บทที่ 468 ความสัมพันธ์ที่ละเอียดอ่อน
บทที่ 468 ความสัมพันธ์ที่ละเอียดอ่อน
อู๋ฝานมีแนวคิดเรื่องซื้อบ้านมานานพอสมควรแล้วเช่นกัน เพียงแต่ก่อนหน้านี้เพราะยังมีเรื่องอื่นต้องทำ รวมกับการอยู่บ้านเช่าก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ยิ่งไปกว่านั้นก็คืออยู่คนเดียว ดังนั้นจึงแทบไม่มีความจำเป็นต้องกังวลเรื่องความลับถูกเปิดเผย
แต่สถานการณ์ตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว เขาพอมีเวลาว่างแล้ว แม้จะมีการลงทุนกิจการไปไม่น้อย แต่ร้านโลกในแหวนก็เข้ารูปเข้ารอย ทุกวันได้รับผลตอบแทนกลับมา โรงงานไวน์ก็กำลังดำเนินไปได้ด้วยดี รสชาติไวน์ก็ผ่านการยอมรับแล้ว เรื่องการจำหน่ายก็ไม่น่ามีปัญหา ส่วนเรื่องการเข้าร่วมธุรกิจโรงงานเครื่องดื่มและโรงงานทางเภสัชกรรมนั้นคงต้องใช้เวลามากพอสมควร ทว่าตอนนี้ตัวเขาพอมีเงินที่ว่างเว้นอยู่ หากใช้เพื่อซื้อบ้านก็ยังถือว่าไม่ได้ผิดจากแผนการเงินแต่อย่างใด
อีกทั้งครั้งก่อนที่เยี่ยเฟยเฟยกลับมากลางดึกอย่างกะทันหันเพื่อเรียกอู๋ฝานมาพูดคุย แม้จะเป็นบ้านที่ปกติเขาจะอยู่เพียงคนเดียว แต่ก็ถือว่าอยู่ร่วมกับเยี่ยเฟยเฟย แม้เธอแทบไม่กลับมา ทว่าก็ไม่มีอะไรกล้ารับประกันได้ว่าเธอจะไม่กลับมาตลอด หากเมื่อไหร่อีกฝ่ายกลับมาอย่างกะทันหันจนบังเอิญได้พบว่าทั้งคืนเขาไม่อยู่บ้านขึ้นมา สุดท้ายรอจนบังเอิญได้เห็นเขากลับมาอย่างกะทันหัน ถึงเวลานั้นคงไม่มีทางอธิบายหรือหาข้อแก้ตัวได้อีก
ยิ่งไปกว่านั้น ห้องว่างของบ้านเช่าก็เหลือเพียงแค่หนึ่งห้อง เหมยอวี่และเหมยเสวี่ยมีกันสองคน แม้จะสามารถนอนหลับในห้องเดียวกันได้ แต่ก็ไม่ใช่ทางแก้ไขที่เหมาะสม อย่างไรในระยะยาวก็ไม่ใช่เรื่องสะดวก ดังนั้นประเด็นเรื่องการซื้อบ้านจึงถูกเลื่อนเข้ามาถึงกำหนดก่อนเวลาอันควรเช่นตอนนี้
เรื่องซื้อบ้านจึงได้ข้อสรุปว่าเป็นอันตกลง!
เมื่อคิดได้ดังนั้นอู๋ฝานจึงมองถังอวี่เฟยก่อนจะเอ่ยถาม “ครอบครัวของคุณทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ใช่ไหมครับ? พอจะมีบ้านที่เหมาะสมแนะนำบ้างไหม?”
“จะซื้อบ้านเหรอคะ? เอาไว้ซ่อนตัวสองพี่น้อง?” ถังอวี่เฟยเอ่ยถาม “ช่วงหลายปีมานี้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมาก กับธุรกิจที่ทำกำไรได้แบบนี้ขอเพียงมีกำลังใครบ้างไม่อยากทำกันล่ะคะ? มันถึงเป็นเหตุผลว่าทำไมห้าตระกูลใหญ่ของเจียงโจวต่างก็มีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นของตัวเอง ทางตระกูลถังของพวกเราก็มีถือครองไว้ส่วนหนึ่งเช่นกันค่ะ”
“มีกันทั้งห้าตระกูลเลยเหรอครับ? แข่งขันกันดุเดือดเลยสินะเนี่ย” อู๋ฝานหัวเราะ
“มีการแข่งขันจริง ๆ ค่ะ แต่ก็มีความร่วมมือด้วย” ถังอวี่เฟยตอบรับ “ห้าตระกูลใหญ่ต่างก็มีสัมพันธ์อันดีต่อกัน ดังนั้นจึงไม่ได้สร้างความยากลำบากอะไร แต่เลือกผลลัพธ์ที่จะได้รับกันทั้งสองฝ่าย ว่าแต่ต้องการหาบ้านแบบไหนเหรอคะ?”
“แบบไหนเหรอครับ?” อู๋ฝานครุ่นคิดไปชั่วครู่ก่อนจะตอบ “ดีที่สุดคือหาให้เหมาะสมในที่เดียวนั่นแหละนะครับ ผมไม่ชอบย้ายบ้านบ่อย เพราะงั้นคงต้องเป็นบ้านขนาดใหญ่หน่อย”
“บ้านพร้อมที่ดินขนาดใหญ่งั้นสินะคะ?” ถังอวี่เฟยยิ้มรับ “ถ้าฉันหาบ้านตามความต้องการได้ รวมถึงทำเลที่ค่อนข้างดีน่าจะใช้งบราวสี่สิบถึงห้าสิบล้านได้ค่ะ”
“แพงขนาดนั้น?!” อู๋ฝานรับคำด้วยอาการตื่นตกใจ
“มีแพงกว่านั้นด้วยนะคะ หลักร้อยล้านเลยทีเดียว” ถังอวี่เฟยตอบ
“ปล่อยไปเถอะครับ ตอนนี้ผมไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น หาบ้านสักสิบถึงยี่สิบล้านกำลังดีครับ” อู๋ฝานตอบ
อู๋ฝานทราบดีว่าราคาบ้านในเจียงโจวไม่มีทางถูก แต่ก็ไม่ได้คาดคิดว่าจะแพงถึงขนาดนั้น เดิมคิดว่าเลือกหาที่เหมาะสมสักในช่วงราคาสิบถึงยี่สิบล้านกำลังดี อย่างน้อยก็ยังมีเงินเหลือสำหรับทำอะไรอื่นในภายหลัง ใครกันคาดคิดว่าเงินที่คิดและเตรียมเอาไว้จะไม่มากพอ
กลายเป็นว่าค่อนข้างขาดเงินซะด้วยซ้ำ
“คงต้องขอเวลาคิดก่อนนะคะ” ถังอวี่เฟยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “พวกเราบังเอิญมีอสังหาริมทรัพย์ในตระกูลที่เพิ่งเปิดได้ไม่นานพอดี ถึงจะขายออกไปมากแล้ว แต่ก็น่าจะยังพอมีเหลืออยู่ ลองไปดูก่อนก็ได้ค่ะ ไว้ถึงเวลาฉันจะโทรแจ้งเป็นการยืนยันอีกที รับประกันว่าจะให้ราคาที่เหมาะสมที่สุดค่ะ”
“ครับ ถ้าพรุ่งนี้ผมมีเวลาจะไปดูให้เรียบร้อยครับ” อู๋ฝานตอบรับ
หลังตกลงเรื่องซื้อบ้านเรียบร้อย อู๋ฝานจึงบอกเรื่องความเข้าใจใหม่ต่อวิชากระบี่สายฟ้าอินทนิลให้ทั้งสองได้ฟัง ในเมื่อสามารถเข้าใจวิชาทั้งหลายของหอคันธะสงัดผ่านทางโลกแห่งเกมได้ วิชากระบี่สายฟ้าอินทนิลก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงเรียนรู้มันได้อย่างไม่มีปัญหา ทั้งยังลึกล้ำยิ่งกว่าช่วงที่จะแยกย้ายกันเดินทางกลับซะด้วยซ้ำ
ความรู้ความเข้าใจของอู๋ฝานช่วยทำให้การฝึกฝนของทั้งถังอวี่เฟยและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก้าวหน้าขึ้นได้ เพราะเหตุนั้นเขาจึงขอให้พวกเธออยู่ต่อเพื่อพูดคุย
ขณะอู๋ฝานกำลังสอนการฝึกฝนแก่คนทั้งสอง หวังจื่อหมิงก็กำลังเดินทางกลับไปพร้อมเกิ่งหย่าเฟย
“หย่าเฟย ก่อนหน้านี้ตอนออกมาผมเห็นคุณมองทางอู๋ฝาน หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ แล้วก็ถังอวี่เฟยเหมือนกับมีความคิดอะไรอยู่ในใจผ่านทางสายตา รู้เรื่องอะไรมาเหรอครับ?” หวังจื่อหมิงเอ่ยถามขึ้นมาในรถ
“นายน้อยหวังเห็นด้วยเหรอคะเนี่ย?” เกิ่งหย่าเฟยไม่คาดว่าแม้เธอจะแสดงออกเพียงแค่ทางสายตา กลับไม่อาจรอดพ้นสายตาหวังจื่อหมิงได้
“ครับ บังเอิญเห็นน่ะ” หวังจื่อหมิงตอบรับ
“ฉันคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างอู๋ฝานกับพวกเธอสองคนดูผิดปกติอยู่บ้างค่ะ” เกิ่งหย่าเฟยตอบกลับ “ตอนเดินทางไปภูเขาเทียนเหลียงก่อนหน้านี้ ฉันพบว่าระหว่างทั้งสามมีความสัมพันธ์ที่ยากจะทำความเข้าใจได้ค่ะ”
“หมายความว่ายังไงกันครับ?” หวังจื่อหมิงเอ่ยถามต่อ
เกิ่งหย่าเฟยจึงบอกเล่าเรื่องการเดินทางไปภูเขาเทียนเหลียง รวมถึงช่วงที่ขึ้นเขาให้หวังจื่อหมิงทราบ
“ฉันรู้สึกมาตลอดว่าถังอวี่เฟยกับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์เหมือนจะมีความรู้สึกดี ๆ ให้อู๋ฝานน่ะค่ะ แต่ตัวอู๋ฝานรู้สึกยังไงกับพวกเธอนั้น ฉันก็ตอบไม่ได้เหมือนกันค่ะ” เกิ่งหย่าเฟยเอ่ยข้อสรุปออกมา
“ฟังจากที่คุณว่าแล้ว พวกเขาทั้งสามเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่ละเอียดอ่อนต่อกันจริง ๆ” หวังจื่อหมิงตอบกลับ “ผมไม่ประหลาดใจที่ถังอวี่เฟยมีท่าทีแบบนั้น อู๋ฝานสามารถมอบวิชาระดับลึกล้ำให้เธอในงานปาร์ตี้วันเกิดได้ และหลังได้รับก็ทำให้ตระกูลถังกับสำนักล้ำสวรรค์มีสัมพันธ์ดี ๆ ต่อกันเพิ่มขึ้น ผู้เฒ่าตระกูลถังเองก็ได้เห็นความยอดเยี่ยมของเขา ไม่แปลกหากจะขอให้ถังอวี่เฟยเข้าหาเขาครับ”
หวังจื่อหมิงมีความเข้าใจท่าทีของคนจากตระกูลใหญ่เป็นอย่างดี ดังนั้นจึงไม่ประหลาดใจที่ได้ทราบว่าตระกูลถังบังคับให้ถังอวี่เฟยเข้าหาอู๋ฝาน อย่างไรพวกเขาก็มองว่าเป็นการลงทุน กระทั่งตระกูลหวังเองก็เช่นกัน ตระกูลถังในปัจจุบันถือว่ามีอำนาจน้อยที่สุดในบรรดาห้าตระกูลใหญ่ หลังได้พบหนทางที่อาจเข้าหาสำนักที่แข็งแกร่งเบื้องหลังชายหนุ่ม ไม่แปลกที่พวกเขาจะเป็นฝ่ายเลือกเข้าหาแสดงความโปรดปราน หากตระกูลถังไม่แสดงท่าทีเหล่านี้ออกมาจะถือเป็นเรื่องแปลกซะด้วยซ้ำ
“แต่กับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์…” หวังจื่อหมิงเผยท่าทีครุ่นคิด “ผมไม่คิดว่าเธอจะเข้าหาอู๋ฝานด้วยซ้ำ จากสภาพปัจจุบันของเขา ในสายตาของคนทั่วไปถือว่าประสบความสำเร็จ แต่ในสายตาของตระกูลใหญ่ยังถือว่ามีอำนาจเล็กน้อย ด้วยพื้นเพของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ เธอจะต้องมีสายตาดีกว่าผมด้วยซ้ำ ทำไมเธอถึงมองเขาแบบนั้นกันล่ะ?”
หลิ่วเหยียนเอ๋อร์มาเจียงโจวและปฏิเสธสานสัมพันธ์อันดีกับตระกูลใหญ่ทั้งหลาย กระทั่งว่ามีคนคอยตามร้องขอซะด้วยซ้ำ แต่ไม่ว่าจะบุตรหลานห้าตระกูลใหญ่แห่งเจียงโจว หรือแม้จากเมืองหลวง พื้นเพของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็อยู่ในระดับเดียวกับข่งไห่หลิน ด้วยสายตาของเธอที่ตอนนี้มองอู๋ฝานเป็นอื่น เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างแปลก
“หรืออู๋ฝานมีสถานะอื่นซ่อนอยู่กันแน่?” เกิ่งหย่าเฟยตั้งข้อสงสัย
หวังจื่อหมิงครุ่นคิดไปครู่ก่อนจะตอบรับ “ก็เป็นไปได้ครับ”