เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช – บทที่ 469 กับดักสังหาร

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

บทที่ 469 กับดักสังหาร

บทที่ 469 กับดักสังหาร

เมื่ออาณาจักรถูกพิชิตไม่นาน องค์ชายทั้งสองและเยว่หลีก็ได้เข้าทำการสอบสวน ทหารเป่ยเยว่ที่เก่งกล้าซึ่งโดนจับตัวเอาไว้ล้วนได้รับการปล่อยตัวกลับไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แต่อย่าเข้าใจผิดไป พวกเขาไม่ได้ปล่อยให้กลับไปยังเป่ยเยว่หรอก แต่ให้ไปยังเมืองหว่านแทน ซึ่งเป็นเมืองที่เพิ่งพิชิตได้เมื่อไม่นานมานี้ เมื่อไปถึงที่นั่นจะให้ทำการไถปรับหน้าดินสำหรับเพาะปลูกช่วงฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะมาถึง

ทหารต้าเซี่ยไม่ได้ทำร้ายหรือปล้นผู้คนแต่อย่างใด สิ่งนี้ทำให้พวกชาวเป่ยเยว่กลับรู้สึกเข้าถึงใจพวกเขาได้มากขึ้น

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ทางฝั่งต้าเซี่ยจะแจกจ่ายเมล็ดพันธุ์ให้ ตราบใดที่พวกเขาตั้งใจทำงานกันอย่างแข็งขัน พื้นที่รกร้างที่ถูกยึดเอาไว้ก็จะคืนสู่พวกเขาเอง ส่วนพื้นที่ที่ไม่ได้เป็นเจ้าของพวกนั้นก็จะโดนจัดสรรแบ่งให้ตามความเหมาะสม

ทหารเป่ยเยว่ที่ถูกจับตัวเป็นเชลยเดิมทีจะต้องโดนประหารชีวิต เมื่อได้ยินว่าตนไม่ต้องเผชิญเคราะห์กรรมเช่นนั้นแล้ว นอกจากนี้ยังมีที่นาและเมล็ดพันธุ์ดี ๆ เพื่อเพาะปลูกผลผลิตให้ได้อิ่มท้อง ความหวังจึงปรากฏออกมาจากดวงตาของพวกเขา

เยว่หลีบอกพวกเขาด้วยรอยยิ้ม “นอกจากนี้พวกเจ้ายังสามารถปลูกบ้านได้อีกด้วย หากลงหลักปักฐานเรียบร้อยแล้ว สามารถส่งจดหมายหาครอบครัวให้มาอาศัยอยู่ที่นี่ด้วยกันได้”

เมืองนี้อยู่ติดกับชายแดนสนามรบมากเกินไป ผู้คนจึงต่างวิ่งหนีหายไปจนเกือบครึ่ง พ่อค้าและผู้มีอำนาจคนอื่นหายตัวไปไม่เหลือแม้แต่คนเดียว เหลือเพียงบ้านเรือนทิ้งร้างว่างเปล่า

ช่างเป็นเรื่องดีสำหรับพวกเขาเสียจริง พวกเชลยเหล่านี้ไม่ได้มีความรู้สึกยึดติดกับเป่ยเยว่อีกต่อไปแล้ว เดิมทีพวกเขาเป็นเพียงชาวไร่ชาวนา หากสามารถลงหลักปักฐานที่นี่ได้ พวกเขาไม่เพียงแต่จะอยู่อาศัยเท่านั้น แต่จะไปพาครอบครัวที่เป่ยเยว่มาด้วยได้

“จิ๊จิ๊…หัวของเจ้านี่ช่างไวดีนัก ไม่ได้พบกันนานเหตุใดจึงร้ายกาจขึ้นเช่นนี้”

เดิมทีเมื่อพวกเขาได้ยินแผนการที่จะปิดล้อมเมืองและอาศัยประโยชน์จากคนในมาบ้างแล้ว แต่ไม่ได้คิดจริงจัง นึกไม่ถึงว่าถูกนำมาใช้จริง!

เยว่หลีนั่งอยู่บนหลังม้า ผมยังคงยาวและเป็นสีขาวดุจหิมะ ใบหน้างดงามจนทำให้หญิงสาวหลายคนต้องอับอาย

สามปี ไม่ใช่สิ ตอนนี้ต้องบอกว่าผ่านพ้นไปสี่ปีแล้ว เขากินอาหารบำรุงร่างกายเพื่อให้เติบโตมากขึ้น จากที่เคยผอมเตี้ย ตอนนี้ลำตัวแขนขากลับยืดยาว กลายเป็นชายหนุ่มรูปร่างผอมเพรียวแล้ว

ใบหน้าคมชัดมากขึ้น เรือนร่างที่ขาวดุจหิมะนั้นให้ความรู้สึกราวกับไม่ใช่มนุษย์จริง ๆ

แต่หลังจากรู้จักกันมาสักระยะหนึ่ง ตอนนี้ไม่มีผู้ใดกล้าดูถูกเขาอีกแล้ว

คนผู้นี้ช่างร้ายกาจอย่างแท้จริง!

บนเรือนร่างของเขาซ่อนงูพิษเอาไว้สองตัว ตัวหนึ่งสีขาว ตัวหนึ่งสีดำ ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อและพันอยู่รอบแขน และพวกมันล้วนเป็นงูที่มีพิษร้ายแรง

มุมปากของเยว่หลียกขึ้น “เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องที่น่าสนใจบางอย่าง”

ดวงตาสีม่วงปรายตามองออกไปไกล ๆ จากนั้นจึงลดสายตาลง

“ทัพเป่ยเยว่พวกนั้น ฆ่าพวกมันซะ”

ท่าทางและน้ำเสียงอันสุขุมของชายหนุ่มค่อนข้างเด่นชัด ก่อนจะเอ่ยสิ่งที่น่ากลัวออกมา

ความคิดของหนานกงฉีหลิงสั่นไหว “ไม่เยอะไปหน่อยหรือ”

“เป็นเพราะมีคนมากไปน่ะสิ”

เขาเอ่ย “พวกเขามีหลายแสนคน แล้วพวกเรามีกันทั้งหมดเท่าไหร่”

ไม่ถึงหนึ่งแสนคนเสียด้วยซ้ำ

สิ่งนี้ไม่จำเป็นต้องเอ่ยตอบก็ทราบกันดี

“พวกเขาแค่ทำตามคำสั่งจากกษัตริย์เป่ยเยว่เท่านั้น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าไม่มีผู้ใดภักดีต่อเป่ยเยว่ หากเชลยเหล่านี้ลุกฮือตอบโต้กลับขึ้นมาเพียงนิดเดียว หากถึงเวลานั้นพวกเราคงไม่รอดเป็นแน่”

เมื่อหนานกงฉีหลิงได้ฟังคำพูดของเยว่หลีก็รู้สึกสับสนยิ่งนัก เขาจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ขอเวลาข้าคิดสักครู่”

เยว่หลีจ้องมองเขาโดยไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เพียงแค่ควบม้ากลับไป

สุดท้ายแล้วนี่คือชีวิตนับแสน นอกจากนี้พวกเขายังเป็นคนจงหยวน ทั้งหนานกงฉีหลิงและหนานกงฉีอิงอย่างไรก็ไม่อาจลงมือสังหารคนเหล่านี้ได้ลง

หลังจากลังเลอยู่นานเป็นเวลาสองวัน การจลาจลที่เกิดขึ้นจึงทำให้พวกเขาไม่ลังเลอีกต่อไป

ตกดึก ทหารเป่ยเยว่จำนวนมากก่อเหตุจลาจลขึ้นตามที่คาดไว้

ถึงแม้ว่าทุกวันนี้จะได้กินอาหารเพียงเล็กน้อยและเรี่ยวแรงไม่ได้มีมากนัก แต่จำนวนคนก็นับว่ามหาศาล

คนสองแสนจากห้าแสนคนก่อจลาจลอย่างอุกอาจ จึงทำให้ทหารต้าเซี่ยรู้สึกทนไม่ได้

เยว่หลียืนมองจากบนกำแพง ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลยสักนิด

เสียงต่อสู้ดังอยู่ด้านนอกกำแพง ทำให้หนานกงฉีอิงและหนานกงฉีหลิงดวงตาแดงก่ำ พวกเขารู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ฟังในสิ่งที่เยว่หลีเตือน

คนพวกนี้… คนพวกนี้น่าเห็นใจอย่างไรกัน!

เยว่หลีถือคันธนูยาวด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ก่อนจะใช้นิ้วแตะหางศร งูสีดำเลื้อยออกมาจากแขนอันเรียวยาว พันเข้าที่รอบลูกศร

ทันทีที่เยว่หลีปล่อยมือ ลูกศรพุ่งทะยานผ่านท่ามกลางฝูงชนก่อนจะเสียบศีรษะของหัวหน้าผู้นำกลุ่มเข้าอย่างแม่นยำ

งูสีดำแหวกว่ายไปในท้องฟ้ายามค่ำคืน ก่อนจะฉกผู้คนด้วยเขี้ยวอันแหลมคม ระหว่างที่กำลังต่อสู้กัน ความเจ็บสายหนึ่งแล่นพล่านไปทั่วกาย ก่อนที่จะทันได้ตอบโต้ ก็ช้าไปเสียแล้ว พวกเขากระอักเลือดสีดำออกมาก่อนจะล้มลง

ในเวลาต่อมา…

ท่ามกลางความงามยามค่ำคืน ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงมีงูมากมายเช่นนี้

ชาวเป่ยเยว่ที่ก่อจลาจลรู้สึกตื่นตระหนก หัวหน้าถูกสังหาร ประกอบกับกลุ่มงูประหลาดที่ปรากฏขึ้นกะทันหัน ทำให้ทั้งกลุ่มตกอยู่ในความระส่ำระสายกันไปหมด

องค์ชายสี่และองค์ชายห้าออกไปตามล่าพวกทหารเป่ยเยว่ที่หนีกระจัดกระจายออกไป ในครั้งนี้กองทัพต้าเซี่ยจะไม่มีความเมตตาอีกต่อไป

เพียงคืนเดียว พวกเขาสังหารผู้คนไปเกือบสองหมื่น ส่วนพวกที่เหลือถูกจับในวันถัดมา คนเหล่านั้นต่างคุกเข่าร้องขอความเมตตา

แต่ครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นองค์ชายทั้งสองหรือทหารของต้าเซี่ยต่างก็ไม่เห็นอกเห็นใจอีกต่อไป

ผู้คนที่เหลือนั้น ต่างติดกับดักและถูกสังหารไปหมดแล้ว

ส่วนผู้ที่ไม่ได้ก่อจลาจลก็ปล่อยไว้อย่างนั้น แต่ก็โดนมอบหมายให้ทำงานอย่างหนักหน่วง

คนที่เหลือที่ยังไม่ถูกสังหาร สาเหตุแรกเป็นผลมาจากการที่พวกเขาไม่ได้เข้าร่วมก่อจลาจล ส่วนอีกหนึ่งสาเหตุคือจำนวนคนน้อยลงแล้ว สามารถควบคุมได้มากขึ้น แต่ก็ยังต้องกระจายกำลังไปเฝ้าระวังไว้

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

Status: Ongoing
จากลูกเป็ดขี้เหร่สู่การเป็นองค์หญิงคนสุดท้องแห่งราชวงศ์ ความน่ารักของซูเสี่ยวเป่าพร้อมจะพิชิตใจทุกคนแล้ว!หลังจากภูตพฤกษาตัวน้อยตายลง นางก็มาเกิดในยุคสมัยโบราณ และหลงคิดไปว่าตนเองเป็นเพียงเด็กลูกชาวบ้านแถบชนบทธรรมดา ๆ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าท่านพ่อที่นางไม่เคยพบหน้ามาก่อนจะมีภูมิหลังยิ่งใหญ่ปานนี้เขา…ถึงกับเป็นราชาของแผ่นดิน!เสี่ยวเป่าที่อายุเพียงสามขวบถูกพาตัวไปยังพระราชวังทันทีหลังจากที่แม่ของนางสิ้นชีพลง แล้วนางก็กลายเป็นองค์หญิงน้อย สตรีเพียงหนึ่งเดียวท่ามกลางพี่ชายแปดคน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท