บทที่ 457 เทียบเชิญจากใต้เท้าหลี่
บทที่ 457 เทียบเชิญจากใต้เท้าหลี่
คำบัญชาจักรพรรดิทำให้หวงเจ๋อไม่กล้าขัดคำสั่ง ทุกเรื่องที่พบเห็นมานั้นถูกบอกเล่าออกไปจนสิ้น
แน่นอนว่าช่วงเวลาที่องค์หญิงเจ็ดหลุดจากการติดตามของพวกเราเพราะได้อู๋ฝานช่วยเหลือ ระหว่างนั้นเกิดเรื่องราวใดขึ้นเขาไม่มีทางทราบได้
“เจ้ากำลังบอกว่าฉีเอ๋อร์ได้พบชายนามว่าอู๋ฝานที่นอกวัง และชายคนนั้นก็ทำร้ายเจ้าจนได้รับบาดเจ็บ?” หลังหวงเจ๋อรายงานเสร็จสิ้น จักรพรรดิชราจึงถามกลับ
“พ่ะย่ะค่ะ” หวงเจ๋อตอบรับ
“แล้วพบเจอกันได้อย่างไร?” จักรพรรดิชรายังคงถาม
องค์หญิงเจ็ดเคยรู้จักพบเจอผู้ใดบ้างนั้นจักรพรรดิทราบกระจ่างดี อย่างไรนางก็ออกไปนอกวังนับครั้งได้ และน้อยครั้งเหล่านั้นยังมีจุดหมายปลายทางเช่นจวนของเสนาบดีหรือขุนนางในเมืองหลวง ดังนั้นคนที่องค์หญิงเจ็ดรู้จักจึงต้องเป็นบุตรหลานของตระกูลเหล่านั้น แต่ในบรรดาจำนวนนั้นไม่มีผู้ใดนามว่าอู๋ฝานมาก่อน!
ดังนั้นอู๋ฝานคนดังกล่าวจะต้องเป็นบุคคลที่องค์หญิงเจ็ดเพิ่งเคยเจอนอกวังวันนี้เป็นวันแรก
รวมกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ช่วงที่องค์หญิงเจ็ดพยายามพูดคุยถึงด้านดีของอู๋ฝาน เห็นได้ชัดว่าชายคนนั้นกับอู๋ฝานคนนี้จะต้องเป็นคนเดียวกันอย่างไม่ต้องสงสัย
“กระหม่อมไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ” หวงเจ๋อตอบกลับ
“ไปสืบมา! สืบทุกเรื่องที่เกี่ยวข้อง! อย่าให้รายละเอียดใดขาดตก เข้าใจใช่หรือไม่?” จักรพรรดิออกคำสั่ง
“พ่ะย่ะค่ะ!” หวงเจ๋อตอบรับด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
หลังอีกฝ่ายออกไปแล้ว ห้องทรงอักษรจึงเหลือเพียงจักรพรรดิชราอีกครั้ง ขณะนี้สายตานั้นไม่ได้มองยังกองเอกสารอีกต่อไป แต่กำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวระหว่างองค์หญิงเจ็ดและอู๋ฝาน เมื่อครู่ที่นางอยู่ที่นี่ได้เอ่ยถึงชื่ออีกฝ่ายมากกว่าหนึ่งครั้งจนกระตุ้นความสงสัยของจักรพรรดิ ขณะนี้ได้ยินรายงานของหวงเจ๋อ จึงคาดเดาได้ว่าองค์หญิงเจ็ดและอีกฝ่ายจะต้องมีสัมพันธ์ต่อกันที่ไม่ธรรมดา
“อู๋ฝาน เจ้าชักจะเป็นคนที่น่าสนใจมากขึ้นเสียแล้วสิ” จักรพรรดิชราพึมพำกับตนเอง
ตอนนี้อู๋ฝานยังไม่ทราบเรื่องความรู้สึกนึกขอบคุณขององค์หญิงเจ็ดที่ตนช่วยเหลือไว้ก่อนหน้า จะกลายเป็นนางช่วยตอบแทนเบื้องหน้าจักรพรรดิชราจนเป็นการดึงดูดความสนใจเข้ามาแทน เขายังคงเดินเที่ยวเล่นในเมืองกับลั่วหยางจนกระทั่งฟ้าสางจึงค่อยเดินทางกลับศาลาพักม้า
เมื่ออู๋ฝานกลับถึงศาลาพักม้าจึงได้พบว่ามีคนสองคนมารอคอยอยู่ หนึ่งในนั้นคือโจวกวงที่ก่อนหน้านี้ถูกส่งตัวมาเมืองหลวงล่วงหน้า ส่วนอีกคนนั้นเขาไม่รู้จัก
“คำนับใต้เท้าอู๋ ข้าเป็นคนรับใช้จากจวนของใต้เท้าหลี่จื่อหยาง เนื่องจากคำสั่งของนายท่าน ข้าจึงมาเพื่อเชิญใต้เท้าอู๋ไปร่วมทานมื้อเย็นที่นายท่านจัดเตรียมเพื่อต้อนรับขอรับ” อีกฝ่ายที่อู๋ฝานไม่รู้จัก ขณะนี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพนอบน้อม
“หลี่จื่อหยาง?” อู๋ฝานชะงักไปครู่หนึ่ง เนื่องจากนึกไม่ออกว่าเจ้าของนามเป็นใคร
“นายท่านของข้าเป็นหัวหน้าหน่วยงานพลเรือนขอรับ” อีกฝ่ายตอบกลับมา
อู๋ฝานพยักหน้ารับ เนื่องจากไม่คิดว่าใต้เท้าหลี่จะกระตือรือร้นถึงขั้นนี้ ก่อนหน้าส่งคนมารับใช้ ขณะนี้จัดงานเลี้ยงต้อนรับ นี่ใช่เอิกเกริกออกหน้าออกตาเกินไปหรือไม่?
แต่อู๋ฝานไม่คิดตอบรับ ดังนั้นจึงตอบพ่อบ้านกลับไป “กลับไปแจ้งใต้เท้าหลี่ว่าขอขอบคุณในไมตรี แต่ข้าคงไม่อาจไปร่วมงานเลี้ยงที่จัดขึ้นได้”
“เรื่องนี้…” พ่อบ้านที่ได้ยินคำตอบของอู๋ฝานจึงแสดงอาการลำบากใจออกมา ก่อนจะมาที่นี่นายท่านของเขาได้กำชับเอาไว้แล้วว่าต้องทำให้อีกฝ่ายตอบรับให้ได้
“ใต้เท้าอู๋ นายท่านเพียงแค่ต้องการแสดงความจริงใจ และหวังว่าใต้เท้าจะได้ใช้ช่วงเวลาที่ดีขอรับ” พ่อบ้านพยายามเกลี้ยกล่อม
“เย็นวันนี้ข้ายังมีเรื่องอื่นต้องจัดการ แจ้งใต้เท้าหลี่ว่าเมื่อใดมีเวลาข้าจะไปพบ” อู๋ฝานตอบกลับ
อย่างไรใต้เท้าหลี่ก็แสดงความจริงใจมากพอแล้ว ดังนั้นอู๋ฝานจึงไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะปฏิเสธเสียงแข็งไปได้ตลอด ยังไม่กล่าวว่าการสานสัมพันธ์กับขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในกรมพลเรือนถือเป็นเรื่องดี ทว่าเขาไม่อาจเป็นผู้รับแต่ฝ่ายเดียวได้
ในเมื่ออู๋ฝานกล่าวถึงขั้นนี้พ่อบ้านจึงอับจนหนทาง “ขอรับใต้เท้าอู๋ ข้าจะถ่ายทอดถ้อยคำเหล่านั้นอย่างแน่นอนขอรับ”
“อืม” อู๋ฝานพยักหน้าตอบ
พ่อบ้านโค้งกายให้อู๋ฝานก่อนจะขอตัวกลับไป
“นายท่าน” หลังพ่อบ้านของตระกูลหลี่เดินทางกลับ โจวกวงจึงทำความเคารพและคำนับอู๋ฝาน
“เข้ามาก่อน” อู๋ฝานรับคำทักทายของโจวกวงก่อนจะบอกให้นั่งลงเพื่อพูดคุย “เดินทางมาเมืองหลวงครั้งนี้ได้รับสิ่งใดมาบ้าง”
เดิมจากการเตรียมการก่อนหน้านี้ โจวกวงจะต้องเดินทางกลับเทศมณฑลชิงหยวนหลังส่งมอบของขวัญแก่องค์หญิงเจ็ดเสร็จ แต่หลังได้ยินว่าอู๋ฝานได้รับแต่งตั้งเป็นจื่อเจวี๋ย ทั้งยังต้องเดินทางมายังเมืองหลวง เขาจึงไม่รีบเดินทางกลับ อีกทั้งมีสัตว์เลี้ยงร่วมทางมาด้วยจำนวนหนึ่ง ดังนั้นจึงเลือกที่จะอยู่หาทางจำหน่ายสัตว์เลี้ยงเหล่านั้นออกไปก่อน
“เรียนนายท่าน จากคำสั่งก่อนหน้าที่ว่า หลังงานเลี้ยงวันเกิดขององค์หญิงเจ็ด ให้ข้าออกเร่ขายสัตว์เลี้ยงภายในเมือง เรื่องดังกล่าวราบรื่นดีขอรับ พวกมันเหล่านั้นน่ารักน่าชัง พ่อค้าที่ร่ำรวยและขุนนางระดับสูงในเมืองต่างรักชอบจนควักเงินมาจ่าย เนื่องจากองค์หญิงเจ็ดโปรดปราน เพียงไม่ถึงวันพวกมันก็ถูกขายจนหมด นี่เป็นกำไรจากการขายขอรับ” โจวกวงนำตั๋วแลกเหรียญทองออกมาส่งให้อู๋ฝาน
อู๋ฝานรับเอาไว้ก่อนจะตื่นตกใจ “หกพันเหรีญทอง?!”
ดังที่ทราบว่านอกจากตัวหนึ่งที่มอบให้องค์หญิงเจ็ด โจวกวงนำสัตว์เลี้ยงดังกล่าวมาด้วยอีกเพียงแค่สามตัว ขายรวมแล้วได้เป็นเงินจำนวนหกพันเหรียญทองนับว่าไม่ใช่จำนวนน้อย โดยเฉพาะกับอู๋ฝานที่กำลังต้องการใช้เงินอย่างหนัก กระทั่งว่าเป็นหนี้หัวหน้าหมู่บ้านอยู่เสียด้วยซ้ำ
ตอนที่อู๋ฝานยังอยู่หมู่บ้านเร้นลับ ต่อให้คนทั้งหน่วยรักษาการณ์สังหารมอนสเตอร์และนำวัตถุดิบออกขายในทุกวันก็ได้มาเพียงแค่ไม่กี่สิบเหรียญทอง บางครั้งอาจได้น้อยกว่านั้นเสียด้วยซ้ำ แต่แล้วตอนนี้แค่นำสัตว์เลี้ยงมาขายกลับได้ถึงตัวละสองพันเหรียญทอง มันเป็นความแตกต่างอันยิ่งใหญ่และเด่นชัด
ด้านหลังภูเขานับเป็นแดนสมบัติที่แท้จริง!
เป็นอีกครั้งที่อู๋ฝานยินดีถึงขนาดตะโกนดังอยู่ในใจ
“นายท่าน เนื่องจากเป็นช่วงแรกของการค้าทำให้ข้ายังไม่ทราบเส้นทางการซื้อขาย ไม่เช่นนั้นแล้วน่าจะได้มูลค่าสูงกว่านี้อีกขอรับ” โจวกวงตอบกลับมา “หลังขายสัตว์เลี้ยงพวกนั้น ก็มีอีกหลายคนแวะเวียนมาสอบถามต้องการเพิ่ม เห็นได้ชัดว่ายังมีกำลังซื้ออีกไม่น้อยเลยขอรับ”
อู๋ฝานพยักหน้ารับ “ครั้งนี้ข้าเองก็นำสัตว์เลี้ยงพวกนั้นร่วมทางมาเมืองหลวงด้วย ฝากเรื่องนี้ไว้กับเจ้าต่อก็แล้วกัน”
“ขอรับนายท่าน” โจวกวงตอบรับ
“นอกจากพวกสัตว์เลี้ยง ครั้งนี้ข้ายังนำของอื่น ๆ มาด้วย ก่อนอื่นคงต้องเช่าหน้าร้านในเมืองหลวงสักแห่ง เพื่อเตรียมใช้เป็นแหล่งสำหรับขายของ รับเงินนี้ไปใช้เป็นค่าเช่าและเงินทุนก็แล้วกัน” อู๋ฝานแบ่งตั๋วแลกทองออกมาสามพันส่งให้โจวกวง
สิ่งของที่อู๋ฝานนำมาด้วยมีจำนวนค่อนข้างมาก แต่สำหรับเมืองใหญ่เช่นที่นี่นับว่าอาจไม่พอ ต่อให้ไม่มีหน้าร้านก็สามารถขายได้ แต่หากไม่มีหน้าร้านก็อาจจะดูเป็นการค้าตลาดมืดไปบ้าง และเนื่องจากวางแผนขายของในเมืองหลวงระยะยาว อย่างไรก็จำเป็นต้องมีหน้าร้าน
“ขอรับนายท่าน” โจวกวงรับตั๋วแลกทองเอาไว้
ช่วงที่โจวกวงอยู่นครเหยียนหยางก็ไม่ได้ว่างเว้น แต่เป็นการทำความคุ้นเคยกับเมืองที่แปลกใหม่ ดังนั้นการจะหาเช่าหน้าร้านในตอนนี้จึงไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด