บทที่ 447 เปลี่ยนแปลงท่าทีอย่างกะทันหัน
บทที่ 447 เปลี่ยนแปลงท่าทีอย่างกะทันหัน
“ข้าบังเอิญผ่านมาแล้วได้ยินเสียงอึกทึกที่นี่ มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ใต้เท้าหลี่เอ่ยถามอย่างไม่ค่อยพอใจ
“ใต้เท้า ชายคนนี้สร้างปัญหาขอรับ” ชายวัยกลางคนชี้หน้าอู๋ฝาน
“เป็นใครมาจากไหน มาสร้างปัญหาวุ่นวายอะไรที่นี่? รู้หรือไม่ว่าที่นี่เป็นสถานที่อะไร?” ใต้เท้าหลี่มองอู๋ฝานก่อนจะตั้งคำถาม
“ใต้เท้าหลี่ยังไม่ทราบว่าเกิดเรื่องราวใดขึ้น ไฉนมั่นใจว่าคนสร้างปัญหาเป็นข้าเล่า?” อู๋ฝานตอบกลับอย่างไม่ไว้หน้า “ข้าเพียงมารายงานตามความเป็นจริง แต่เป็นชายคนนี้ที่จงใจทำให้เรื่องราวยากลำบากไม่ยอมลงทะเบียนให้ ทั้งยังจะเรียกคนมาจับกุม ขอถามว่าข้าสร้างปัญหาหรือว่าเขากันแน่?”
“เรื่องราวเป็นเช่นนี้?” ใต้เท้าหลี่หันหน้าไปมองทางชายวัยกลางคน
“ใต้เท้า ชายคนนี้พูดจาเลอะเทอะไปเรื่อยขอรับ” ชายวัยกลางคนเร่งร้อนอธิบาย “เขากล่าวว่าองค์เหนือหัวประทานบรรดาศักดิ์จื่อเจวี๋ยให้ แต่กล่าวว่าตนเองเป็นเพียงหัวหน้าหน่วยรักษาการณ์คนหนึ่ง ไม่ได้มาจากตระกูลมีชื่อเสียงอะไร ไฉนเลยจะเป็นไปได้ เห็นได้ชัดว่าตั้งใจมาหลอกลวงเจ้าหน้าที่ขอรับ”
“หัวหน้าหน่วยรักษาการณ์? จื่อเจวี๋ย?” ใต้เท้าหลี่ขมวดคิ้วมองอู๋ฝาน
“ขอรับ” อู๋ฝานเพียงพยักหน้ารับตามตรง
“เจ้าคิดว่าทางการจะเชื่อเรื่องพวกนี้รึ?” ใต้เท้าหลี่ยิ่งเผยสีหน้าท่าทีไม่พอใจ เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อคำพูดของอู๋ฝาน “ข้าทำงานในหน่วยงานพลเรือนมานานกว่าสิบปี แปดในสิบของการแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งบรรดาศักดิ์ล้วนผ่านมือข้า แต่กลับไม่เคยเห็นหัวหน้าหน่วยรักษาการณ์คนหนึ่งได้รับศักดินามาก่อน นับประสาอะไรกับการเป็นจื่อเจวี๋ย!”
การครอบครองบรรดาศักดิ์ในอาณาจักรเหยียนเฟิงไม่ใช่เรื่องง่าย มันจะต้องทำความดีอย่างใหญ่หลวง หรือไม่ก็เป็นการสืบทอดบรรดาศักดิ์จากตระกูลขุนนาง เรื่องราวเช่นหัวหน้าหน่วยรักษาการณ์คนหนึ่งได้รับบรรดาศักดิ์ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้น ยังไม่กล่าวว่าอีกฝ่ายเป็นพียงหน่วยรักษาการณ์ของเทศมณฑลไกลห่าง ลำดับชั้นทางข้าราชการแทบไม่มีทางจะได้ขึ้นเป็นผู้ครอบครองบรรดาศักดิ์
“ใต้เท้าไม่ทราบ ไม่ใช่หมายความว่าไม่มี” อู๋ฝานตอบกลับ “อีกทั้งข้าก็มีป้ายบรรดาศักดิ์ชัดเจน”
“ต้องเป็นป้ายของปลอมที่ทำขึ้นแน่! ปลอมแปลงป้ายบรรดาศักดิ์ถือเป็นอาชญากรรม!” ชายวัยกลางคนโต้เถียงตอบอู๋ฝาน
ใต้เท้าหลี่เผยสีหน้าเย็นเยือกมองอู๋ฝานด้วยท่าทีถือดีสูงส่ง “ทำป้ายบรรดาศักดิ์ปลอมถือเป็นอาญาแผ่นดิน เจ้าหาญกล้ามายังสำนักงานของทางการที่รับผิดชอบเรื่องงานแต่งตั้งยศตำแหน่งโดยเฉพาะเช่นนี้ นับว่าหาญกล้าเทียมฟ้า”
“ทหาร!” ใต้เท้าหลี่ตะโกนเรียก
ด้วยเหตุนี้จึงปรากฏเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งเดินผ่านประตูเข้ามาพร้อมโค้งกายให้ใต้เท้าหลี่
“จับกุมชายคนนี้” ใต้เท้าหลี่สั่งการ
“ขอรับ!” กลุ่มเจ้าหน้าที่ทหารตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน พร้อมเข้าทำการจับกุมตัวอู๋ฝาน ส่วนชายวัยกลางคนที่ต้องทำหน้าที่ลงทะเบียนให้นั้น ขณะนี้กำลังมองมาด้วยท่าทีเย้ยหยัน
“ใต้เท้าหลี่ ทำแบบนี้ใช่ผลีผลามเกินไปหรือไม่?!” อู๋ฝานเผยสีน้าเย็นเยือก เนื่องจากเขาไม่ได้ทำอะไรผิด ทว่าอีกฝ่ายกลับไร้เหตุผลถึงเพียงนี้ได้ “หากสงสัยตัวตนของข้าก็รายงานขึ้นไป ข้าได้รับพระราชโองการจากองค์เหนือหัวให้มาเยือนเมืองหลวง ถ้าจับกุมผิดพลาดขึ้นมาเกรงว่าเรื่องราวคงจบไม่ดีนัก”
“ขู่ข้า?” ใต้เท้าหลี่แค่นเสียงเย้ยตอบ “ทุกวี่วันองค์เหนือหัวมีกิจมากมายต้องสะสาง ไฉนเลยจะมีเวลามาสนใจหัวหน้าหน่วยรักษาการณ์ตัวจ้อยเช่นเจ้า? ต่อให้ผู้ว่าการเทศมณฑลมาด้วยตัวเองก็ยังไม่มีคุณสมบัติพอจะเข้าวัง นับประสาอะไรกับคนเช่นเจ้า!”
กลุ่มเจ้าหน้าที่รายล้อมเข้ามาและพร้อมจะลงมือจับกุมตัว ทางด้านอู๋ฝานเองก็ลำบากใจ เนื่องจากเดินทางมาครั้งนี้ก็ไม่คิดว่าจะเจอสถานการณ์เช่นที่กำลังพบอยู่ หากไม่ต่อต้านก็ต้องถูกจับกุมเข้าคุก เนื่องจากไม่มีเส้นสายใดที่นี่ บางทีอาจไม่มีแม้โอกาสได้แก้ต่างให้ตัวเองจนถูกส่งไปรับความตายโดยตรงก็เป็นไปได้
ทว่าหากต่อต้านและหลบหนีก็จะไม่มีผลลัพธ์ที่ดีอย่างแน่นอน อย่างไรที่นี่ก็เป็นสำนักงานของทางการ ดังนั้นย่อมมีเจ้าหน้าที่ทางการเฝ้าคุ้มกันอยู่ไม่ใช่น้อย ถ้าเลือกหลบหนีเมื่อใด ย่อมหมายถึงหวาดกลัวต่อความผิด มันอาจชักนำให้ผู้อื่นเข้าใจว่าเป็นจื่อเจวี๋ยจอมปลอม เมื่อถึงเวลานั้นต่อให้อยากแก้ต่างก็จะยิ่งเป็นเรื่องยาก
ต้องทำยังไง?
อู๋ฝานกำลังเผชิญสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
‘ต้องสู้! ต้องไม่ไปเข้าคุก ต่อให้ต้องเร่ร่อนไปทั่วแผ่นดินก็ดีกว่าอยู่ในคุก!’ อู๋ฝานตัดสินใจได้ในเวลาสั้น ๆ เนื่องจากเขาต้องใช้ทรัพยากรของโลกแห่งนี้เพื่อสนับสนุนชีวิตในโลกความเป็นจริง หากเมื่อใดถูกจับกุมขังคุกเป็นเวลานาน ทุกสิ่งอย่างจะพังทลายลงทันที
หลังคิดได้ดังนั้น อู๋ฝานจึงยื่นฝ่ามือออกไปกระแทกใส่ร่างเจ้าหน้าที่ทางการคนหนึ่งที่เข้ามาใกล้ เรี่ยวแรงมหาศาลทำให้ร่างกายอีกฝ่ายที่ไม่ทันเตรียมตัวกระเด็นลิ่ว
“อวดดีนัก! กล้าต่อต้านอย่างนั้นหรือ?!” ชายวัยกลางคนชี้หน้าอู๋ฝานพร้อมตะโกนดังลั่น แววตาปรากฏร่องรอยตื่นเต้นยินดีไว้อย่างไม่อาจปิดมิด
ทันทีที่อู๋ฝานต่อต้าน ก็ถือว่าเป็นการยืนยันอาชญากรรมเป็นที่เรียบร้อย สิ่งเดียวที่รออยู่คือการถูกจับกุมตัวไปคุมขัง
ใต้เท้าหลี่เผยสีหน้าเหยเก เนื่องจากเขาเป็นหัวหน้างานผู้รับผิดชอบดูแลหน่วยงานพลเรือนและถือว่ามีสถานะสูงส่ง ไม่ว่าขุนนางขั้นใดมาที่นี่ล้วนแล้วแต่ต้องสุภาพ ขณะนี้อู๋ฝานกล้ามาสร้างปัญหาขึ้นที่นี่ กระทั่งทำร้ายเจ้าหน้าที่ เรียกได้ว่าเป็นการตบหน้าหน่วยงานพลเรือนอย่างเห็นได้ชัด
มีหรือเขาจะทนได้?
ไม่มีทาง!
ใต้เท้าหลี่คิดได้ดังนั้นจึงตะโกนเสียงดังขึ้นอีกครั้ง “ทหาร!”
ไม่นานเจ้าหน้าที่อีกกลุ่มหนึ่งจึงเร่งรุดมา เนื่องจากได้ยินเสียงอึกทึกเกิดขึ้นที่นี่ ต่อให้ใต้เท้าหลี่ไม่ตะโกนเรียกพวกเขาก็ต้องมาตรวจสอบความเรียบร้อย
แต่หลังใต้เท้าหลี่ตะโกนสิ้นเสียงได้ไม่นาน เขากลับต้องชะงัก คำถัดมากลับต้องกลืนลงท้องไป เนื่องจากได้เห็นสิ่งที่ห้อยอยู่บริเวณเอวของชายหนุ่ม มันเป็นวัตถุล้ำค่า แท้จริงแล้วเป็นจี้หยกที่อู๋ฝานรับจำนำมาได้ไม่นาน
ไม่ผิดแน่!
คาดว่าดูไม่ผิดหรือตาไม่ได้ฝาด มันเป็นจี้หยก!
“ทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้!” ใต้เท้าหลี่ตะโกนเสียงดังห้ามปรามทุกคน
กลุ่มเจ้าหน้าที่ทางการพลันต้องชะงักด้วยอาการสับสน
เมื่อเห็นดังนั้นชายวัยกลางคนจึงทักท้วงขึ้น “ใต้เท้า กับอาชญากรผู้นี้ไม่มีสิ่งใดให้ต้องเจรจาแล้วขอรับ จับกุมส่งเข้าคุกจึงจะเหมาะสม!”
ทว่าใต้เท้าหลี่เมินเฉยคำพูดของอีกฝ่าย สายตาเอาแต่จับจ้องจี้หยกที่ห้อยบริเวณเอวของอู๋ฝานพลางถาม “จี้หยกนั่นได้รับมาจากที่ใด?”
อู๋ฝานนึกสงสัยกับท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหันของใต้เท้าหลี่ ทั้งที่เขาเตรียมลงมือสังหารเบิกทางแล้วด้วยซ้ำ ยามนี้เมื่อได้ยินคำถามจึงตอบกลับด้วยสีหน้าเย็นยะเยือก “ผู้อื่นมอบให้มา หรือจะบอกว่าสวมใส่จี้หยกผิดกฎหมายอีก?”
จี้หยกที่ห้อยเอวของอู๋ฝานเป็นของจำนำที่เจ้าฉีฝากเอาไว้ เนื่องจากเสื้อผ้าไม่มีกระเป๋าใส่ และจะเก็บใส่กระเป๋าหลังต่อหน้าต่อตาผู้อื่นก็ไม่เหมาะสม ดังนั้นเขาจึงห้อยเอาไว้ที่เอวเป็นการชั่วคราว
“ไม่ ไม่ได้ผิดกฎหมายข้อใด ใต้เท้าล้อกันเล่นแล้วขอรับ” หลังใต้เท้าหลี่ได้ยินคำถามของอู๋ฝาน ท่าทีที่ตอบรับครั้งนี้เปลี่ยนจากเย็นชากลายเป็นอบอุ่นในบัดดล หากเรียกว่าพลิกกลับด้านอย่างกะทันหันก็ไม่ผิดนัก
ยิ่งไปกว่านั้น สรรพนามที่เรียกหายังเปลี่ยนไป ก่อนหน้านี้ยังทำประหนึ่งชายหนุ่มเป็นนักโทษ ทว่าขณะนี้เรียกหาด้วยคำว่าใต้เท้าด้วยน้ำเสียงที่ราวกับอู๋ฝานมีศักดิ์สูงกว่า
ความเปลี่ยนแปลงระหว่างก่อนและหลังของใต้เท้าหลี่ที่ชัดเจนจนไม่รู้จะชัดเจนอย่างไร มันไม่เพียงทำให้อู๋ฝานชะงัก แต่ยังรวมถึงชายวัยกลางคนและเหล่าเจ้าหน้าที่ซึ่งกำลังปิดล้อมอยู่ด้วย
นอกจากเผชิญหน้ากับผู้มีตำแหน่งสูงกว่า เมื่อใดกันที่ใต้เท้าหลี่มีท่าทีประจบสอพลอถึงขนาดนี้ได้? กระทั่งขุนนางชั้นผู้ใหญ่มารับการเลื่อนตำแหน่งก็เพียงแค่สุภาพด้วย ไฉนเลยจะถึงขั้นแสดงท่าทีประจบประแจงออกหน้าออกตาเด่นชัดถึงขนาดนี้