เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช – บทที่ 449 ฮ่า ๆ ๆ

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

บทที่ 449 ฮ่า ๆ ๆ

บทที่ 449 ฮ่า ๆ ๆ

เมื่อมือที่แข็งเพราะสภาพอากาศหนาวจัดก็อาจทำให้เกิดแผลจากความเย็นกัดตามมาได้ แม้ตอนอากาศหนาวเย็นจะเพียงรู้สึกคันแต่ไม่เจ็บ แต่ตอนแช่ในน้ำอุ่นกลับทั้งเจ็บทั้งคัน

บาดแผลนี้ไม่ทำให้ถึงแก่ชีวิต แต่ทำให้คนรำคาญใจอย่างมาก

“ให้ข้าดูจดหมายของเสี่ยวเป่าด้วยคนสิว่าเขียนอะไรมาบ้าง”

เสี่ยวเป่าเริ่มจากเท้าความว่านางคิดถึงพวกเขาเหมือนทุกที ตามด้วยเล่าเรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน

แม้ทุกครั้งที่ส่งจดหมายมาให้ เสี่ยวเป่ามักจะใช้วิธีการต่าง ๆ มาเขียนเพื่อบอกว่านางคิดถึงพวกเขาเสมอ แต่พวกเขาก็ไม่เคยเบื่อหน่าย ทว่ากลับรู้สึกอบอุ่นในใจ

ต่อมา เมื่อไล่อ่านลงไป หนานกงฉีหลิงก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ไหว

สายตาของคนอื่น ๆ กวาดมองมาทางนี้ ในใจนึกสงสัยอยู่บ้าง นั่นคือจดหมายจากคนในครอบครัวไม่ใช่รึ เหตุใดอ่านจดหมายอยู่ดี ๆ กลับหัวเราะขึ้นมาเล่า

จากนั้นหนานกงฉีอิงก็หัวเราะตามมาอีกคน กระทั่งหนานกงสือเยวียนกับหนานกงฉีโม่ที่กำลังอ่านจดหมายอยู่ก็ยังยกมุมปากขึ้นมา!

ทุกคน : สงสัยอยากรู้.jpg

ทุกคนอยากรู้อยากเห็นใจจะขาด เซี่ยสุยอันถึงกับถามองค์ชายรองออกไปตรง ๆ

“องค์หญิงเขียนอะไรมาหรือพ่ะย่ะค่ะ ถึงได้หัวเราะกันแบบนั้น”

เนื้อความในจดหมายไม่มีอะไรที่เปิดเผยให้คนอื่นดูไม่ได้ หนานกงฉีโม่อ่านจบแล้วยังมีรอยยิ้มประดับมุมปากขณะส่งจดหมายให้เซี่ยสุยอัน

“เจ้าอ่านเองเถอะ”

ทันทีที่เซี่ยสุยอันรับจดหมายมา ศีรษะใหญ่โตของบิดาของเขาก็เบียดเข้ามาหาจนศีรษะเขาเอียงไปอีกด้าน

ยังไม่ทันอ่านจบ ถัดจากบิดาของเขา แม่ทัพที่รู้จักคุ้นเคยกันดีคนหนึ่งก็เบียดเข้ามาร่วมวงด้วยจากอีกด้าน

เซี่ยสุยอันจึงถูกหนีบไว้ตรงกลาง

เซี่ยสุยอัน “…”

นับถือเลยจริง ๆ ทำไมคนพวกนี้ถึงชอบรังแกเขากันนักนะ!

แต่จดหมายก็ยังต้องอ่านต่อไป

หลังจากนั้น…

ฮ่า ๆ ๆ…

ไม่อาจตำหนิเขาที่หัวเราะเสียงดังแบบนั้น เสี่ยวเป่าร้ายยิ่ง นอกจากจะใช้ตัวอักษรบรรยายออกมาจนเห็นภาพเป็นฉาก ๆ แล้ว นางยังวาดภาพนกอินทรีทองก่อนและหลังการต่อสู้ออกมาให้ดูเทียบกันอีกด้วย

ภาพประกอบใช้ถ่านวาดออกมา ถึงจะไม่ได้สมจริงมากนัก แต่ก็แสดงจุดเด่นของเจ้าอินทรีทองออกมาได้อย่างมีชีวิตชีวา

ด้วยเหตุนี้ หลังจากอ่านจบแล้วเขายิ่งหัวเราะเสียงดังกว่าเดิม จนแม่ทัพเซี่ยพลอยหัวเราะตามอย่างกลั้นไม่อยู่

หลังจากนั้น จดหมายพร้อมภาพประกอบที่เขียนถึงพวกหนานกงฉีหลิงก็ถูกเวียนไปจนทั่ว เสียงหัวเราะจึงดังต่อกันเป็นทอด ๆ เหมือนติดต่อกันได้กระนั้น

เสี่ยวเป่ายึดถือหลักการปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมจึงเขียนจดหมายและวาดภาพประกอบในจดหมายทุกฉบับที่เขียนถึงท่านพ่อและพวกพี่ชายแต่ละคน

ภาพที่วาดซ้ำไม่ได้เหมือนกันเสียทีเดียว แต่ทุกภาพล้วนแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างตอนแรกกับตอนท้ายของเจ้าอินทรีทองได้อย่างชัดเจน

เจ้าอินทรีทองจึงมีชื่อเสียงร่ำลืออยู่ในกองทัพในลักษณะที่พิสดารเช่นนี้เอง

ถ้าเจ้าตัวรู้เข้าคงต้องไม่พอใจเป็นแน่

แต่ความสุขในโลกก็เรียบง่ายเช่นนี้ ความสุขของตนเองย่อมสร้างขึ้นโดยมีความเจ็บปวดของคนอื่นเป็นพื้นฐาน กรณีของเจ้าอินทรีทองก็เช่นกัน

เพียงแต่บ่อเกิดของความสุขในวันนี้คือเจ้าอินทรีทองก็เท่านั้นเอง!

ส่วนอีกด้านหนึ่ง เนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็นมากขึ้นทุกที ขนของเสี่ยวไตยังถูกถอนจนล่อนจ้อน เสี่ยวเป่ากลัวว่ามันจะหนาว นางนึกถึงเสื้อผ้าของสัตว์เลี้ยงที่เคยเห็นในชาติที่แล้วขึ้นมา จึงไปหาชุนสี่

ใช้เวลาเพียงครึ่งวัน ชุดที่เย็บขึ้นมาโดยอ้างอิงจากขนาดตัวของอินทรีทองก็เสร็จเรียบร้อย เจ้านกยังมีผ้าพันคอของตัวเองอีกด้วย!

ช่วงแรกเจ้าอินทรีทองอึดอัดไม่สบายตัวอย่างมาก แต่ก็ไม่หนาวเหมือนเดิมแล้ว พอผ่านไปหลายวันเริ่มจะปรับตัวได้ มันก็สวมชุดเดินอาด ๆ ไปทั่วอย่างโอ้อวด

ทั้งยังไม่รู้ว่ามันนึกครึ้มอะไรขึ้นมา เวลาเดินจึงเชิดหน้ายืดอกด้วยอีกต่างหาก

“วันนี้ข้าจะไปหาท่านพ่อ พวกเจ้าอยากไปด้วยกันหรือไม่”

อากาศหนาวเย็นขึ้นทุกขณะ ชุดที่เสี่ยวเป่าสวมอยู่หนารัดกุมยิ่ง ทั้งยังพันผ้าพันคอและสวมหมวก ดวงหน้าเล็กประณีตขนาดเท่าฝ่ามือที่โผล่ออกมาให้เห็นจึงน่ารักน่าเอ็นดูมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว!

ในมือนางถือตะกร้าขนาดเล็กใบหนึ่ง

ในตะกร้าคือเนื้อแห้ง

เนื้อแห้งทำมาจากเนื้อจามรีแห่งทุ่งหญ้าซึ่งได้มาจากพ่อค้าต่างแดนคนหนึ่ง มันเป็นสัตว์เคี้ยวเอื้องที่มีนิสัยดุร้าย ไม่เหมาะจะนำมาเลี้ยงเพื่อใช้งานด้านการเกษตร

มีทั้งสิ้นสองตัว ล้วนถูกเชือดหมดแล้ว

ท่านพ่อกับพวกพี่ชายดูเหมือนจะชอบเนื้อแห้งหอม ๆ เผ็ด ๆ แบบนี้มาก โดยเฉพาะในสภาพอากาศแบบนี้ เคี้ยวเพลินทั้งยังอร่อยอีกต่างหาก

ประการสำคัญคือ รสเผ็ดช่วยเพิ่มอุณหภูมิให้ร่างกาย

คราวนี้เสี่ยวเป่าเตรียมมาปริมาณมาก ในตะกร้าเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีตะกร้าที่คล้องไว้บนคอของเสือสองตัวและตะกร้าที่พวกบ่าวรับใช้หลายคนช่วยถืออีก

หลังจากเตรียมตัวเสร็จแล้ว สัตว์ทุกตัวในเรือนล้วนอยากติดตามนางไปค่ายทหาร สุดท้ายเสี่ยวเป่าจึงนำหน้าขบวนพาพวกมันไปด้วย

การปรากฏตัวของเสี่ยวเป่าและผองสัตว์กลายเป็นทิวทัศน์ที่ชวนตื่นตาตื่นใจของทุกคนบนถนนเส้นนี้

เสี่ยวเป่ามาอยู่ที่นี่ได้ราวครึ่งปีแล้ว ผู้คนที่อาศัยอยู่ในย่านนี้หากไม่ใช่พ่อค้าที่มั่งคั่งร่ำรวยก็เป็นคนในครอบครัวของทหารในกองทัพ

อาศัยเวลาครึ่งปี เสี่ยวเป่าก็คุ้นเคยกับคนส่วนใหญ่แล้ว

เด็กน้อยเพิ่งจะออกมาก็มีคนเข้ามาทักทาย

“เสี่ยวเป่า ไปหาพ่อของเจ้าอีกแล้วรึ”

พวกเขาทราบว่าบิดาของเสี่ยวเป่าเป็นคนในกองทัพ และไม่น่าจะมีตำแหน่งเล็ก ๆ มิเช่นนั้นก็คงไม่มีกำลังซื้อเรือนหลังใหญ่แบบนั้นได้

แต่ไม่มีใครรู้ว่าเสี่ยวเป่าเป็นองค์หญิง และบิดาของนางก็คือฮ่องเต้

คนทางนี้เดิมทีก็มีจิตใจกล้าหาญ ตอนแรกยังถูกสัตว์ดุร้ายที่เดินตามหลังเสี่ยวเป่าเป็นพรวนทำให้ตกอกตกใจอยู่บ้าง แต่ตอนนี้น่ะหรือ… พวกเขาชินชาเสียแล้วล่ะ

ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกชื่นชมยิ่ง เด็กผู้หญิงตัวเล็กแค่นี้ถึงกับสามารถทำให้สัตว์ร้ายเหล่านั้นเชื่องได้ น่ากลัวว่าคงเป็นคนที่มีความเป็นมาไม่ธรรมดาคนหนึ่ง

นางยังมีหน้าตาน่ารักน่าชัง มีเบื้องหลังอันแข็งแกร่งทั้งยังเก่งกาจมีความสามารถ เพราะเหตุนี้ถึงจะเป็นทายาทรุ่นที่สองที่มีนิสัยเหลาะแหละเสเพลเหล่านั้นก็ไม่มีใครกล้ามายุ่มย่ามกับเสี่ยวเป่าสักคน

คนเสเพลเหล่านั้นอยากได้ ‘สัตว์เลี้ยง’ ที่เชื่องพวกนั้นของเสี่ยวเป่าตาเป็นมันเลยทีเดียว หากเสี่ยวเป่าไม่อยากจะขาย พวกเขาก็หมดจนหนทาง และคงทำได้เพียงอิจฉาตาร้อนต่อไป

“ใช่แล้ว อาหญิงหลิวเชิญตามสบายนะ”

“อรุณสวัสดิ์ลุงหวัง”

“ท่านย่าหลี่เดินระวังด้วยนะเจ้าคะ ตอนนี้บนพื้นเริ่มจับน้ำแข็งแล้ว เดี๋ยวจะลื่นเอา”

เสี่ยวเป่าทักทายคนนั้นคนนี้อย่างเป็นธรรมชาติไปตลอดทาง เด็กน้อยคงมีทักษะทางสังคมเป็นเลิศติดตัวเป็นแน่ กระทั่งเจ้าเหลืองสุนัขข้างถนนกับแมวที่ไต่อยู่บนกำแพงนางยังคุยด้วยได้เป็นคุ้งเป็นแคว

……………………………..

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

Status: Ongoing
จากลูกเป็ดขี้เหร่สู่การเป็นองค์หญิงคนสุดท้องแห่งราชวงศ์ ความน่ารักของซูเสี่ยวเป่าพร้อมจะพิชิตใจทุกคนแล้ว!หลังจากภูตพฤกษาตัวน้อยตายลง นางก็มาเกิดในยุคสมัยโบราณ และหลงคิดไปว่าตนเองเป็นเพียงเด็กลูกชาวบ้านแถบชนบทธรรมดา ๆ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าท่านพ่อที่นางไม่เคยพบหน้ามาก่อนจะมีภูมิหลังยิ่งใหญ่ปานนี้เขา…ถึงกับเป็นราชาของแผ่นดิน!เสี่ยวเป่าที่อายุเพียงสามขวบถูกพาตัวไปยังพระราชวังทันทีหลังจากที่แม่ของนางสิ้นชีพลง แล้วนางก็กลายเป็นองค์หญิงน้อย สตรีเพียงหนึ่งเดียวท่ามกลางพี่ชายแปดคน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท