ทที่ 479 ตัวใครตัวมัน
หานเหล่ยรู้สึกขัน ป่านนี้แล้วเจ้าเด็กนี่เพิ่งจะตระหนักได้ว่าท่าไม่ดีอย่างนั้นหรือ?
ก็นับว่ายังมีสมองอยู่บ้าง ที่รู้ว่าสือฟางอาจจะส่งตัวพวกเขาออกไป
หากถามว่าหานเหล่ยตื่นตระหนกหรือไม่ ต้องตอบว่าเขาเองก็ตื่นตระหนกไม่น้อย แต่เขายังมีหานฉีอยู่ หานฉีต่อให้ต้องสู้จนตัวตายก็จะปกป้องเขาและพาหนีออกไปได้อย่างแน่นอน
ขอเพียงมีชีวิตรอด เรื่องอื่นล้วนไม่สำคัญ
คนอย่างหานเหล่ย ตราบใดที่ยังมีความหวังเขาก็จะปีนขึ้นไปโดยไม่ถามถึงเหตุและผล อย่าพูดกับเขาเรื่องคุณธรรมของกษัตริย์และขุนนางอะไรนั่น เพราะเขามีสิ่งนั้นที่ใดกัน
ส่วนพวกเศษสวะที่สี่ตระกูลใหญ่ทิ้งเอาไว้ ก็เก็บเอาไว้ให้เซี่ยเซวียนใช้คนเดียวก็แล้วกัน
เซี่ยเซวียนเห็นหานเหล่ยนิ่งเฉย ในใจก็ร้อนรนอย่างมาก เขากลัวว่าหานเหล่ยจะไม่ช่วยเขา แล้วหนีเอาตัวรอดไปคนเดียว
“ท่านอัครมหาเสนาบดีหาน ท่านไม่สนใจข้าไม่ได้นะ ท่านอัครมหาเสนาบดีหาน ท่านพูดอะไรบ้างสิ”
หานเหล่ยเงยหน้าขึ้น แล้วปลอบเขาด้วยเสียงที่อบอุ่น “ฝ่าบาท ตอนนี้ร้อนใจไปก็ไม่มีประโยชน์ พระองค์ไปเอาใจฮองเฮาก่อนดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”
เซี่ยเซวียนกระทืบเท้าทันที “เอาใจ ๆ ท่านเอาแต่บอกให้ข้าไปเอาใจผู้หญิงอัปลักษณ์นั่น หลายวันมานี้ข้าก็อยู่แต่กับนางยังไม่พออีกหรือ!”
หานเหล่ยหัวเราะเสียงเย็น “เช่นนั้นฝ่าบาทคิดจะทำเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ?”
เซี่ยเซวียนมองหานฉีที่ยืนอยู่ด้านหลัง “ให้หานฉีไปฆ่าสือฟางซะ! ตอนนี้เหลียงจงและหวังป้าเทียนต่างก็ตายหมดแล้ว ไม่มีอะไรต้องกลัวคนเหล่านั้นอีก หากพวกเราสามารถควบคุมกองกำลังสือฟางได้ พวกเราก็จะรักษาชีวิตเอาไว้ได้แล้ว”
“สือฟางตาย ใครจะไปต่อสู้กับกองทัพทหารเกราะเหล็กกัน?”
เซี่ยเซวียนคิดไปคิดมา “ยังมีสี่ขุนศึกใหญ่อยู่ไม่ใช่หรือ?”
“ฝ่าบาท ตระกูลหลักของสี่ขุนศึกใหญ่ล้วนตายด้วยน้ำมือของเผยยวน นับประสาอะไรกับญาติที่ไม่แน่ว่าจะหาชื่อของพวกเขาในลำดับวงศ์ตระกูลเจอหรือไม่ก็ยังไม่รู้เหล่านี้กัน?”
เซี่ยเซวียนฟังจบก็ชาวาบขึ้นมา “เช่น…เช่นนั้นจะทำเช่นไรกันดี พวกเราได้แต่รอความตายอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ?”
หานเหล่ยเอ่ยตอบ “กระหม่อมกำลังคิดหาวิธีติดต่อกับครอบครัวของเหลียงจงและหวังป้าเทียนอยู่ รวมถึงชนเผ่าที่กระจัดกระจายใกล้ ๆ บริเวณนี้แล้ว บางทีหลายกองกำลังรวมตัวกันอาจจะสามารถรักษาเอาไว้ได้อยู่”
ส่วนรักษาอะไรเอาไว้ได้นั้น หานเหล่ยไม่ได้พูดออกมา มีเป้าขนาดใหญ่อย่างเซี่ยเซวียนอยู่ตรงนี้ ลูกธนูย่อมยิงมาไม่ถึงหัวของเขาอยู่แล้ว
“หากไม่มีเรื่องอะไรแล้ว กระหม่อมขอตัวไปทำงานก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทอย่าลืมเป็นอันขาดว่าต้องทำดีกับฮองเฮาเอาไว้ ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ไม่สามารถแตกหักกับสือฟางได้”
แน่นอนว่าสือฟางนั้นสมควรตาย แต่ไม่ใช่เวลานี้ ไม่อย่างนั้นก็เท่ากับยกเมืองจินโจวให้เผยยวนน่ะสิ
กองกำลังสือฟางก็ไม่เคยเห็นเซี่ยเซวียนอยู่ในสายตา แล้วจะมาฟังเจ้าขี้เมาหยำเปผู้นี้ได้อย่างไรกัน
เซี่ยเซวียนกลับไปที่พักพร้อมความรู้สึกสับสน เมื่อมองไปยังสือซุ่ยซุ่ยที่กำลังปักผ้าอยู่ ในใจก็เกิดความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกขึ้นมา
แต่ที่ผ่านมาสือซุ่ยซุ่ยมักจะเข้ามาต้อนรับเสมอ ก่อนหน้านี้เขาโปรดปรานผู้หญิงคนอื่นจึงละเลยนางไป ตอนนั้นนางก็ชักสีหน้าไม่พอใจใส่เขา ทว่าก็ไม่ถึงขั้นทำเป็นมองไม่เห็นเช่นนี้
เซี่ยเซวียนตอนนี้ความรู้สึกไวอย่างมาก เพื่อเป็นการยืนยันความคิดของตัวเอง จึงได้ตรงเข้าไปถามทันที “ฮองเฮากำลังทำอะไรอย่างนั้นหรือ?”
สือซุ่ยซุ่ยเงยหน้าขึ้นมองเซี่ยเซวียน “ฝ่าบาท วันนี้ไม่ยุ่งหรือเพคะ?”
เซี่ยเซวียนแสร้งหัวเราะออกมา “ไม่ยุ่ง ข้ารู้สึกกระหายแล้ว”
สือซุ่ยซุ่ยจึงลุกยืนทันที “ในเมื่อไม่ยุ่ง เช่นนั้นหม่อมฉันก็มีเรื่องจะพูดกับฝ่าบาทเพคะ ช่วงนี้ท่านพ่อกำลังประสบกับความยากลำบาก หม่อมฉันจึงอยากจะกลับไปดูแลท่านพ่อเพคะ”
เซี่ยเซวียนขมวดคิ้ว “ไม่ได้ ข้าอยู่ห่างฮองเฮาไม่ได้”
“นี่ฝ่าบาทกำลังล้อเล่นอยู่หรือเพคะ? คืนวันแต่งงานฝ่าบาทยังไม่อยู่ที่ตำหนักหม่อมฉันด้วยซ้ำ วังหลังแห่งนี้หากขาดหม่อมฉันไปสักคน ฝ่าบาทก็คงไม่สังเกตเห็นหรอกเพคะ”
เซี่ยเซวียนก้าวไปข้างหน้าและโอบไหล่ของนางเอาไว้ “ฮองเฮายังโกรธข้าอยู่อีกหรือ ข้าอธิบายกับเจ้าไปแล้วไม่ใช่หรือ เจ้าอภัยให้ข้าได้หรือไม่?”
สือซุ่ยซุ่ยมองเซี่ยเซวียนออกตั้งนานแล้ว ตอนนี้เขาเอาไม้นี้มาใช้กับนางก็ไม่มีประโยชน์
เอ่ยจบสือซุ่ยซุ่ยก็เดินออกไปด้านนอกทันที
นางไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าสีหน้าของเซี่ยเซวียนนั้นเปลี่ยนไป และดูน่ากลัวเพียงใด
“ฮองเฮา”
สือซุ่ยซุ่ยระงับความอึดอัดไว้ภายในใจ สุดท้ายก็เหลือบมองเซี่ยเซวียน “ในใจฝ่าบาททรงคิดอะไรอยู่ มีอะไรที่หม่อมฉันยังไม่รู้อีกอย่างนั้นหรือเพคะ? เหตุใดยังต้องแสดงละครต่อหน้าหม่อมฉันอีก?”
“เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”
“ฝ่าบาทหลอกหม่อมฉันให้แต่งงานด้วย ก็เพื่อต้องการทหารในมือของท่านพ่อ บัดนี้ท่านอารองและท่านอาสามของหม่อมฉันก็ต้องมาตายเพื่อแผ่นดินบ้า ๆ นั่นของฝ่าบาท หากรู้เช่นนี้ หม่อมฉันขอไม่แต่งงานกับท่านเสียยังดีกว่า! ฝ่าบาทรังเกียจที่หม่อมฉันคอยเกาะแกะ บัดนี้หม่อมฉันก็ไม่ยินดีที่จะต้องปรนนิบัติฝ่าบาทเช่นกัน ภายหน้าฝ่าบาทจะโปรดปรานกุ้ยเฟยองค์ใดก็เชิญไปหาได้เลย กองกำลังสือฟางของเราไม่ควรต้องมาล้มตายเพื่อตระกูลเซี่ยของท่าน”
เซี่ยเซวียนจ้องแผ่นหลังของสือซุ่ยซุ่ย และมีความคิดอยากจะฆ่านางขึ้นมา
เขาจึงก้าวไปข้างหน้าและดึงสือซุ่ยซุ่ยเอาไว้ พลางเอ่ยกับคนรับใช้ที่คอยปรนนิบัติอยู่ “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก?”
เซี่ยเซวียนอารมณ์ฉุนเฉียว พวกเขาต่างก็ชินชาแล้ว จึงรีบถอยออกมาจากในตำหนักทันที
สือซุ่ยซุ่ยเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา ทว่าน้ำเสียงของเซี่ยเซวียนยังคงอ่อนโยน ราวกับต้องการจะปลอบนาง
ยามที่เซี่ยเซวียนต้องการปลอบคน คำที่พูดออกมาจึงน่าฟังอย่างยิ่ง สือซุ่ยซุ่ยตอนนั้นก็เคยติดกับเช่นนี้ของเขา จึงคิดแต่จะแต่งงานกับเขาให้ได้
“ฮองเฮาเหตุใดถึงพูดเช่นนี้เล่า? หัวใจที่ข้ามีต่อเจ้าฟ้าดินเป็นพยาน และต่อให้ท่านอารองและท่านอาสามของเจ้าไม่ไป เจ้าคิดว่าเผยยวนจะปล่อยพวกเราไปอย่างนั้นหรือ? ได้เพี่ยวโจวมาอย่างไร น่าอับอายเพียงใด ยังจะต้องให้ข้าพูดอีกอย่างนั้นหรือ? พวกเขาไม่เพียงต้องการยึดหลงซีทั้งแปดเมืองคืนเท่านั้น ทว่าเมืองอวิ๋นจงของเพี่ยวโจวก็ยังเป็นเป้าหมายแรกที่พวกเขาต้องการจะพิชิตอีกด้วย”
เซี่ยเซวียนมองสีหน้าของสือซุ่ยซุ่ย “เจ้าเข้าใจผิดข้าเช่นนี้ ทำให้ข้าเสียใจยิ่งนัก คิดว่าข้าอยากให้ท่านอารองและท่านอาสามของเจ้าตายอย่างนั้นหรือ? เช่นนี้มีประโยชน์อันใดกับข้ากัน”
สือซุ่ยซุ่ยลังเล “ท่านเลิกพูดกับข้าได้แล้ว ข้าอยากจะกลับไปหาท่านพ่อของข้า”
“ฮองเฮาซุ่ยซุ่ย เจ้าจะกลับไปเยี่ยมพ่อเจ้าก็ได้ ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้าเอง เช่นนี้เขาก็จะได้ไม่ต้องเป็นกังวลดีหรือไม่ ข้ารักเจ้าเพียงนี้ จะทนเห็นเจ้าไม่มีความสุขได้อย่างไรกัน”
สือซุ่ยซุ่ยเริ่มว้าวุ่นเพราะคำพูดเหล่านี้ของเขา นางก็ไม่อยากให้สือฟางต้องมาเป็นห่วง
จึงเผลอใจลอยไปชั่วขณะ
ทว่าสือซุ่ยซุ่ยยังเดินไปไม่ถึงสองก้าว พริบตาต่อมาก็ถูกคนผลักลงไปในสระน้ำ
เซี่ยเซวียนมองดูสือซุ่ยซุ่ยที่ว่ายน้ำไม่เป็นดิ้นรนอยู่ในสระ และยื่นมือขอความช่วยเหลือจากเขา ก่อนจะค่อย ๆ จมลงไปที่ก้นสระ
จากนั้นเซี่ยเซวียนก็กัดฟัน เอาหัวกระแทกกับภูเขาหินจำลองที่อยู่ข้าง ๆ
…
หานเหล่ยเพิ่งจะกลับมาที่จวนตอนพระอาทิตย์ตกดิน เมื่อครู่เขาไปพบคนมาหลายกลุ่ม พูดจนคอแห้งไปหมด ตั้งใจว่าจะดื่มน้ำแก้กระหายสักอึก ก็ได้ยินว่าเซี่ยเซวียนเกิดเรื่องขึ้น
“เจ้าบอกว่าใครตายนะ?”
“ฮองเฮาขอรับ ฮองเฮาจมน้ำตายในสระ ฝ่าบาทก็หัวแตกและบอกว่าเป็นฝีมือหน่วยสอดแนมของกองทัพทหารเกราะเหล็ก! ตอนนี้ท่านแม่ทัพใหญ่สือกำลังฆ่าคนในวังอยู่ เกรงว่าฝ่าบาทก็ตกอยู่ในอันตรายไปด้วยขอรับ”
หานเหล่ยแค่คิดก็รู้ว่าเรื่องนี้ท่าไม่ดีเสียแล้ว! ในใจก็แทบอยากจะฆ่าเจ้าโง่เซี่ยเซวียนทิ้งเสียเดี๋ยวนี้
เพราะคนอย่างเผยยวนไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้แน่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสือซุ่ยซุ่ยกับเขาไม่มีความแค้นต่อกัน ดังนั้นคนที่เป็นไปได้ว่าจะใช้แผนการต่ำช้าเช่นนี้ ก็มีแต่คนตระกูลเซี่ยเท่านั้น!
สือฟางเป็นคนฉลาด! เดิมเขาก็กำลังลังเลว่าควรจะเก็บเซี่ยเซวียนไว้ดีหรือไม่ ทว่าตอนนี้เซี่ยเซวียนกลับลงมือฆ่าสือซุ่ยซุ่ยอีก นี่เท่ากับเป็นการรนหาที่ตายชัด ๆ
หานเหล่ยคิดจะไปหาเซี่ยเซวียน ทว่าพริบตาต่อมาก็หยุดฝีเท้าลง “หานฉี รีบเก็บของ พวกเราไปจากเพี่ยวโจวกันเถอะ!”
เจ้าเซี่ยเซวียนนั่น เขาคงช่วยอะไรไม่ได้แล้ว หากเข้าวังไปตอนนี้ ใครก็อย่าหวังว่าจะหนีไปได้
ตัวใครตัวมันก็แล้วกัน!
.