ดาบพิโรธสวรรค์ – ตอนที่ 65

ตอนที่ 65

ตอนที่ 65 สนามรบ

ท้ายที่สุด หลังจากนับถึงสิบก็ไม่มีใครถอนตัว

การฝึกฝนย่อมเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการ เมื่อไม่มีสัตว์อสูรในการทดสอบนี้ พวกเขาจึงไม่คิดที่จะถอนตัวอีก

“เอาล่ะ จำทางเลือกของพวกเจ้าไว้ให้ดี!” ผู้อาวุโสยิ้มอย่างมีความสุข

เรือเหาะได้จอดลงบนพื้นที่โล่งซึ่งเป็นฐานที่มั่นของมนุษย์ มันยังไม่มีสัตว์อะไรอยู่แถวนี้ ศิษย์ทั้งหมดได้ลงจากเรือเหาะเพื่อรอการทดสอบ

เรือเหาะอีกสองลำที่ตามมาก็หยุดลงเช่นกัน ศิษย์ภายในนั้นได้กระโดดลงมาก่อนจะเดินไปอยู่ข้างในฐานที่มั่น พวกเขาไม่ได้สนใจศิษย์ที่มาทดสอบแม้แต่น้อย

“พวกเขาคือนักรบที่แท้จริง หากเจ้าสามารถเข้าไปยังประตูชั้นในได้ เจ้าจะกลายเป็นหนึ่งในพวกเขา” ผู้อาวุโสคนนั้นกล่าว

“ตอนนี้พวกเจ้าจะถูกแบ่งเป็นสี่กลุ่ม แต่ละกลุ่มจะไปยังสนามรบขนาดย่อย พวกเจ้าจะถูกทิ้งไว้ที่นี่สามวัน จงเพลิดเพลินกับชีวิตที่นี่ซะ!” ผู้อาวุโสคนนั้นกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

จากนั้นชายชุดม่วงสี่คนได้เดินออกมา พวกเขาอายุราวยี่สิบปี ลมหายใจพวกเขาแข็งแกร่งกว่าศิษย์ตรงหน้า ทั้งสี่คนได้แยกย้ายพาทั้งสี่กลุ่มกระจัดกระจายไปคนละทิศทาง

หลินเซวียนอยู่ในกลุ่มที่สาม ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำกลุ่มของเขาคือหยานฉิง เขาอยู่ในขั้นสมุทรวิญญาณ อีกทั้งลมหายใจยังทรงพลังอย่างมาก

“สถานที่ที่พวกเจ้าจะไปคือ สนามรบที่สาม ที่นั่นไม่มีสัตว์อสูร เพราะเป็นทิศตะวันตกของเมืองนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นแค่สัตว์ดุร้ายธรรมดาเท่านั้น” หยานฉิงกล่าว “ระดับสูงสุดของพวกมันคือระดับสาม ข้าเดาว่าพวกเจ้าคงจะไม่ลำบากนัก”

หยานฉิงได้พาพวกเขาไปอยู่หน้าอาคารสูงในสนามรบที่สามก่อนจะกล่าวขึ้นอีกครั้ง “จำไว้ว่า อย่าเข้าไปในป่า!”

“ข้าจะกลับมารับพวกเจ้าในอีกสามวัน!” เมื่อสิ้นสุดคำนี้ หยานฉิงได้จากไปทันที

บรู๊ว!

ในทิศทางด้านนอก เสียงของสัตว์ป่าได้ดังขึ้น

กลุ่มของหลินเซวียนมีอยู่ยี่สิบห้าคน รวมถึงหยินฉิงอี้ ฮัวหยางปิง หลัวอี้ และคนอื่น ๆ คนเหล่านี้ทั้งแข็งแกร่งและอ่อนแอ พวกเขาต่างมีกลุ่มเล็กย่อยของตน

หลังจากหยานฉิงจากไป กลุ่มพวกเขาก็มีปฏิกิริยา หลัวอี้ได้เข้าไปทักทายหลินเซวียนก่อนจะจากไปพร้อมกลุ่มพรรคเทพสงคราม

“ไปกันเถอะ” หลินเซวียนกล่าวกับหยินฉิงอี้

“เอ๊ะ แค่พวกเราสองคนหรือ?” หยินฉิงอี้กล่าวอย่างแผ่วเบา

“ไม่ต้องห่วง แค่พวกเราสองคนก็พอแล้ว” หลินเซวียนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

พวกเขาแยกย้ายกันไปตามจุดต่าง ๆ ของสนามรบที่สาม การทดสอบครั้งนี้คือการล่าสัตว์ดุร้าย ยิ่งล่าได้มากเท่าไหร่ ยิ่งได้อันดับที่สูง มันยังรวมถึงผลหลังจากเข้าไปยังสำนักชั้นในด้วย

ดังนั้นยิ่งล่าได้เยอะ ทรัพยากรและของรางวัลก็จะดีขึ้นตามลำดับ

หลินเซวียนอยู่ขั้นเปิดชีพจรระดับหก ส่วนหยินฉิงอี้อยู่ระดับที่ห้า ยิ่งกว่านั้นนางยังเป็นผู้ใช้อามคมดาบ มันจึงเหมาะสมที่จะตั้งกลุ่มกับนาง

“เจ้าใช้อาคมดาบประเภทไหนงั้นหรือ?” หลินเซวียนเอ่ยถาม เพราะต้องการจะเข้าใจถึงพลังของนางก่อน จากนั้นค่อยทำการวางแผน

“เอ่อ… ข้าใช้อาคมดาบที่ถ่ายทอดพลังงานจากดาบจริง อาคมแสงสีเงินจะใช้สำหรับโจมตี และอาคมแสงจันทร์จะใช้สำหรับป้องกัน” หยินฉิงอี้กล่าว

“ข้าจะลากสัตว์มาให้ จากนั้นเจ้าใช้อาคมดาบสีเงินโจมตี” หลินเซวียนวางแผน จากนั้นเขาได้ออกไปหาสัตว์ในระแวกนั้น

พลังของสัตว์ป่าเหล่านี้ไม่ค่อยแข็งแกร่งมากนัก ตามที่ทราบมา สัตว์ร้ายระดับสามนั้น พลังจะพอ ๆ กับขั้นเปิดชีพจรระดับหก และระดับก็ไล่เลี่ยตามมา

แต่สัตว์ร้ายเหล่านี้จะดุร้ายมาก อีกทั้งยังมีจิตวิญญาณชั่วร้ายอยู่ในตัว บางคนถึงกับกลัวจนเข่าอ่อน

หลินเซวียนสังเกตอยู่พักหนึ่ง ดูเหมือนสัตว์ร้ายเหล่านี้จะอยู่รวมเป็นกลุ่มมากกว่าห้าตัวขึ้นไป มันยากมากหากจะรับมือด้วยตัวคนเดียว

เขาพบสัตว์ร้ายฝูงหนึ่ง มันเป็นหมาป่าขนเพลิง ขนของมันจะเผาไหม้เหมือนเปลวเพลิงตลอดเวลา

หลินเซวียนใช้วิชาก้าวอัสนีสร้างร่างเงาก่อนจะรีบไปซ่อน

เพียงไม่นาน ฝูงหมาป่าขนเพลิงได้แยกเขี้ยวใส่พร้อมพุ่งเข้าหาทันที กรงเล็บอันแหลมคนฟันผ่านอากาศมาอย่างน่ากลัว กล่าวได้ว่าพวกมันดูดุร้ายอย่างแท้จริง

หลังจากนั้น หลินเซวียนเริ่มหลอกล่อพวกมันอย่างรวดเร็วเพื่อจะพาไปยังกับดัก

หมาป่าขนเพลิงทั้งหกตัวคลั่งราวกับหมาบ้า ในสายตาพวกมัน หลินเซวียนนั้นไม่ต่างจากอาหารอันโอชะ

“อาคมดาบสีเงิน!” หลินเซวียนล่อมาได้สักพัก หยินฉิงอี้ก็ได้เอ่ยขึ้น

ฮึม!

ประกายแสงสีเงินแทรกเข้าไปยังฝูงหมาป่าขนเพลิง จากนั้นอาคมได้ก่อตัวเป็นดาบยาว หยินฉิงอี้ยื่นมือออกไปเพื่อกระตุ้นตัวดาบ ทันใดนั้นดาบสีเงินนับสิบเล่มได้ปรากฏขึ้นพร้อมแทงไปยังฝูงหมาป่าขนเพลิง

กรร!

หมาป่าขนเพลิงถูกโจมตีทันที ขนของพวกมันลุกตั้งราวกับไฟที่ลุกโชน มีตัวหนึ่งพุ่งเข้าไปหาหยินฉิงอี้อย่างโกรธเกรี้ยว

ตู้ม!

หลินเซวียนสะบัดมือตัดร่างของหมาป่าขนเพลิงขาดเป็นสองฉีกทันที

หลังจากได้กลิ่นเลือด ดูเหมือนหมาป่าขนเพลิงอีกห้าตัวจะได้รับการกระตุ้นความดุร้ายมากขึ้น หลังจากอาคมดาบหมดฤทธิ์

หมาป่าสามตัวได้พุ่งไปหาหลินเซวียน อีกสองตัวไปทางหยินฉิงอี้พร้อมแยกเขี้ยวอย่างดุร้าย

ใบหน้าหยินฉิงอี้เปลี่ยนเป็นตกใจทันที ด้วยการสะบัดมืออย่างรวดเร็ว อาคมแสงจันทร์ก็ได้ปรากฏขึ้นรอบตัว

ด้านหลังนางมีดวงจันทร์สีเงินปรากฏขึ้นก่อนจะลอยไปป้องกันการโจมตี

ตู้ม! ตู้ม!

หมาป่าทั้งสองตัวกระแทกเข้ากับดวงจันทร์สีเงินก่อนจะกระเด็นไปมา แต่ไม่นานมันก็ลุกขึ้นอีกครั้ง

หยินฉิงอี้กัดฟันแน่นเพื่อสร้างอาคมดาบสีเงิน ประกายแสงทั้งสองได้โจมตีหมาป่าขนเพลิงจนบาดเจ็บมากขึ้น

อีกด้านหนึ่ง หลินเซวียนกำลังสู้กับหมาป่าทั้งสามอย่างคล่องแคล่ว มันมีประกายสายฟ้าที่ปลายเท้าของเขา เขากะพริบไปมาระหว่างหมาป่าทั้งสามตัว ดาบเพลิงโลหิตในมือของเขาแทงออกไปอย่างรวดเร็ว

เพียงชั่วพริบตา หมาป่าทั้งสามก็ถูกเขาสังหารอย่างง่ายดาย เขาตัดหูซ้ายของมันก่อนจะหันไปมองหยินฉิงอี้

ภายใต้อาคมป้องกันของนาง หมาป่าทั้งสองไม่สามารถทำอะไรนางได้ กลับกันบาดแผลของพวกมันกลับยิ่งมากขึ้นเรื่อย

พุฟ!

แสงสีเงินตัดผ่านลำคอของหมาป่าขนเพลิง ส่วนอีกตัวก็ถูกแทงก่อนจะสิ้นลมอย่างไม่เต็มใจ

หลินเซวียนยกนิ้วโป้งให้หยินฉิงอี้ จากนั้นได้เดินไปหานางพร้อมรอยยิ้ม

“ดูเหมือนการทดสอบที่สามจะไม่ได้ยากมากนัก ด้วยความเร็วปัจจุบันของพวกเรา มันคงไม่ยากที่จะล่าสัตว์เพิ่มอีก”

“ตกลง!” หยินฉิงอี้พยักหน้า

ขณะเดียวกัน ศิษย์คนอื่น ๆ ดูเหมือนจะสังหารสัตว์ร้ายได้เหมือนกัน พวกเขาร่วมมือกันฆ่าอย่างง่ายดาย

“ดูเหมือนสัตว์พวกนี้จะไม่ค่อยแข็งแกร่งเท่าไหร่!” ศิษย์บางคนกล่าวอย่างดีใจ

“ใช่! เมื่อข้าเข้าไปยังสำนักชั้นในแล้ว ข้าจะเข้าไปเป็นกองหน้าในสนามรบเพื่อรับเกียรติยศอันสูงส่ง!”

ในความคิดของพวกเขา การทดสอบอย่างที่สามนั้นดูง่ายกว่าสองอันแรก

บรู๊ว!

ทันใดนั้น เสียงหมาป่าหอนดังขึ้นทั่วท้องฟ้า

“ไปเถอะ ไปล่าพวกมันเพิ่มกัน!” ศิษย์เหล่านั้นเต็มไปด้วยความฮึกเหิม

แต่เพียงไม่นาน พวกเขาก็พบว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด หลังจากเสียงหอนจบลง พวกมันก็ปรากฏขึ้นรอบซากปรักหักพังอย่างต่อเนื่อง

หัวของหมาป่าขนเพลิงนั้นราวกับเปลวไฟนรก ลิ้นสีแดงที่ยื่นยาวออกมา ดวงตาอันเย็นเยือกของพวกมันกำลังจดจ้องไปที่ศิษย์สำนักซวนเทียนขณะก้าวไปหาพวกเขา

พวกมันมีนับพันตัวได้

ดาบพิโรธสวรรค์

ดาบพิโรธสวรรค์

Status: Ongoing

ลินเซวียนถูกผนึกจุดชีพจรจากพลังลึกลับ ทำให้เขาไม่สามารถเปิดพลังวิญญาณเข้าสู่การบ่มเพาะพลังได้

ชีวิตที่ต้องทนลำบากจากการถูกดูหมิ่น เย้ยหยัน เหยียดหยาม

ด้วยความมุ่งมั่นพยายาม มันทำให้ชีวิตของเขาได้พบจุดเปลี่ยน!

หนึ่งดาบทะลวงดารา!

หนึ่งดาบสะเทือนฟ้าดิน!

หนึ่งดาบพิโรธสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท