบางคน “เกือบถูกจับเป็นตัวประกัน เจ้าเห็นหรือไม่ว่าศัตรูรู้จักเลือกลูกพลับอ่อน*[1] และเจ้าก็คือลูกพลับอ่อนลูกนั้น”
พูดไปพลางก็บีบแก้มน้อยนุ่มนิ่มของนาง ไม่มีลูกพลับใดจะนุ่มนิ่มไปกว่าลูกสาวของเขาอีกแล้ว
“พวกเขารู้ว่าเจ้าคือพระธิดาของฮ่องเต้ ดังนั้นทันทีที่รู้ว่าเจ้าอยู่ที่นั่น พวกเขาจะคิดหาวิธีมาจับตัวเจ้าไปเพื่อข่มขู่ข้า”
เสี่ยวเป่าคร่ำครวญ “ท่านพ่อมิใช่คนไม่ได้เรื่องเสียหน่อย ท่านพ่อต้องปกป้องเสี่ยวเป่าได้อยู่แล้ว”
เสี่ยวเป่าคว้ามือท่านพ่อพร้อมกับมองตาปริบ ๆ
หนานกงสือเยวียน “คำชมใช้ไม่ได้ผลกับข้าหรอก”
เสี่ยวเป่าใกล้จะโมโหเต็มที พลันนั่งลงกับพื้นอย่างไม่ยอมแพ้
“ท่านไม่ให้เสี่ยวเป่าไป เช่นนั้นเสี่ยวเป่าก็จะไปเอง!”
หนานกงสือเยวียนมองนางคล้ายกับจะยิ้ม “แล้วเจ้าจะไปอย่างไร”
เสี่ยวเป่าพึมพำ “พวกท่านไปกันเมื่อไร เสี่ยวเป่าก็จะพาเฮยอู๋ฉาง ไป๋อู๋ฉาง แล้วก็เจ้าแพนด้า ไม่ได้ ตัวนี้เอาไปไม่ได้ มันกินเก่งเกินไป ทั้งยังรับประกันไม่ได้ด้วยว่าระหว่างทางจะมีต้นไผ่พอให้มันกินหรือไม่ เช่นนั้นเสี่ยวเป่าจะเอาม้าไปหนึ่งตัว แล้วก็จะพาเยว่หลีไปด้วย เขาควบคุมแมลงได้ แบบนี้คนที่คิดจะทำร้ายพวกเราระหว่างทางก็จะเอามาเป็นอาหารของแมลงให้หมดเลย!”
ใช่แล้ว ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยอย่างรอบด้าน
ทว่า…
หนานกงสือเยวียนรู้สึกโกรธทีเดียว เจ้าตัวเล็กร้ายกาจไม่เบาทั้งยังคิดจะแอบหนีออกไป ข่มขู่บิดาอย่างเขาต่อหน้าต่อตาเช่นนี้เชียวหรือ!
“เจ้ารู้หรือว่าชายแดนไปทางไหน”
หนานกงสือเยวียนถามพร้อมกับหรี่ตามองด้วยสายตาอันตราย ขณะพยายามข่มกลั้นไม่ให้ตีก้นเด็กน้อย
เสี่ยวเป่าเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง จากนั้นก็หดคอเมื่อถูกท่านพ่อจ้องมอง พลางถอยไปข้างหลังอย่างเงียบ ๆ
อืม น่าจะหนีทันหากท่านพ่อคิดจะตีนาง
“พวกเราก็แค่เดินขึ้นไปทางเหนือเรื่อย ๆ อย่างไรเสียท่านพ่อก็ไม่ต้องการเสี่ยวเป่าแล้ว เสี่ยวเป่าหนีไปท่านพ่อก็คงไม่เสียใจหรอก”
พูดจบก็วิ่งหนีด้วยความเร็วจี๋ก่อนที่ท่านพ่อจะจับนางไว้ได้ทัน
หนานกงสือเยวียนมองไปรอบ ๆ แต่ก็ไม่พบของที่ใช้ประโยชน์ได้ จึงไล่ตามไปทั้งอย่างนั้น
“ว้ากกกกก!!! ท่านพ่อตีลูกสาว ท่านพ่อนิสัยไม่ดี!”
เจ้าตัวน้อยบางคนวิ่งหนีพลางร้องตะโกนตลอดทาง คำพูดที่เปล่งออกมาทำเอาหนานกงสือเยวียนอยากหาไม้มาตีให้รู้แล้วรู้รอด
“ความกล้าของเจ้าเพิ่มขึ้นตามอายุหรืออย่างไร หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
เสี่ยวเป่าตะโกนตอบเสียงหวาน “ไม่หยุด! เว้นแต่ท่านพ่อจะไม่ตีเสี่ยวเป่า!”
คราวนี้หนานกงสือเยวียนคว้าแส้หางม้าของฝูไห่กงกง ไม่ตีเจ้าแล้วจะให้ตีใคร!
ฝูไห่กงกง “…”
ไอ้หยา แต่ไหนแต่ไรองค์หญิงไม่เคยถูกฝ่าบาทไล่ตีมาก่อน แต่จากที่ได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกขององค์หญิง คงจะไม่เป็นไรกระมัง
สุดท้ายขาสั้นก็มิสู้ขายาว แต่หนานกงสือเยวียนมิได้คิดจะใช้แส้กับนางจริง ๆ เขาเพียงจับนางไว้บนขาและตีก้นไปสองที
เจ้าตัวน้อยรู้สึกอับอายที่ถูกจับตีก้น นางขายหน้าถึงเพียงนี้เรื่องราวก็คงจะคลี่คลาย
“ก้นก็ตีไปแล้ว เสี่ยวเป่าจะไปชายแดนกับท่าน เสี่ยวเป่าจะไปหาพี่รอง อยากเห็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ แล้วเสี่ยวเป่าก็จะเอาป้ายวิญญาณของท่านแม่ไปด้วย ท่านแม่จะได้เห็นทุ่งหญ้ากับเสี่ยวเป่าด้วยกัน!”
หนานกงสือเยวียน “เจ้าคิดว่าไปเที่ยวหรืออย่างไร!”
เสี่ยวเป่าทำเสียงฮึ “เสี่ยวเป่ามีประโยชน์นะ มีประโยชน์มาก ๆ เลยด้วย”
หนานกงสือเยวียนมองนางด้วยท่าทีสบาย ๆ “ไหนว่ามาสิ”
เสี่ยวเป่าพุ่งเข้ามาอย่างไร้ยางอายในทันที “ทุ่งหญ้าหลงทางได้ง่าย แต่ว่าเสี่ยวเป่าไม่กลัว เสี่ยวเป่าหาสัตว์ในทุ่งหญ้ามาช่วยนำทางให้พวกท่านได้”
หนานกงสือเยวียนรู้สึกกังวลใจนิดหน่อยเมื่อนึกถึงวิธีควบคุมสัตว์อันน่าพิศวงของเสี่ยวเป่า การรับรู้ทิศทางของชาวจงหยวนอย่างพวกเขาย่อมสู้คนที่ใช้ชีวิตและอาศัยอยู่ในทุ่งหญ้าไม่ได้ นี่จึงเป็นจุดที่พวกเขาเสียเปรียบมากที่สุด
มิหนำซ้ำพวกชนเผ่าทุ่งหญ้ายังเลี้ยงอินทรีทุ่งหญ้าไว้สำรวจเส้นทางและคอยนำทาง ทว่าชาวจงหยวนมิรู้วิธีเลี้ยงอินทรี และเป็นความจริงที่เสี่ยวเป่าของพวกเขาสามารถทำให้อินทรีเชื่อฟังได้อย่างง่ายดาย
[1] เลือกลูกพลับอ่อน หมายถึง เลือกจัดการคนที่อ่อนแอ