เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช – บทที่ 437 เขี้ยวสัตว์วิเศษ

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

บทที่ 437 เขี้ยวสัตว์วิเศษ

บทที่ 437 เขี้ยวสัตว์วิเศษ

“น่ะ นี่มันตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่ประมูลในราคาสูงลิ่วที่เมืองหลวงใช่หรือไม่”

มีบางคนจำมันได้ พ่อค้าส่วนใหญ่ที่นั่นล้วนเคยได้ยินเรื่องงานประมูลในโรงน้ำชา ตอนนี้โรงน้ำชาเทียนเป่ามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว พ่อค้ามากหน้าหลายตาต่างก็อยากไปที่นั่นให้เห็นเป็นบุญตา

ได้ยินว่ามีเพียงขุนนางชั้นสูงและพวกคนร่ำรวยเท่านั้นที่สามารถไปซื้อสินค้าที่นั่นได้ และสินค้าที่ถูกนำมาประมูลก็ล้วนแต่เป็นสมบัติล้ำค่า

ได้ยินว่า…

สรุปก็คือสินค้าที่ถูกประมูลไปจากโรงน้ำชาเทียนเป่านั้นมีชื่อเสียงทั้งสิ้น

แน่นอนว่ารวมถึงตุ๊กตากระเบื้องเคลือบด้วย

ชัดเจนว่าพ่อค้าชาวจงหยวนคุ้นเคยกับเจ้าสิ่งนี้เป็นอย่างดี ส่วนพวกพ่อค้าชาวหู รวมถึงพ่อค้าจากชนเผ่าทุ่งหญ้าอื่น ๆ แทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเจ้าสิ่งนี้ แต่จากการพูดคุยของพ่อค้าพวกนั้นเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะรู้เรื่องงานประมูลครั้งใหญ่ที่โรงน้ำชาเทียนเป่าในต้าเซี่ยเช่นกัน

เมื่อพวกเขาได้ยินดังนั้นดวงตาก็พลันเป็นประกาย กังวลก็แต่ว่าตนเองจะไม่ได้เข้าร่วมงานประมูลที่จัดขึ้นที่โรงน้ำชาเทียนเป่า

อีกทั้งไม่ว่าจะเป็นโรงน้ำชาเทียนเป่าหรือตุ๊กตากระเบื้องเคลือบในมือเสี่ยวเป่าต่างก็เย้ายวนใจทั้งสิ้น ไม่ว่าจะนำมันไปขายให้ใครก็ต้องทำกำไรได้อย่างแน่นอน

ด้วยเหตุนี้พ่อค้าชาวหูเจ้าของนกยูงจึงพยักหน้าไม่หยุด “ตกลง ๆ ข้าจะแลกนกยูงสองตัวนี้กับเจ้า”

ทันใดนั้นก็มีคนเตือนขึ้นมา “สาวน้อยเจ้าอย่าถูกหลอกเชียวนะ ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบของเจ้ามีค่ากว่านกสองตัวที่จะตายมิตายแหล่นั่นมากนัก หากว่าเจ้าอยากซื้อจริง ๆ มิสู้ขายตุ๊กตากระเบื้องเคลือบนี้ให้ข้า ข้าจะจ่ายให้สามร้อยตำลึงเงินเลย”

“ถุย คิดว่าตัวเองหวังดีน่าดูเลยสิท่า แต่ก็หลอกเด็กไม่ต่างกันนั่นแหละ ราคาประมูลของตุ๊กตากระเบื้องเคลือบนั่นตั้งหนึ่งพันเหรียญทองแดง”

“นี่ไม่ใช่งานประมูลเสียหน่อย”

ได้ยินดังนั้นเขาก็กระดากอายเล็กน้อย

ทว่าเสี่ยวเป่ายืนกรานที่จะใช้ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบแลกเปลี่ยนกับพ่อค้าชาวหู แต่ถึงกระนั้นนางมิเพียงใช้มันแลกกับนกยูง แต่ยังแลกเมล็ดพันธ์ุหลายชนิดจากร้านค้าของพวกเขา นางถูกใจเมล็ดถั่วลันเตาในร้าน และดูเหมือนว่าถุงนำโชคของนางจะไม่เคยมีถั่วลันเตามาก่อน

ราวกับพ่อค้าชาวหูกลัวว่านางจะเปลี่ยนใจ เขาจัดการห่อเมล็ดพันธ์ุทั้งหลายรวมถึงนกยูงสองตัวและมอบให้เสี่ยวเป่า

คืนวันนั้นเขาหอบตุ๊กตากระเบื้องเคลือบเดินทางออกจากต้าเซี่ย เหตุผลก็เพราะมีคนไม่น้อยรู้ว่าเขามีตุ๊กตากระเบื้องเคลือบอยู่กับตัว พ่อค้าที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ส่วนใหญ่มิได้ทำการค้าขายจริงจังเท่าใดนัก การฆ่าคนและปล้นทรัพย์สินมีให้เห็นอยู่ร่ำไป

แน่นอนว่าเรื่องนี้เอาไว้ทีหลัง บัดนี้เสี่ยวเป่าสั่งให้เด็กรับใช้สองคนอุ้มนกยูงคนละตัวและเตรียมเดินทางกลับจวน

แต่หลังจากที่ออกมาได้ไม่นานก็ถูกพ่อค้าตัวอ้วนชาวหูเข้ามาขวางทางด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“คุณหนู ข้าเห็นว่าท่านน่าจะชอบนกหายาก ข้ามีนกสายพันธ์ุหายาก คุณหนูอยากไปดูหรือไม่”

เขาถูฝ่ามือพร้อมกับยิ้มเหมือนพระสังกัจจายน์ แม้จะตัวอ้วนแต่มิได้น่ารำคาญ

“คาราวานของพวกเราโชคดีนัก ไม่กี่วันก่อนบังเอิญพบเหยี่ยวไห่ตงชิง*[1] ได้รับบาดเจ็บกับลูกของมันอีกสองสามตัว เหยี่ยวไห่ตงชิงเป็นถึงราชาแห่งเหยี่ยวทั้งปวง ทั้งสง่างามและน่าเกรงขาม พาไปที่ใดก็ล้วนมีหน้ามีตา ท่านอยากไปดูหน่อยหรือไม่”

เสี่ยวเป่าสนใจเหยี่ยวไห่ตงชิงจึงพาองครักษ์ตามไปที่ร้านของพ่อค้าผู้นั้น ก็พบเหยี่ยวไห่ตงชิงดุร้ายถูกขังอยู่ในกรงดังคาด เหยี่ยวไห่ตงชิงตัวนั้นน่าจะไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน มันดูผอมโซ ทั้งยังขนแห้งกรัง แต่ยังคงดุร้าย

และลูกนกที่เขาพูดถึงก็ดูใกล้จะสิ้นใจเช่นกัน

เสี่ยวเป่า “…”

รู้สึกเหมือนตัวเองมาเพื่อเก็บนกที่ใกล้ตายเลยแฮะ

พ่อค้าคนนั้นพูดถึงอย่างเขินอาย “พวกข้ามิได้ทารุณเจ้าเหยี่ยวและลูกนกนะขอรับ เป็นเพราะพวกมันดื้อรั้นไม่ยอมกินไม่ยอมดื่ม เจ้าตัวเล็กยังพอยัดเนื้อสับให้กินได้ แต่กับเจ้าตัวใหญ่จนปัญญาจริง ๆ แต่ถึงกระนั้นเดิมทีมีลูกนกสามตัว แต่ตอนนี้เหลือแค่สองตัวเท่านั้น”

เขาเสียดายนิดหน่อย ลูกนกทั้งสามตัวขนเริ่มขึ้นแล้ว หากว่าเลี้ยงดูอีกหน่อยก็คงจะบินได้ น่าเสียดายที่เจ้าเหยี่ยวไห่ตงชิงหยิ่งผยองนัก ตั้งแต่ถูกจับมามันก็ไม่ยอมกินอะไรเลยสักครั้ง

เสี่ยวเป่า “แล้วเจ้าอยากได้อะไรเป็นการแลกเปลี่ยนล่ะ”

ดวงตาพ่อค้าเป็นประกาย “มิทราบว่าคุณหนูมีตุ๊กตากระเบื้องเคลือบอีกหรือไม่”

เสี่ยวเป่า “มีน่ะมี แต่ถ้าใช้ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบแลกกับเหยี่ยวไห่ตงชิงไม่กี่ตัวข้าก็ขาดทุนน่ะสิ”

พ่อค้าถูฝ่ามือไปมา “เรื่องนั้นไม่มีปัญหา คุณหนูดูว่าในร้านนี้มีของที่ท่านชอบหรือไม่ หากว่ามีก็เอาไปได้เลย ข้าจะไม่บิดพลิ้วอย่างแน่นอน”

เสี่ยวเป่าสำรวจไปรอบ ๆ ร้านเล็ก ๆ ของเขา อันที่จริงร้านแห่งนี้ไม่ใหญ่ ทั้งยังไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่ทว่าสายตาของเสี่ยวเป่ากลับหยุดอยู่ที่เขี้ยวอันใหญ่

“นั่นคืออะไรหรือ”

พ่อค้ามองไปตามทิศทางที่นางชี้ จากนั้นก็ทำหน้าบูดบึ้ง “เขี้ยวนั่นน่ะหรือ ว่ากันว่าเป็นของวิเศษจากฉางเซิงเทียน ในเรื่องเล่าของชาวทุ่งหญ้า ตำนานกล่าวว่าที่นั่นมีสัตว์วิเศษตัวใหญ่มหึมา ร่างกายใหญ่โตราวกับภูเขา จมูกอันใหญ่พร้อมกับฟันซี่ยักษ์ ข้าสูญเงินไปกว่าครึ่งเพื่อให้ได้เขี้ยวนี้มา ข้านึกว่าพอนำมันกลับมาผู้คนคงจะแย่งกันซื้อ แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าทุกคนจะเห็นเป็นแค่ของประหลาด มิได้สนใจจะซื้อมันเลยสักนิด”

พ่อค้านึกเสียใจและเจ็บปวดเมื่อพูดถึงเขี้ยวยักษ์

เพราะว่าเขี้ยวนี้ ทรัพย์สินของเขาถึงได้หดหายจนแทบไม่เหลือ เหลือก็เพียงร้านเล็ก ๆ แห่งนี้เท่านั้น

แต่ว่าเขามิทันได้สังเกตว่าดวงตาของเสี่ยวเป่าเป็นประกายเมื่อเขาเอ่ยถึงฉางเซิงเทียน

“เจ้ารู้จักฉางเซิงเทียนด้วยหรือ”

พ่อค้ากล่าวว่า “ทุกคนที่อาศัยอยู่แถบชายแดนต่างก็เคยได้ยินเรื่องของฉางเซิงเทียน แต่ไม่มีใครเคยไปหรือเคยพบเห็นมาก่อน ว่ากันว่าผู้ที่ได้ไปฉางเซิงเทียนก็เหมือนได้ไปสรวงสวรรค์

มีหลายคนไม่ยอมแพ้ที่จะได้ไปยังฉางเซิงเทียนในตำนาน แต่บางคนก็ไม่เคยได้กลับมา หรือกลับมาในสภาพทุลักทุเล และไม่เคยได้เห็นว่าหน้าตาที่แท้จริงของฉางเซิงเทียนเป็นอย่างไร

ผู้ที่ขายเขี้ยวยักษ์นี้ให้ข้าคือพ่อค้าชาวเทียนกู่น่า เป็นชนเผ่าทุ่งหญ้าเล็ก ๆ อาศัยอยู่บนภูเขาหิมะอันหนาวเหน็บ ว่ากันว่าเป็นชนเผ่าที่ใกล้ชิดกับฉางเซิงเทียนมากที่สุด

เหมือนว่าในเผ่าของพวกเขามีนักบวชที่สามารถพาคนไปฉางเซิงเทียนได้ แต่มันก็เป็นแค่เรื่องเล่าเท่านั้น ใครจะไปรู้ว่ามีสถานที่แบบนั้นอยู่จริง ๆ หรือไม่”

พ่อค้าพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก เสี่ยวเป่าอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับฉางเซิงเทียน นางจะไม่ยอมรามือต่อให้มันจะเป็นแค่ข่าวเท็จก็ตามที แล้วถ้าหากเป็นเรื่องจริงเล่า?

“แล้วเจ้ายังติดต่อกับคนขายเขี้ยวอยู่หรือไม่”

“คุณหนูอยากรู้เรื่องฉางเซิงเทียนอย่างนั้นหรือ”

เสี่ยวเป่าพยักหน้า “ข้าจะให้ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบเจ้า”

ได้ยินนางพูดเช่นนั้น พ่อค้าก็หวั่นไหวในทันใด

“คือว่าข้ารู้ร่องรอยของพวกเขา แม้ว่าเผ่าเทียนกู่น่าจะตัดขาดจากคนข้างนอก แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ยังต้องใช้ชีวิต แม้พวกเขาจะไม่ขาดแคลนสิ่งใด แต่สถานที่พิลึกแห่งนั้นก็เพาะปลูกไม่ได้

ข้าวของอย่างพวกเกลือก็ต้องใช้วิธีแลกเปลี่ยน ดังนั้นทุก ๆ สองสามเดือนจะส่งคนมาแลกเปลี่ยนเสบียงและเกลือกับสัตว์ที่ล่ามาได้ แต่พวกเขาอยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง เจอที่ไหนก็แลกเปลี่ยนสิ่งของกันที่นั่น ข้าโชคดีที่บังเอิญได้เจอพวกเขา”

เสี่ยวเป่าผิดหวังเล็กน้อย นั่นมันต่างกับไม่รู้ข่าวคราวของพวกเขาตรงไหนกันล่ะเนี่ย

[1] เหยี่ยวไห่ตงชิง คือ เหยี่ยวไจร์ฟอลคอน

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

Status: Ongoing
จากลูกเป็ดขี้เหร่สู่การเป็นองค์หญิงคนสุดท้องแห่งราชวงศ์ ความน่ารักของซูเสี่ยวเป่าพร้อมจะพิชิตใจทุกคนแล้ว!หลังจากภูตพฤกษาตัวน้อยตายลง นางก็มาเกิดในยุคสมัยโบราณ และหลงคิดไปว่าตนเองเป็นเพียงเด็กลูกชาวบ้านแถบชนบทธรรมดา ๆ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าท่านพ่อที่นางไม่เคยพบหน้ามาก่อนจะมีภูมิหลังยิ่งใหญ่ปานนี้เขา…ถึงกับเป็นราชาของแผ่นดิน!เสี่ยวเป่าที่อายุเพียงสามขวบถูกพาตัวไปยังพระราชวังทันทีหลังจากที่แม่ของนางสิ้นชีพลง แล้วนางก็กลายเป็นองค์หญิงน้อย สตรีเพียงหนึ่งเดียวท่ามกลางพี่ชายแปดคน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท