เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย – บทที่ 513 ต้องการประลองใช่หรือไม่?

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

บทที่ 513 ต้องการประลองใช่หรือไม่?

“ช่างปากดีจริง ๆ ข้าจะดูสิว่าพวกเจ้าจะเอาของอะไรออกมา ครั้งนี้ข้ามาเมืองเจว๋เฉิงเพื่อมาทำการค้า ของที่เจ้าเมืองซือถูต้องการ ข้าจีฝูเย่มีให้ทุกอย่าง เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นจีฝูเย่ตัวจริง เช่นนั้นเจ้าสามารถนำอาวุธที่ร้ายกาจกว่าข้าออกมาได้หรือไม่ หากทำได้ ข้าจะยอมให้เจ้าเป็นพ่อค้าอาวุธอันดับหนึ่งในใต้หล้านี้ และจะไสหัวออกไปจากที่นี่เอง!”

จี้จือฮวนเดินเข้าไปหาเขาช้า ๆ “หืม? จะวางเดิมพันมากเพียงนี้จริงหรือ? ท่านเจ้าเมืองซือถูว่าอย่างไรเจ้าคะ เพราะอย่างไรเสียที่นี่ก็เป็นเมืองของท่าน หากมีคนต้องการประลอง นายท่านของเราย่อมไม่ขี้ขลาดอย่างแน่นอน แต่ข้าขอเตือนทุกท่านเอาไว้ รู้จักประมาณตนไว้จะดีกว่า ไม่ใช่ถึงเวลาแพ้ยับเยินขึ้นมาแล้วจะรับไม่ได้”

เวลานี้ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถทนเห็นท่าทีที่หยิ่งผยองของจี้จือฮวนได้อีกแล้ว

“ไม่ต้องพูดมาก ท่านเจ้าเมืองซือถูได้โปรดให้คนไปที่รถม้าของข้า แล้วหยิบอาวุธเหล่านั้นมา ข้าจะให้นักต้มตุ๋นเหล่านี้พ่ายแพ้อย่างศิโรราบ!”

“ได้!” ซือถูรุ่ยยกยิ้มอย่างนึกสนุก น่าสนใจขึ้นมาแล้ว

“เด็ก ๆ เตรียมที่นั่งให้ท่านฝูเย่ท่านนี้ด้วย”

จี้จือฮวนก็ไม่ได้เดินไปที่ใด นางยืนอยู่ที่เดิมรอพวกเขาไปหยิบของมา

พร้อมกันนั้นนางก็เริ่มใจลอยขึ้นมา

นับตั้งแต่ยึดเพี่ยวโจวคืนมา มิติพิเศษก็ได้รับการเพิ่มระดับขั้นขึ้นไปอีก ตอนนี้ภายในห้องอาวุธในมิติจึงมีอาวุธที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่จำนวนมาก

แต่จี้จือฮวนก็ไม่สามารถนำออกมาใช้ในกองทัพได้ มากสุดนางก็ทำได้แค่ใช้เป็นตัวอย่างเท่านั้น จากนั้นก็ทำการจำลองและสร้างขึ้นมาใหม่ โดยใช้วิธีการที่คล้าย ๆ กัน และทำขึ้นมาจากวัสดุอุปกรณ์ที่สามารถหาได้ในยุคนี้แทน

แต่วันนี้มีโอกาสที่จะได้บดขยี้คนซึ่งชอบด้วยเหตุผล ดังนั้นจี้จือฮวนจะทำให้คนเหล่านี้ได้เปิดโลกกว้าง

ไม่นานคนของซือถูรุ่ยก็ขนอาวุธที่จีฝูเย่นำมาทั้งหมดขึ้นมาบนเรือสำราญ พวกจี้จือฮวนจึงมองไปด้วยความสงสัย

ก่อนจะเห็นจีฝูเย่เดินเข้าไปและเลิกผ้าสีดำที่คลุมอยู่ออก ในนั้นมีอาวุธทุกประเภทจริง ๆ หลายชิ้นยังเป็นแบบที่ผสมผสานกัน และซ่อนกลไกเอาไว้อีกด้วย

คันธนู หน้าไม้ ทวน กระบอง ดาบ กระบี่ อาวุธที่พบเห็นได้บ่อยในสนามรบเหล่านี้ ล้วนได้รับการขัดเกลาให้มีรูปลักษณ์ที่แตกต่างตามความคิดที่พิสดารของเขา และเห็นได้ชัดว่ามาเพื่อเจรจาการค้าครั้งนี้ให้สำเร็จโดยเฉพาะ

ซือถูรุ่ยเลือกของที่มีรูปทรงแปลกประหลาด ที่ดูคล้ายดอกบัวชิ้นหนึ่งออกมา จี้จือฮวนดูแล้วรู้สึกคุ้นตาอย่างมาก

“นี่คืออะไร?”

จีฝูเย่เชิดคางขึ้น “นี่เป็นการค้นคว้าล่าสุดของข้า ไม่จำเป็นต้องเข้าใกล้ก็สามารถเด็ดหัวของศัตรูได้”

เขาเอ่ยจบก็ให้คนนำหุ่นตัวหนึ่งมา และสาธิตให้ซือถูรุ่ยดูด้วยตัวเอง

ก่อนจะเห็นว่าจีฝูเย่ได้ยืนห่างจากหุ่นเชิดประมาณสามจั้ง จากนั้นก็หมุนดอกบัวเหล็กไปทางหุ่นนั่น เพียงชั่วอึดใจ เมื่อดอกบัวเข้าใกล้หุ่น กลีบของดอกบัวก็คลี่ออกและหันไปทางด้านนอก กลายเป็นใบมีดที่คมกริบ ระหว่างที่มันหมุนไปหัวของหุ่นก็ร่วงลงกับพื้นในทันที

ทุกคนจึงสูดลมหายใจเย็นเยียบเข้าปอด

“เป็นของดีในสนามรบจริง ๆ”

จีฝูเย่แค่นเสียงเย็น ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา “ถึงตาพวกเจ้าแล้ว”

จี้จือฮวนแคะเล็บตัวเองเล็กน้อย “ละครของเจ้าจบแล้วใช่หรือไม่?”

“ทำไม ตอนนี้คิดจะยอมแพ้แล้วอย่างนั้นหรือ ข้าไม่มีทางปล่อยพวกเจ้าไปแน่”

“ไม่ ข้าแค่คิดว่าหากเจ้ายังมีของอะไรอีกก็ควรนำออกมาทีเดียวไปเลย ประลองทีละอย่างเหนื่อยจะตายไป นายท่านของพวกเราแม้แต่อาหารก็ยังกินไปได้แค่ไม่กี่คำ กลับต้องมานั่งฟังพวกเจ้าที่เอาแต่พูดพล่าม น่ารำคาญจะตายไป”

“เจ้า! ดี! ข้าจะให้เจ้าได้ตายสมใจ!”

เอ่ยจบ เขาก็หยิบโล่ออกมาอีกสองสามอัน ซึ่งคล้ายกับรูปทรงเรขาคณิตมากกว่า เมื่อเทียบกับโล่แบบดั้งเดิม โล่เหล่านี้สามารถประกอบเข้าด้วยกันและทำเป็นผนังที่แน่นหนาได้

เป็นความคิดที่ดี แต่อย่างไรเสียก็คงมีแค่คนที่ไม่เคยเข้าสนามรบเท่านั้น จึงจะสามารถคิดออกมาได้

โล่ชนิดนี้เหมาะสำหรับการต่อสู้กลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้น และใช้เพื่อปกป้องกำลังหลัก

แต่หากพื้นที่ของสนามรบไม่ใหญ่พอและมีคนมากเกินไป ผู้คนส่วนใหญ่ก็จะหาทางหนีโดยไม่แยกแยะมิตรและศัตรู

โดยช่องว่างของทหารโล่นั้นมีไว้ให้พลหอกที่อยู่ข้างหลัง แต่การที่โล่ของจีฝูเย่เชื่อมต่อกันอย่างแนบสนิทเช่นนี้ ศัตรูอาจไม่สามารถใช้ประโยชน์จากช่องว่างเพื่อโจมตีได้ก็จริง แต่พวกเขาก็ไม่สามารถโต้กลับได้เช่นกัน

ดังนั้นพวกเผยยวนที่เดิมต้องการดูเขาแสดงละครอย่างเงียบ ๆ ก็เปลี่ยนมาเป็นฟังเขาพูดจาไร้สาระแทน

ทว่าเรื่องเพ้อฝันของเขากลับทำให้ชาวยุทธ์คนอื่น ๆ ตกตะลึงได้เล็กน้อย และเห็นว่าเป็นของดี

ใช่แล้ว สิ่งเหล่านี้มีประโยชน์สำหรับพวกเขามากจริง ๆ

บัดนี้สายตาของซือถูรุ่ยจึงจ้องเผยยวนเขม็ง “พี่จี เขาแสดงถึงขนาดนี้แล้ว หากท่านยังไม่มีอะไรมาแสดงล่ะก็ ข้าคงทำได้เพียงคิดว่าท่านยอมแพ้แล้ว

ส่วนราคาที่กล้าโกหกข้านั้น พี่จี เกรงว่าท่านจะรับไม่ไหวนะ”

ทันใดนั้นจี้จือฮวนก็ได้เอ่ยขัดขึ้นมา “แสดงจบแล้วใช่หรือไม่?”

นางเดินออกไปด้านหน้า เย่จิ่งฝูจึงเอ่ยด้วยความเป็นกังวลขึ้นมา “นางจะไหวหรือไม่?”

ทุกคนมองนางด้วยสีหน้าราวกับจะพูดว่า เจ้าล้อข้าเล่นอย่างนั้นหรือ “เจ้าคอยดูเถอะ”

ในกระเป๋านั่นของลูกพี่ฮวนฮวน นางอาจจะล้วงของเล่นพิสดารที่เจ้าไม่เคยเห็นมาก่อนออกมาก็ได้

จากนั้นจี้จือฮวนก็ได้หยิบกล่องใบเล็กสีดำสนิทกล่องหนึ่งออกมา

“อาวุธชิ้นแรกที่คุณชายฝูเย่ของเรานำมาในครั้งนี้ก็คือสิ่งนี้”

เมื่อทุกคนเห็นก็พากันหัวเราะเสียงดังลั่น

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ พวกเจ้าเสแสร้งต่อไปไม่ได้แล้วใช่หรือไม่ จึงนำโถที่ให้จิ้งหรีดสู้กันออกมาเช่นนี้ ต้องการให้คนหัวเราะจนตายอย่างนั้นหรือ?”

“สู้ไม่ได้ ก็คุกเข่าลงขอร้องซะ!”

“ท่านเจ้าเมือง คนพวกนี้กล้าหลอกพวกเรา! ให้ข้าเข้าไปเด็ดหัวของนางเถอะขอรับ”

ซือถูรุ่ยปัดมือส่งสัญญาณให้พวกเขาเงียบลง ก่อนจะถามออกมาตรง ๆ “พี่จี ท่านจนตรอกแล้วอย่างนั้นหรือ?”

“รีบร้อนไปทำไมกัน พวกไม่เคยเห็นโลกกว้าง” อาอินร้อนใจจึงเอ่ยเสียงดังขึ้นมา

มุมปากของจี้จือฮวนยกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะกดลงบนกล่องใบเล็กนั่นหนึ่งที ก็มีแสงสีแดงเป็นเส้น ๆ จำนวนนับไม่ถ้วนส่องออกมาทันที

ทุกคนเห็นนางคล้ายกับกำลังเล่นกลอยู่ แม้จะสงสัยว่ากล่องใบนั้นเปล่งแสงออกมาได้อย่างไร แต่พวกเขากลับอยากรู้มากกว่าว่าแสงเหล่านี้มีประโยชน์อันใด

“หากมีท่านใดสามารถเหาะข้ามแสงนี้ได้จะถือว่าข้าแพ้” หลังจากจี้จือฮวนเอ่ยจบ ก็มีคนที่ไม่เชื่อแล้วลุกขึ้นมา “วิชาตัวเบาของข้าร้ายกาจกว่าใคร ข้าไปเอง”

ก่อนจะเห็นชายผู้นั้นเหยียบโต๊ะตรงหน้าแล้วเหาะขึ้นไป พลิ้วไหวราวกับสายลม เพื่ออวดทักษะของตัวเองเขายังได้เหาะวนหนึ่งรอบอีกด้วย พร้อมกับดึงปิ่นไข่มุกบนศีรษะของสาวใช้คนหนึ่งมาโดยที่นางไม่ทันรู้ตัว จึงได้รับเสียงชื่นชมจากคนทั้งห้องโถง

“พอได้แล้ว เลิกอวดเสียที เหาะไปเด็ดหัวนางซะ!”

มีคนเอ่ยขึ้นมาอย่างรอไม่ไหวอีกต่อไป

“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!” ชายผู้นั้นเหาะไปทางเส้นสีแดงเหล่านั้น ทว่าเพิ่งจะผ่านเข้าไปเขาก็รู้สึกแสบร้อนอย่างรุนแรง

เมื่อมองดูดี ๆ ก็พบว่าผมและเสื้อผ้าของเขาถูกเผาไหม้ และเกิดเป็นแผลบนร่างกายหลายแผล หากเหาะข้ามไปจริง ๆ มิเท่ากับจะถูกเผาเป็นหมูย่างหรอกหรือ?

ซือถูรุ่ยดวงตาเป็นประกาย ความโลภส่องประกายออกมา

“เป็นเพราะเหตุใดกัน?”

“ง่ายมาก ของชิ้นเล็กนี้มีสติปัญญา มันจะไม่เผาสิ่งที่ไม่มีชีวิต แต่หากมีสิ่งมีชีวิตผ่านตรงหน้ามันล่ะก็ แม้แต่ยุงมันก็จะไม่ปล่อยไป”

ราวกับเป็นการยืนยันคำพูดของนาง แสงสีแดงนั้นเริ่มทำงานอีกครั้ง ต่อให้จะมีวรยุทธ์ล้ำเลิศเพียงใด ก็ไม่สามารถผ่านลำแสงเหล่านี้ไปได้ ไม่ว่าจะเคลื่อนไหวรวดเร็วเพียงใด ก็ไม่สามารถหลุดลอดจากมันไปได้

เพียงแค่ของชิ้นนี้ชิ้นเดียว เมื่อเทียบกันแล้ว ทำให้จีฝูเย่ผู้นั้นไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมาได้อีกแล้ว!

“เช่นนั้นหากของสิ่งนี้ปะทะกับโล่เล่า มิเท่ากับไร้พลานุภาพหรอกหรือ?!” ในที่สุดจีฝูเย่ก็หาจุดอ่อนเจอ และเค้นถามออกมาตรง ๆ

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

Status: Ongoing
หน่วยสืบราชการลับ—จี้จือฮวนเกิดใหม่เป็นตัวประกอบในนิยายที่ได้แต่งกับเทพสงครามเป็นแม่เลี้ยงของ 3 วายร้ายแต่กลับต้องตายตั้งแต่ต้นเรื่อง ในเมื่อปฏิเสธชะตาไม่ได้ขอแค่ไม่ตายก็จะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม!จี้จือฮวน–หน่วยสืบสวนราชการลับระดับ S ในโลกล้ำยุค จู่ ๆ ก็ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองกลายเป็นตัวประกอบหญิงในนิยายที่เคยอ่าน(แต่ไม่จบ) ซึ่งตายตั้งแต่ยังไม่พ้นสามบทแรก! เธอคนนี้แต่งงานกับเผยยวนได้รับสมญานาม ‘เทพสงครามแห่งความตาย’ และเป็นแม่เลี้ยงของเด็กแสบสามคนจี้จือฮวนปฏิเสธชะตากรรมนองเลือด ขอแค่มีชีวิตรอดปลอดภัย อยู่ต่อไปก็พอแต่เรื่องกลับไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะตัวประกอบที่เธอกำลังเป็นอยู่ดันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ลูกเลี้ยงทั้งสามกลายเป็นตัวมากเล่ห์ จอมมารร้าย ซึ่งจะนำพาพวกเขาไปสู่จุดจบอันเศร้าสลดเมื่อทั้งสามโตขึ้น…นั่นก็คือความตายอย่างน่าอนาถในเมื่อเลือกไม่ได้ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เธอจะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม!.โชคดีสวรรค์ยังมีตา เธอมีทักษะทุกอย่าง ทั้งงานฝีมือ ทักษะการเพาะปลูกและทำนาที่สามารถหาเงินเพื่อใช้เลี้ยงครอบครัวได้ ยิ่งกว่านั้น เธอมีของดีที่สุด คือมิติพิเศษที่ช่วยให่เธอหยิบยืมอะไรก็ได้จากโลกอนาคตติดตัวมาด้วย!.เอาล่ะ! ในฐานะอดีตสายลับระดับสุดยอด ใครหน้าไหนก็หยามกันไม่ได้! ต่อให้เป็นสวรรค์ก็เถอะ หากคิดจะฆ่าเธอทิ้ง เธอจะชิงสังหารสวรรค์ก่อน!..ต่อมาลูกชายคนโตที่ตั้งแต่เด็กสุดแสนจะเงียบขรึมกลับได้ขึ้นเป็นกษัตริย์! นักรบจอมพลังซึ่งเป็นลูกสาวคนที่สองก็กลายเป็นแม่ทัพหญิงคนแรกที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ผู้ที่ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดในใต้หล้า แม้แต่ลูกชายคนเล็กก็กลายเป็นแพทย์หนุ่มผู้เชี่ยวชาญสารพัดพิษ ร่างกายของเขาทนทานต่อพิษทั้งปวงอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้..จี้จือฮวนรู้สึกว่าตนเองไร้ประโยชน์ในฐานะสาวงามที่ถูกราชสำนักและประชาชนผลักไสอย่างไร้ความปรานี เธอจึงจำต้องทำให้ตัวเองเป็นสตรีที่น่าเกรงขาม เป็นที่หวาดกลัวต่อราชสำนักและประชาชนเมื่อทุกคนนึกถึง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท