บทที่ 463 เลี้ยงไวน์
บทที่ 463 เลี้ยงไวน์
อู๋ฝานรู้สึกว่าเบื้องหลังจะต้องมีใครเข้ามาเกี่ยวข้อง เหมือนกลุ่มวัยรุ่นก่อนหน้านี้ที่หวงถิงเฟิงเป็นคนส่งตัวมา
“แล้วได้วัตถุดิบคืนมาไหมครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“ไม่ได้ค่ะ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงไม่เกิดปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบแบบนี้หรอก” เฉินปิงเหยาตอบกลับ “ตอนที่จับกุมคนพวกนั้นได้ วัตถุดิบที่ถูกขโมยไปก็หายไปแล้ว”
“เอาไปขายให้ใครกัน?” อู๋ฝานพึมพำ
“พวกนั้นบอกว่าขายในตลาด เป็นร้านขายของทั่วไปที่ไม่ได้รู้จักอะไรกันค่ะ” เฉินปิงเหยาตอบกลับ
คล้ายว่าจะมีใครส่งคนมารับช่วงต่อวัตถุดิบไป เนื่องจากเขาไม่เชื่อว่ากลุ่มวัยรุ่นเหล่านี้จะเป็นพ่อค้าขายผักปลา และมีหรือจะสามารถขายวัตถุดิบมากมายในเวลาสั้น ๆ ได้?
ไม่มีทาง!
แต่ไม่ว่าด้วยอะไรวัตถุดิบก็หายไปแล้ว ทั้งยังผ่านมานานพอสมควร อย่างไรก็คงไม่มีทางทวงเอากลับคืนมา
“ระหว่างช่วงเวลาที่วัตถุดิบบางส่วนขาดแคลน ทำให้ต้องปิดการขายอาหารบางเมนู ลูกค้าจำนวนไม่น้อยเริ่มไม่พอใจแล้วค่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะรสชาติอาหารของพวกเราดีที่สุดในเจียงโจว ลูกค้าหลายคนคงเผ่นหนีไปแล้ว แต่ผลประกอบการช่วงหลายวันมานี้ ถ้าเทียบกับช่วงก่อนก็ถือว่าแย่กว่าอยู่บ้างค่ะ” เฉินปิงเหยารายงานออกมา “ฉันพยายามหาซื้อวัตถุดิบที่เหมือนกันจากตลาดเพื่อหาทางแก้ไขชั่วคราวแล้ว แต่รสชาติของอาหารจากวัตถุดิบพวกนั้นแตกต่างอย่างชัดเจนเกินไป สุดท้ายก็ทำได้แค่ต้องยอมแพ้ค่ะ”
เรื่องนี้นับว่าเข้าใจได้ อู๋ฝานไม่ประหลาดใจแต่อย่างใด เหตุผลที่รสชาติของอาหารร้านโลกในแหวนดีเยี่ยม นอกจากฝีมือของเชฟอย่างเขาและหลิวอี้เตาแล้ว ก็ยังมีเรื่องของวัตถุดิบเข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้าไม่มีวัตถุดิบลำเลียงนำส่งจากโลกแห่งเกม รสชาติอาหารที่ทางร้านทำออกมาได้นั้นหากเทียบกับร้านอื่นก็คงถือว่าพอได้ แต่มันจะไม่ดีถึงขนาดยอดเยี่ยมเช่นที่เคยเป็น
เว้นแต่อู๋ฝานที่เป็นเชฟระดับมาสเตอร์จะคอยเฝ้าครัวทำอาหารด้วยตัวเองทุกวันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
แน่นอนว่ามันไม่อาจเป็นไปได้
เฉินปิงเหยาประสบปัญหาดังกล่าวจนถึงตอนนี้ จึงอดไม่ได้ที่ทันทีที่เห็นอู๋ฝานจะบ่นออกมา
“พอจะทราบสถานการณ์แล้วครับ เรื่องวัตถุดิบผมจัดการเอง มั่นใจได้เลยว่าพรุ่งนี้จะมีเพียงพอแน่นอนครับ” อู๋ฝานตอบรับ “และนับจากวันนี้เป็นเวลาสามวัน ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการมื้อเย็นที่ร้านของเราจะได้รับของสมนาคุณแถมไวน์โต๊ะละขวดเป็นการขออภัยด้วยครับ”
เฉินปิงเหยาพยักหน้ารับ เธอไม่มีความเห็นใดกับเรื่องที่อู๋ฝานต้องการมอบไวน์เพื่อชดเชย อย่างไรช่วงนี้ก็ถือว่าทางร้านมอบประสบการณ์ที่ไม่น่าประทับใจให้ลูกค้าจริง ๆ จึงถือเป็นโอกาสดีที่จะมอบอะไรชดเชยให้ลูกค้า
“เป็นไวน์ยี่ห้ออะไรเหรอคะ?” เฉินปิงเหยาเอ่ยถาม
ไวน์ที่จะใช้ชดเชยมีความหมายได้หลากหลาย หากราคาถูกจะเป็นการแสดงระดับความจริงใจอันน้อยนิดของทางร้าน ทว่าถ้าแพงเกินไปจะส่งผลให้ร้านเสียหายอย่างหนัก อย่างไรอู๋ฝานก็ตัดสินใจตั้งระยะเวลาถึงสามวันต่อเนื่อง และปริมาณลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในแต่ละวันก็ยังคงมีค่อนข้างมาก ถ้าต้องแจกไวน์ทุกโต๊ะเป็นเวลาสามวัน จำนวนที่ต้องใช้ก็ไม่ใช่น้อย ๆ
“เรื่องนี้ผมจัดการเอาไว้เรียบร้อยแล้วครับ” อู๋ฝานเผยยิ้มอย่างมีเลศนัย “เป็นไวน์สุดเหนือเมฆ!”
“สุดเหนือเมฆ?” เฉินปิงเหยาครุ่นคิดอยู่ขณะหนึ่ง ทว่านึกอย่างไรก็ไม่อาจนึกออก และค่อนข้างมั่นใจด้วยซ้ำว่าไม่มีไวน์ดังกล่าวเคยนำมาจำหน่ายที่ร้าน
“ครับ เป็นไวน์สุดเหนือเมฆ” อู๋ฝานตอบรับ “ผมจะให้คนนำไวน์ที่จำเป็นมาส่งโดยเร็วที่สุด เมื่อไหร่ถึงเวลาก็ฝากแจกจ่ายให้ลูกค้าแต่ละโต๊ะที่มาใช้บริการด้วยนะครับ”
“ค่ะ” ในเมื่ออู๋ฝานจัดการดังนี้ เฉินปิงเหยาก็ไม่มีความคิดเห็นเป็นอื่น
“จะว่าไปแล้ว ไวน์ยี่ห้อนี้มีสองระดับ ลูกค้าที่ชั้นหนึ่งให้แจกขวดสีน้ำเงิน ลูกค้าที่ชั้นสองแจกจ่ายขวดสีแดงนะครับ อย่าให้ผิดสีล่ะ” อู๋ฝานย้ำเตือน
ขวดสีน้ำเงินเป็นไวน์ที่พวกอาจารย์หลี่รับผิดชอบบ่มขึ้นมา รสชาตินั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าไวน์แถวหน้าในท้องตลาด ส่วนขวดสีแดงเป็นไวน์ที่อู๋ฝานและคนที่คัดเลือกบ่มขึ้นมา รสชาตินั้นดีกว่า เพียงแต่จำนวนมีอย่างจำกัด ดังนั้นราคาจึงต้องแตกต่างจากขวดสีน้ำเงิน
“จดไว้เรียบร้อยค่ะ” เฉินปิงเหยาตอบรับ
การจัดแจงอย่างทันทีของอู๋ฝาน ทำให้เฉินปิงเหยาที่ก่อนหน้านี้แบกรับแรงกดดันอันหนักหนาได้ผ่อนคลายลงบ้าง สีหน้าท่าทีในเวลานี้จึงไม่ได้วิตกกังวลเช่นก่อนหน้าแล้ว
หลังเฉินปิงเหยาไปจัดการงานต่อ อู๋ฝานจึงเร่งติดต่อหาอาจารย์หลี่ที่โรงงานบ่มไวน์ โดยขอให้จัดแจงคนนำไวน์มาส่งที่ร้านโลกในแหวน แม้เขาจะนำไวน์มาด้วยส่วนหนึ่งแล้ว แต่ตอนนั้นก็เป็นเพียงปริมาณสำหรับจัดงานเลี้ยง หากต้องใช้แจกจ่ายในร้าน มันไม่มีทางมากพอ ดังนั้นจึงต้องติดต่อหาอาจารย์หลี่ให้ส่งมาเพิ่ม
โชคดีที่ไวน์ล็อตแรกผลิตออกมาจำนวนค่อนข้างมาก และต่อวันยังผลิตได้หลายขวด มันจะเพียงพอสำหรับใช้งานในร้านโลกในแหวนได้อย่างแน่นอน
เมื่อถึงช่วงอาหาร ลูกค้าก็เริ่มมาใช้บริการกันมากขึ้น แม้ไม่นานมานี้ทางร้านประสบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบจนทำให้บางเมนูขาดหาย แต่รสชาติอาหารของที่นี่ก็ยังถือว่าดีที่สุดในเจียงโจว ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นงานรวมเพื่อน งานเลี้ยง หรืองานรับรองลูกค้า ที่นี่จะได้รับการพิจารณาเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่ง
ทางด้านอาจารย์หลี่จัดแจงนำไวน์มาส่งตามที่อู๋ฝานต้องการอย่างรวดเร็ว เฉินปิงเหยาจึงรีบบอกให้บริกรนำไวน์ไปแจกจ่ายให้แต่ละโต๊ะตามที่เถ้าแก่สั่ง
“เสิร์ฟผิดรึเปล่านะ? พวกเราไม่ได้สั่งไวน์” โต๊ะแห่งหนึ่งที่ชั้นหนึ่ง จ้าวเฟยกำลังมองบริกรที่นำขวดไวน์ซึ่งไม่เคยพบเห็นมาก่อนวางบนโต๊ะ ไม่แปลกหากจะต้องเอ่ยถามขึ้นมา
จ้าวเฟยคือลูกค้าคนหนึ่งที่มาใช้บริการร้าน โดยได้เชิญเพื่อนที่อยู่ไกลมาทานมื้อเย็น ทั้งสองเป็นเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัย ตั้งแต่เรียนจบพวกเขาก็แทบไม่เคยมีโอกาสได้มาพบหน้ากัน วันนี้บังเอิญว่าอีกฝ่ายมาเจียงโจวพอดี จ้าวเฟยจึงถือโอกาสเป็นเจ้าภาพเลี้ยงแขกด้วยตนเอง และตัวเลือกอันดับหนึ่งที่เขาเลือกคือร้านโลกในแหวนที่นับวันยิ่งมีชื่อเสียงโด่งดัง
เนื่องจากจ้าวเฟยเพิ่งเคยมาที่ร้านเป็นครั้งแรกย่อมมีความคาดหวัง แต่ประสบการณ์ใช้บริการครั้งแรกกลับไม่ดีดังที่คิด เพราะอาหารที่เพื่อนร่วมชั้นของเขาเลือกสั่งสองเมนูได้รับแจ้งว่าหมดเป็นการชั่วคราว ทำให้จ้าวเฟยทั้งประหลาดใจและรู้สึกไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่
เพราะอุตส่าห์เชิญเพื่อนมาร่วมทานอาหาร คนทั้งสองที่มีโอกาสเจอกันยากได้พบหน้ากันอีกครั้ง แต่อาหารที่ต้องการทานกลับหมดซะอย่างนั้น แล้วจะให้คิดอย่างไร? จะคิดว่าเขาตระหนี่เกินไปหรือไม่? เพราะอะไรถึงเลือกร้านที่ไม่พร้อมให้บริการ?
ขณะที่จ้าวเฟยคิดอยากจะเปลี่ยนร้าน ทว่าเพื่อนของเขากลับไม่คิดใส่ใจ เพียงแค่บอกว่าบรรยากาศของร้านนี้ค่อนข้างดี อาหารที่สั่งไปแล้วไม่มีก็คือไม่มี ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงยังอยู่ต่อ
ขณะที่ความหงุดหงิดของจ้าวเฟยยังไม่ทันเลือนหาย บริกรกลับนำไวน์ที่ไม่ได้สั่งมาเสิร์ฟให้จนทำเขานึกไม่พอใจขึ้นมา ร้านแห่งนี้ต้องการยัดเยียดขายของด้วยงั้นเหรอ?
“รีบเก็บไปเลย” จ้าวเฟยบอกด้วยท่าทีไม่พอใจ
“ขออภัยด้วยครับ แต่เพราะทางร้านของเราบริการขาดตกบกพร่อง ทำให้คุณลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดี เถ้าแก่ของเราจึงตัดสินใจว่าในช่วงสามวันจากนี้จะเลี้ยงไวน์ทุกโต๊ะเพื่อเป็นการชดเชยแก่ลูกค้าทุกท่านครับ” บริกรอธิบายออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม