ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก – บทที่ 430 ฝึกซ้อมเป็นเท่าตัว

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 430 ฝึกซ้อมเป็นเท่าตัว

บทที่ 430 ฝึกซ้อมเป็นเท่าตัว

ที่ปรึกษาและกลุ่มคนหลบหนีไปท่ามกลางความวุ่นวาย ขณะพวกหนิวเอ้อหัวเราะไล่ตามหลัง

“เอาม้าพวกนี้ไปใช้งานให้ดี นายท่านเหล่านั้นอุตส่าห์ใจดีเหลือไว้ให้พวกเราใช้” หนิวเอ้อบอกกับหน่วยรักษาการณ์

ส่วนทางด้านหวังปิงกำลังเรียกหาเจิ้งเสี่ยวลิ่วมาสอบถาม “ที่ด้านหลังหมู่บ้านเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมพวกเขามีสภาพเป็นแบบนั้น… ทั้งยังสภาพดูย่ำแย่ไม่น้อย”

“จริงด้วย! รีบเล่าให้พวกเราฟังเร็วเข้า ตอนนี้สงสัยแทบตายแล้วว่าตอนพวกมันเข้าไปมีดวงตาอยู่เหนือศีรษะ ไฉนกลับออกมาถึงมีสภาพน่าสมเพชแบบนั้นได้?” หนิวเอ้อเข้าร่วมวงสนทนา

“เพราะสัตว์เลี้ยงที่เคยอยู่กับนายท่านน่ะ” เจิ้งเสี่ยวลิ่วเล่าเรื่องที่เห็นจากชายป่าให้คนอื่นได้ทราบ

“สัตว์เลี้ยงของนายท่านแข็งแกร่งถึงขนาดนี้เลย?” หวังปิงตกใจ

ทั้งหนิวเอ้อ หวังปิง รวมถึงคนอื่นต่างก็เคยได้เห็นแมวเมฆหิมะกันมาก่อน อย่างไรเจ้าตัวน้อยก็คอยติดตามอยู่ข้างอู๋ฝานไม่ห่าง เพียงแต่ร่างของมันไม่ได้มีขนาดใหญ่โต ทั้งยังดูน่ารักน่าชัง ทำให้ไม่มีใครคิดมาก่อนว่าด้วยร่างน้อยแบบนั้นจะแข็งแกร่งอย่างล้นเหลือ

“ใช่ ถ้าไม่ได้เห็นกับตาตัวเองข้าก็คงไม่เชื่อเช่นกันว่าสัตว์เลี้ยงของนายท่านจะแข็งแกร่งถึงขนาดนั้นได้ ทำเอาเจ้าพวกนั้นหน้าหงาย!” เจิ้งเสี่ยวลิ่วตอบรับ

“นายท่านถึงเป็นยอดคน แม้กระทั่งสัตว์เลี้ยงยังแข็งแกร่งถึงขนาดนั้น” หวังปิงตอบรับขณะมองดูกลุ่มคน “หากเทียบกับพวกเราที่เป็นทหารประจำตัวของนายท่าน กลับไม่อาจเปรียบกับสัตว์เลี้ยงตัวนั้นได้ หากวันนี้ไม่ได้เจ้าตัวน้อยช่วยเหลือ พวกมันก็คงลงมือกันสำเร็จไปแล้ว ต่อให้พวกเราพยายามทุ่มสุดตัวเข้าหยุดยั้งก็คงเป็นการสูญเสียทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ต้องเป็นการลากนายท่านมาเกี่ยวข้อง”

ทุกคนต่างเงียบเสียงพร้อมแสดงสีหน้านึกละอาย

“ต้องฝึก!” หลังเงียบไปสักพัก หนิวเอ้อจึงตะโกนออกมาเสียงดังลั่น “ทุกคนต้องฝึก! นับจากวันนี้ฝึกให้หนักขึ้นเป็นสองเท่า! พวกเราคือหน่วยลาดตระเวนและทหารประจำตัวของนายท่าน ต้องไม่ทำให้เสื่อมเสียถึงนายท่าน! หากว่าครั้งหน้ามีใครมันกล้าดีเสนอหน้ามาอีก พวกเราจะหักแขนหักขา รวมถึงหักคอมันให้ราบ! ต้องไม่ใช่ไก่อ่อนเหมือนวันนี้อีกต่อไป!”

“โอ้!”

พวกหวังปิง เจิ้งเสี่ยวลิ่ว เหล่าทหารส่วนตัวรวมถึงหน่วยรักษาการณ์ ทุกคนต่างตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน สีหน้าท่าทีของพวกเขามุ่งมั่น เพราะเหตุการณ์วันนี้ทำให้พวกเขาได้ทราบถึงทรวงว่าพวกตนเองยังอ่อนด้อยแค่ไหน

เหตุผลทั้งหมดก็เพราะยังแข็งแกร่งไม่พอ! หากพวกเขายังไม่แข็งแกร่งกว่านี้ ก็ไม่มีทางที่จะช่วยอู๋ฝานปกป้องหมู่บ้านเอาไว้ได้ พวกเขาสาบานจะไม่ทำให้ผู้เป็นนายต้องผิดหวัง เพราะมันนับเป็นความเสื่อมเสียและความอับอาย!

ดังนั้นกลุ่มคนจึงยิ่งปรารถนาถึงความแข็งแกร่งที่มากขึ้นกว่านี้ ครั้งหน้าหากเจอสถานการณ์เช่นเดิมอีก อย่างน้อยพวกเขาก็ต้องไม่เป็นไก่อ่อนเปลี้ยเหมือนเช่นวันนี้ ไม่มีใครเห็นขัดแย้งกับการตัดสินใจของหนิวเอ้อที่เพิ่มการฝึกขึ้นเป็นสองเท่า

ขณะพวกหนิวเอ้อเริ่มฝึกซ้อมหนักขึ้นเป็นเท่าตัว ที่ปรึกษาและคณะที่เผ่นหนีก็กลับมาถึงเทศมณฑลชิงหยวนด้วยสภาพน่าเวทนา เมื่อวานว่าเลวร้ายแล้ว วันนี้กลับเลวร้ายยิ่งกว่า ทว่าสิ่งแรกที่พวกเขาทำไม่ใช่รักษาบาดแผล แต่เป็นการไปพบกัวจื่อหมิง

เมื่อกัวจื่อหมิงเห็นสภาพของที่ปรึกษา เขาถึงกับตื่นตะลึง “ทำไมกลับมาสภาพผีก็ไม่ใช่คนก็ไม่เชิงแบบนี้กัน?”

“นายท่าน ข้าน้อยผิดไปแล้วขอรับ” ที่ปรึกษาคุกเข่าลงกับพื้นขณะร่ำร้องออกมา น้ำตาที่หลั่งถึงขนาดล้างใบหน้าที่เคยเปรอะเปื้อนจนสะอาด แต่ส่วนที่สะอาดมีเพียงแค่ทางยาวที่น้ำตาไหลผ่านจึงมีสภาพไม่ต่างอะไรกับตัวตลกในคณะละครสัตว์

“มันเรื่องบ้าอะไรกัน? สัตว์เลี้ยงที่ข้าต้องการเล่า?” กัวจื่อหมิงเป็นห่วงเรื่องสัตว์เลี้ยงมากกว่าสิ่งอื่นใด เพราะมันเกี่ยวข้องถึงเส้นทางความก้าวหน้าในอนาคต

“นายท่าน ข้าน้อยจับสัตว์เลี้ยงมาไม่ได้ขอรับ” ที่ปรึกษาตอบกลับ

“จับมาไม่ได้อีกแล้ว?” กัวจื่อหมิงขมวดคิ้วยุ่ง “จะบอกว่าหน่วยรักษาการณ์อะไรนั่นขัดขวางอีกแล้วงั้นหรือ? ข้าให้ยืมทหารประจำตัวติดตามไปมากมาย แต่กลับเอาชนะเศษเดนพวกนั้นไม่ได้?

ในความเห็นของกัวจื่อหมิง หน่วยรักษาการณ์ไม่มีค่าใดทั้งนั้น อย่างไรพวกเขาก็เป็นอดีตชาวไร่ชาวนา มือจับแต่จอบไม่ใช่อาวุธ ทั้งยังไม่ทราบวิธีต่อสู้ ที่พวกเขาควรทำและทำได้ดีคือการทำไร่ทำนาไม่ใช่ไปสู้รบ เมื่อวานที่ปรึกษากลับมาในสภาพเปื้อนฝุ่นเปื้อนโคลนก็ทำกัวจื่อหมิงไม่พอใจอยู่แล้ว วันนี้เขาจึงให้หยิบยืมทหารส่วนตัวร่วมทางไปด้วย แต่สุดท้ายก็ยังไม่อาจจัดการเรื่องราวให้เรียบร้อย

“ไม่ใช่พวกมันขอรับ แต่เป็นสัตว์ตัวหนึ่ง” ที่ปรึกษาตอบกลับ

“สัตว์อะไร? เจ้ากำลังจะบอกว่าสัตว์ในป่าทำพวกเจ้ามีสภาพเลวร้ายขนาดนี้งั้นหรือ?” ดวงตากัวจื่อหมิงเบิกตากว้างแตกตื่น เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อ “เจ้ากำลังจะบอกว่าในป่ามีมอนสเตอร์?”

“คือว่า… ไม่น่าใช่มอนสเตอร์ขอรับ เป็นเพียงสัตว์ตัวหนึ่ง” ที่ปรึกษาตอบกลับ

แม้ที่ปรึกษาไม่ทราบว่าแมวเมฆหิมะคือตัวอะไรกันแน่ แต่ความแตกต่างระหว่างสัตว์ป่าทั่วไปกับมอนสเตอร์นั้นชัดเจน พวกเขาจึงทราบว่าแมวเมฆหิมะไม่ใช่มอนสเตอร์ แต่เป็นเพียงแค่สัตว์ป่า

“ในเมื่อไม่ใช่มอนสเตอร์ งั้นก็เป็นสัตว์ป่า?!” กัวจื่อหมิงเบิกดวงตากว้างจนแทบถลน “พวกเจ้าไปกันมากมาย แค่สัตว์ป่าตัวเดียวกลับจัดการไม่ได้เรอะ?!”

ความแตกต่างระหว่างสัตว์ทั่วไปกับมอนสเตอร์มีความเด่นชัดค่อนข้างมาก ไม่เพียงรูปลักษณ์ แต่ยังรวมถึงพละกำลัง มอนสเตอร์มักจะแข็งแกร่งและดุร้าย หากที่ปรึกษาและคณะพบเจอมอนสเตอร์ที่เก่งกาจเป็นพิเศษ ภารกิจล้มเหลวก็ถือว่าเข้าใจได้ ทว่าที่พวกเขาพบเจอไม่ใช่มอนสเตอร์ แต่เป็นเพียงสัตว์ป่าตัวหนึ่ง แล้วสัตว์ป่าจะแข็งแกร่งได้ถึงเพียงใดกัน? เขาส่งทหารส่วนตัวไปจำนวนไม่น้อย แต่สัตว์ป่าตัวหนึ่งกลับยังจัดการไม่ได้? มันเป็นเรื่องชวนหัวเราะ ทว่าหัวเราะไม่ออก!

“ขอ… ขอรับ” ที่ปรึกษาใจเต้นรัว เพราะต่อหน้ากัวจื่อหมิงมันนับเป็นเรื่องชวนอับอายถึงที่สุด

“พวกเจ้าพ่ายแพ้กลับมากันทุกคน? ไปกันหลายคน แต่สัตว์ตัวเดียวก็เอาชนะไม่ได้?” กัวจื่อหมิงเริ่มโกรธจนตัวสั่น “จงเล่ามาว่าเกิดอะไรขึ้น!”

ที่ปรึกษาไม่กล้าชักช้า รีบเล่าเรื่องที่เจอในหมู่บ้านเร้นลับครั้งนี้ให้กัวจื่อหมิงทราบ

“จากที่เล่ามา …สัตว์นั่นขนาดตัวแค่นี้?” กัวจื่อหมิงทำมือประเมินขนาดตัวด้วยสีหน้าท่าทีที่เห็นได้ชัดว่าเชื่อได้ยาก “ไม่ใช่ว่าตัวใหญ่เท่าหมาป่าแน่นะ?”

“ขอรับ!” ที่ปรึกษาตอบรับเสียงแข็ง “แต่มันแข็งแกร่งขอรับ ทหารประจำตัวของนายท่านร่วมมือกันแล้วก็ยังไม่อาจทำอะไรมันได้”

“จะเป็นไปได้ยังไง?!” กัวจื่อหมิงโพล่งตอบกลับมา

ทหารส่วนตัวประจำจวนว่าการของเขาแข็งแกร่งขนาดไหน กัวจื่อหมิงทราบดีแก่ใจ เนื่องจากเป็นคนปรารถนาที่จะมีชีวิตรอดสูง โดยเฉพาะในโลกยุคโกลาหลเช่นทุกวันนี้ ทหารประจำตัวที่รับมาแต่ละคนต่างก็เก่งกาจและยอดเยี่ยม แต่แล้วที่ปรึกษากำลังบอกว่าคนเหล่านั้นเทียบสัตว์ตัวน้อยแค่หนึ่งตัวยังไม่ได้ จะให้เขายอมรับได้อย่างไร?

“เป็นความจริงทุกประการขอรับนายท่าน” ที่ปรึกษาตอบรับตามตรง “เจ้าตัวน้อยนั่นทั้งรวดเร็วและแข็งแกร่ง ตอนที่พวกเราคิดเผชิญหน้าเพื่อสังหารมันทิ้ง …ผลลัพธ์ที่ได้ก็เป็นดังที่เห็นขอรับ พวกเราจัดการไม่ไหว ดังนั้นข้าน้อยจึงมาเรียนให้นายท่านทราบ ว่าแม้ถูกเล่นงาน แต่พวกเราก็พยายามต่อสู้กันเต็มที่แล้วขอรับ เหล่าทหารประจำตัวของนายท่านต่างก็แสดงความกล้าหาญกันออกมาเต็มกำลัง ทว่าเจ้าตัวน้อยนั่นเก่งกาจและยากรับมือจนเกินไป พวกเราหาทางเอาชนะมันไม่ได้ขอรับ กระทั่งทำให้มันบาดเจ็บก็ยังพบว่าเป็นเรื่องยาก”

…………………………………………………..

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

Status: Ongoing
อู๋ฝาน ชายหนุ่มผู้มีดวงเทพอับโชคที่ทำอะไรก็โชคร้ายไปซะทุกอย่าง ชนิดที่ว่า ระหว่างเขาขนย้ายก้อนอิฐเกิดอุบัติเหตุบนทางเท้า คนคุมงานก่อสร้างจึงไล่เขาออก ตอนเป็นพนักงานในห้าง เขาช่วยเด็กไว้ แต่พ่อกับแม่เด็กก็คิดว่าเขาทำเด็กกลัวจนร้องไห้ ผลลัพธ์คือถูกไล่ออก ช่วงที่เป็นบริกรในภัตตาคาร พ่อครัวทำอาหารผิดสูตร แต่ลูกค้าคิดว่าเขาเสิร์ฟอาหารผิดจาน สุดท้ายเด็กเสิร์ฟเช่นตัวเขาสุดท้ายก็ถูกไล่ออกจากความผิดที่ไม่ได้ก่อ แต่… จู่ ๆ ในวันหนึ่งเขากลับได้รับแหวนที่สามารถเดินทางไปยังโลกอื่นได้ โดยในโลกนี้เขายังสามารถใช้ทักษะ วิชา ไอเทม หรือแม้กระทั่งนำสิ่งของไปสู่ความเป็นจริง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท